เอสซีจี โลจิสติกส์ ขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ทุ่มงบไอที พัฒนาโซลูชั่นนำเข้า-ส่งออก เสริมความแข็งแกร่งให้ลูกค้าเต็มรูปแบบ

Details: Category: Logistics; Published: Sunday, 20 March 2016 09:42; Hits: 2181

อย่าลืม!...กดไลน์-แชร์กันด้วยนะครับ

1เอสซจ

เอสซีจี โลจิสติกส์ ขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ทุ่มงบไอที พัฒนาโซลูชั่นนำเข้า-ส่งออก เสริมความแข็งแกร่งให้ลูกค้าเต็มรูปแบบ

เอสซีจี โลจิสติกส์ ผู้นำการให้บริการด้านโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าอย่างเต็มรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดกลยุทธ์รองรับการเติบโตของธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ทุบงบไอทีกว่า 400 ล้านบาท พัฒนาโซลูชั่นการขนส่งสินค้าด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เน้นระบบการบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งภายในและภายนอกประเทศ ขยายโอกาสการแข่งขันในตลาดอย่างครบวงจร ผลักดันธุรกิจเติบโตอีก 18% ตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาทภายในสิ้นปี

นายสยามรัฐ สุทธานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเมนท์ จำกัด ในเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เปิดเผยว่า หลังจากที่ เอสซีจี โลจิสติกส์ ได้เปิดตัวบริการ Next Day Nationwide ไปเมื่อปี 2558 ซึ่งเป็นบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเรื่องความรวดเร็วในการขนส่ง และลดปัญหาความยุ่งยากที่ต้องติดต่อผู้ให้บริการหลายราย ช่วยสนับสนุนธุรกิจที่มีความต้องการส่งสินค้าจำนวนน้อยแต่เร่งด่วน ให้จัดส่งถึงที่หมายทั่วประเทศภายในวันรุ่งขึ้นได้ ทำให้ลดต้นทุนสินค้าคงคลัง และไม่สูญเสียโอกาสทางการขาย สามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ในปีนี้ ยังคงเดินหน้าพัฒนากลยุทธ์อย่างต่อเนื่องด้วยการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ไปยังภูมิภาค และพร้อมยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ (Logistics Hub) แห่งภูมิภาคอาเซียน ตามการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยยังคงให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดน รวมถึงการขนส่งสินค้าภายในประเทศต่างๆ เพื่อให้สินค้าไทยสามารถกระจายไปสู่ภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว พัฒนาเครือข่ายการขนส่งข้ามประเทศ (Cross Border Transportation) เน้นพัฒนาด่านที่สำคัญ 3 ด่านได้แก่ อรัญประเทศ แม่สอด มุกดาหาร อีกทั้งสร้างฐานและขยายเครือข่ายการขนส่งในกลุ่มประเทศ GMS และอินโดนีเซีย พร้อมได้จัดตั้งบริษัทโลจิสติกส์ในประเทศเมียนมา ลาว กัมพูชา และจีนตอนใต้

นอกจากนี้ เอสซีจี โลจิสติกส์ ยังสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อสนับสนุนศักยภาพการแข่งขันให้กับลูกค้าด้วยการพัฒนาโซลูชั่นด้านการนำเข้า-ส่งออกของไทยให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความผิดพลาด รวมทั้งลดความเสี่ยงต่าง ๆ จากการค้าระหว่างประเทศ โดยทุ่มงบประมาณด้านเทคโนโลยีกว่า 400 ล้านบาท นำเทคโนโลยีระดับโลกจาก ORACLE มาใช้สร้างระบบเชื่อมโยงข้อมูลการขนส่งระหว่างประเทศ มีโปรแกรม

ตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ และยังได้นำระบบการจัดการเอกสารอย่างเป็นระบบจาก OpenText มาใช้จัดการเอกสารตั้งแต่คำสั่งซื้อจนถึงการจ่ายเงิน ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถวางใจได้ว่าสินค้าจะไปถึงปลายทางอย่างสมบูรณ์ ตรวจสอบทุกสถานะของกระบวนการได้ และทราบกำหนดการได้รับค่าสินค้าอย่างแน่นอน ช่วยลดทอนความยุ่งยากในการติดต่อหลายส่วนงาน อีกทั้งยังสร้างประสิทธิภาพในการนำเข้า-ส่งออกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้าด้วยบริการแบบ One Stop Service ให้บริการขนส่งสินค้าทั้งทางรถบรรทุก เครื่องบิน และทางเรือ พร้อมด้วยศูนย์กระจายสินค้าที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ตลอดจนการติดต่อกับกรมศุลกากร จัดการเอกสารครบทุกกระบวนการและทุกขั้นตอน ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดโครงการหนึ่งของเอสซีจี และถือเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน(Infrastructure) โดยมีบริษัทจัดการไอทีชั้นนำร่วมพัฒนาโครงการนี้กว่า 10 ราย มีกำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2559 และจะเริ่มใช้จริงต้นปี 2560

เอสซีจี โลจิสติกส์ เชื่อมั่นว่า การใช้กลยุทธ์พัฒนาโซลูชั่นและลงทุนด้านเทคโนโลยีดังกล่าว จะช่วย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจให้ลูกค้า ตลอดจนส่งเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี โลจิสติกส์ ให้เติบโตขึ้นตามแผน โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 17,800 ล้านบาท ภายในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 18 %

SCG Logistics to expand ASEAN business and invest in IT to develop fully-integrated import-export solutions to help strengthen customers’ operation

Bangkok: 15 March 2016 – SCG Logistics, a leading fully-integrated logistics and transportation service provider in Thailand and beyond, has announced the strategy to facilitate the growth of businesses in the ASEAN region by investing more than 400 million baht in IT to develop cutting-edge logistics technology that focuses on integrated management solutions to serve the demands of customers in Thailand and abroad. The strategic investment is expected to increase its competitive advantage and grow its business by 18 percent. The company forecasts annual revenue of 17.8 billion Baht this year.

Mr. Syamrath Suthanukul, Managing Director, SCG Logistics Management Company Limited, under SCG Cement-Building Materials, said that the launch of the Next Day Nationwide service in 2015 served the demands of customers who required speedy nationwide delivery by eliminating the complexity of having to contact multiple service providers. The service is ideal for businesses that need to deliver a small amount of products but in a speedy manner, as the Next Day Nationwide solution gave them the ability to offer next-day delivery anywhere in Thailand. This helps customers reduce inventory costs and opportunity cost, and increases their overall competitive edge. This year SCG Logistics will continue to develop new business strategies focusing on regional logistics networks and elevating Thailand to become the logistics hub in the ASEAN region, since the ASEAN Economic Community has already come into effect. The company will continue to provide cross-region as well as domestic transportation services in order to help distribute products to regional destinations quickly. Improvements will be made to cross border transportation networks, with a particular focus on three border crossings, namely Aranyaprathet, Mae Sod and Mukdahan. SCG Logistics will also continue to establish and expand transportation networks in the GMS countries and Indonesia, while also setting up logistics companies in Myanmar, Laos, Cambodia and the south of China.

In addition, SCG Logistics offers added value to its customers, helping to enhance their competitiveness through the development of Thailand’s import-export solutions to be on par with international standards. These developments will maximize efficiency and minimize errors as well as risks associated with international trade. By earmarking more than 400 million baht for investments in technology, the company will utilize world-class technology from ORACLE to build a network system that links inter-country transportation data, with an audit program to ensure compliance with cross border trade laws and regulations. The document management system overhaul will rely on a system from OpenText to manage all documentation from generating purchase orders through the payment process.

The new technology will give customers the confidence that their products will reach the final destination in the pristine conditions, as well as an ability to check the status throughout the entire process and know the exact arrival time. This helps to reduce the complexity of having to deal with multiple parties and departments and increase the efficiency of the import-export processes. The One Stop Service greatly enhances convenience for customers, who can choose truck, plane or sea transports from the distribution center in Laem Chabang industrial estate. The service also helps customers contact the Customs Department and deal with the entire documentation process. The One Stop Service is one of SCG’s largest projects. SCG is Thailand’s first company that invests in IT infrastructure by partnering with more than 10 leading IT companies. The development of the service is due to be completed by the end of 2016 and operational by early 2017.

SCG Logistics believes that the strategy to develop integrated solutions and invest in cutting-edge technology will greatly increase its customers’ competitive edge and strengthen its capacity in line with the company plan. The company aims to achieve annual revenue of 17.8 billion baht this year, a growth of approximately 18 percent from 2015.

Fact Sheet รายได้และเป้าหมาย SCG Logistics

รายได้ปี 2558 = 15,000 เป้าปี 2559 =17,800

ในประเทศ = 96% ต่างประเทศ = 4% ในประเทศ = 93% ต่างประเทศ = 6%

SCG Non-SCG SCG Non-SCG

0.85 0.11 0.81 0.13

12,650 1,700 ล้านบาท 650 ล้านบาท 14,400 2,250 1,150

ล้านบาท ล้านบาท ล้านบาท ล้านบาท

ต่างประเทศ

ประเทศ รายได้ปี 2558 เป้าปี 2559

650 ล้านบาท 1,150 ล้านบาท

จีน 55 ล้านบาท 130 ล้านบาท

กัมพูชา 565 ล้านบาท 640 ล้านบาท