WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

5ข้อแนะนำ

5 Take care of yourself and your health the best

     ในช่วงเวลานี้ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ภาครัฐเป็นอย่างมาก จึงมีการประกาศใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการระบาดของโรค ควบคู่ไปกับการเร่งแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งจากการสำรวจของ National Endowment for Financial Education (NEFE) ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า 88% ของประชากรมีความเครียดหนักในเรื่องของการบริหารเงินส่วนบุคคล (Personal Finances) แล้วอีกกว่า ครึ่งของจำนวนประชากรมีความกังวลในเรื่องของเงินเก็บที่ไม่เพียงพอ

    จนวิตกไปถึงความสามารถในการชำระหนี้ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในส่วนของประเทศไทยนั้น องค์กรUNICEF, UNDP และ UNFPA ก็ได้ทำการสำรวจผลกระทบและความต้องการของเด็ก และเยาวชนในประเทศไทย ในสถานการณ์ของโรคโควิด-19 เพื่อเป็นข้อมูลเร่งด่วนให้กับหน่วยงานภาครัฐเพื่อใช้แก้ปัญหาโดยความกังวลใจของเด็กและเยาวชน 80.74% เป็นเรื่องปัญหาการเงินของครอบครัว รองลงมาเป็นเรื่องการเรียนและการสอบ (53.98%) กังวลว่าคนใกล้ตัวหรือตัวเองจะติดเชื้อไวรัส (52.55%) กังวลเรื่องโอกาสในการศึกษาต่อ (47.82%) และมีความเครียดจากการต้องอยู่แต่ในบ้าน (46.27%)

      ขณะที่ 84.66% ชี้ว่า ผลกระทบและความกังวลใจในวงกว้างคือ เรื่องของสถานะทางการเงินของครอบครัวที่ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่า หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ตามมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 คือ ปัญหาบริหารเงินส่วนบุคคล

     ดร.กุลบุตร โกเมนกุล รองคณบดี ฝ่ายบริหารและวิเทศสัมพันธ์ วิทยาลัยนานาชาติ และอาจารย์ สาขาการเงินและการลงทุน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้รายได้ของประชาชนและธุรกิจปรับลดลง หลายธุรกิจต้องปิดดำเนินการ บางแห่งต้องปิดกิจการลง ทำให้หลายคนต้องตกงาน ขาดรายได้ โดยกลุ่มคนที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ กลุ่มคนที่มีหนี้สิน และมีรายได้ที่ลดลง ซึ่งในขณะนี้ก็ยังมีภาระต้องผ่านชำระหนี้ตามงวด ๆ ดังนั้น อาจารย์กุลบุตรได้ให้ข้อแนะนำ 5 อย่างในการบริหารเงินส่วนบุคคล ยุคโควิด-19

       เรียนรู้ ติดตามข่าวสาร ที่เกี่ยวข้องการบริหารการเงินจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th) และสถาบันการเงินต่างๆ ได้เผยแพร่ความรู้ มาตราการ ช่วยเหลือต่างๆ ทำให้เราได้ทราบถึง มาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้ และช่องทางต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ ยังมีศูนย์คุ้มครองบริการทางการเงิน (ศคง.) ที่คอยให้คำปรึกษา หรือ ช่องทาง “ทางด่วนแก้หนี้” เพื่อเป็นช่องทางเสริมสำหรับประชาชน และธุรกิจที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยสามารถแจ้งความต้องการไปที่ผ่านทางเว็บไซต์ www.1213.or.th

      การจัดการหนี้ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนมีหนี้ ซึ่งการลดภาระมีหลายรูปแบบ เช่น การพักชำระเงินต้น หรือ การพักชำระดอกเบี้ย ซึ่งเราเรียกง่ายๆว่า ‘การแขวนหนี้’ โดยการพักการชำระดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับคะแนนเครดิต (Credit Score) และไม่ส่งผลต่อประวัติในการผิดนัดชำระหนี้ใดๆ อย่างไรก็ตาม มาตรการช่วยเหลือที่สถาบันการเงินประกาศเป็นเพียงมาตรการช่วยเหลือขั้นต่ำของแต่ละแห่งเท่านั้น ลูกหนี้ยังสามารถเจรจากับสถาบันการเงินให้ผ่อนปรนเพิ่มได้เป็นกรณีๆ ถ้าเห็นว่า การผ่อนชำระนั้นยังสูงเกิดกว่าที่จะชำระไหว

      ในส่วนกรณีหนี้บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ที่ปกติธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 18% ถึง 28% ลูกหนี้ที่มีประวัติผ่อนชำระดี อาจจะขอให้ธนาคารเปลี่ยนหนี้บัตรที่เดิมต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงมาเป็นสินเชื่อระยะสั้น (short-term loan) ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะถูกลงมาก เช่น เหลือแค่12% นอกจากนี้ ลูกหนี้ยังขอรีไฟแนนซ์ (refinance) หนี้บัตรไปยังธนาคารอื่นที่อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าได้อีกด้วย

       ลดค่าใช้จ่าย และจัดลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ที่ไม่มีหนี้ และผู้ที่จัดการวางแผนหนี้ อันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไป ก็ต้องลดค่าใช้จ่ายลง รวมถึงไม่สร้างภาระหนี้สินเพิ่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงกระทำในช่วงเศรษฐกิจถดถอย รายได้หด คิดว่าทุกคนควรต้องรู้ว่าในแต่ละเดือนนั้น เรามีค่าใช้จ่ายเพื่อใช้ดำรงชีพต่อคน หรือต่อครัวเรือน ประมาณเท่าไร สำหรับการลดค่าใช้แต่ละคนนั้นจะมีวิธีที่ปฎิบัติแตกต่างกันออกไป แต่วิธีง่ายที่สุด คือ การจัดกลุ่มและเรียงลำดับค่าใช้จ่ายประเภทต่างๆ

     โดยเริ่มจากการจำแนกรายจ่ายที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำ ได้แก่ ค่าเช่าบ้าน ค่าห้อง ค่าสาธารณูปโภค ค่าโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ต ซึ่งรายจ่ายพวกนี้จะถูกจัดไว้ในความสำคัญลำดับต้น กลุ่มที่สอง คือ ค่าใช้จ่ายรายวัน ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และกลุ่มสุดท้าย ค่าสินค้าที่ยังไม่มีความจำเป็น (สินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ) ถัดไปก็ลิสต์รายการที่ควรตัดทิ้ง และสามารถลดค่าใช้จ่ายลง เช่น ค่าไฟฟ้า สามารถลดลงอีกได้ไหม หรือ สำหรับผู้ที่ WFH (Work From Home) การที่ค่าไฟฟ้า ไม่ได้เพิ่มขึ้นก็ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายส่วนนึงได้แล้ว ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม สามารถลดลงได้อีกไหม สำหรับการลดค่าใช้จ่ายนั้น ดูเหมือนง่ายแต่ทำยาก เทคนิคง่ายๆ ในการให้เกิดผล ควรต้องมีการตั้งเป้าหมายไว้ และตั้งรางวัลให้กับตัวเราเอง 

        การหาโอกาส และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี บนระบบออนไลน์ เราไม่ควรใช้เทคโนโลยีเพียงเพื่อหาข้อมูล แต่ควรนำข้อมูลต่างๆ เหล่านั้นมาใช้เป็นช่องทางต่างๆ ในการหาเงิน หรือ สร้างรายได้เพิ่ม จะเห็นว่ามีหลายคนได้ใช้วิกฤตโควิด สร้างโอกาสในการหาเงิน สำหรับผู้ที่ยังคิดไม่ออกในการทำธุรกิจเสริม อาจจะเริ่มง่ายๆ จากการแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสด เช่น หาสินทรัพย์ไม่ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ (Underutilised Assets) หรือสิ่งของภายในบ้านที่มีประโยชน์แต่เราไม่ได้นำมาใช้งาน ซึ่งของเหล่านั้นก็มีแต่รอวันเสื่อมค่าลง

      โดยนำของเหล่านั้นไปขายบนแพลตฟอร์ม ออนไลน์ต่างๆ นอกจากจะได้เงินสดมาเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ตนเองแล้ว ยังเป็นการเรียนรู้ การทำธุรกิจออนไลน์ไปในตัว ในการหารายได้พิเศษ ผลประโยชน์บางอย่างอาจจะไม่ได้อยู่ในรูปแบบตัวเงิน เช่น การสร้างแบรด์ต่างๆ ให้แก่ธุรกิจ หรือตัวของเรา  Personal branding ผ่านทางแอพโซเชียลต่างๆ แล้วจึงค่อยหาโอกาส ทำธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ภายหลัง  

       5.Take care of yourself and your health the best อย่างสุดท้าย คือ ต้องดูแลตัวคุณเองให้ดีที่สุด ดูแลในที่นี้ หมายถึง ทั้งสุขภาพกายและจิตใจ คอยปฎิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ วิธีการดูแลตัวเอง ที่ภาครัฐ และหน่วยงานต่าง ๆ ประกาศ เพื่อลดความเสี่ยง ปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา ดังนั้นหากในกรณีแย่ที่สุด สุขภาพกาย จิตใจมีปัญหารุนแรง ก็จะส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉิน แม้ว่าจะมีหลายคนได้วางแผนป้องกันความเสี่ยงโดยการทำประกันภัยไว้บ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม มันยังมีค่าใช้จ่ายที่ซ่อนเร้น (Hidden costs) ต้นทุนค่าเสียโอกาสต่างๆ ที่จะตามมา ซึ่งแน่นอน เราก็จะต้องวนลูปกลับไปแก้ปัญหาภาระหนี้สินข้างตนต่อไม่จบสิ้น

     นอกจากนี้ ยังมีคำถามจากหลายคนว่า ควรลงทุนในตอนนี้ไหม ราคาหุ้นที่ตกลงควรทำอย่างไร อาจารย์กุลบุตร ได้ให้ข้อคิดเห็นต่อไปว่า ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย แน่นอนพอร์ตการลงทุนของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุน หรือหุ้นสามัญ ส่วนใหญ่จะต้องติดลบ ในตลาดขาลง ที่มีความผันผวนของตลาดอย่างมาก มีผู้เชี่ยวชาญและนักการเงินบางท่านก็จะเสนอแนะให้นักลงทุนหาโอกาสจากการที่ Fed (ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา) ปรับดอกเบี้ยลดลงในประวัติการณ์ รวมถึง ตลาดหุ้นที่ดัชนีตกลงมาอย่างมาก

      แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงโควิด ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นเราควรเลี่ยงการลงทุนในตลาดช่วงนี้ ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ คือ สิ่งที่เราสามารถจัดการมันได้ด้วยตัวเราเอง นั้นก็คือ การดูแลตัวคุณและคนในครอบครัว แทนที่จะไปโฟกัส day-to-day markets หรือ การเคลื่อนไหวของตลาดรายวัน

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!