WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

AECประชาคมอาเซยน'ทุน-แรงงาน'เคลื่อนย้ายอสังหา..จัดทัพรับ'เออีซี'

     ไทยโพสต์ : เริ่มปีใหม่ 2559 ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ ‘ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน’หรือ AEC อย่างเป็นทางการ โดยที่ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศรวมตัวกันเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน และแรงงานมีฝีมืออย่างเสรี

       หากเปรียบเทียบในแง่ของตลาดที่อยู่อาศัย จากตลาดเดิมของไทยที่มีประชากรรวม 65 ล้านคน จะกลายเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับอาเซียน ที่มีประชากรอาศัยอยู่กว่า 600 ล้านคน หรือคิดเป็น 10% ของประชากรโลก

      ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความคึกคักเป็นอย่างมาก ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค จากปัจจัยบวกที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ การแข่งขันการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดูเหมือนว่าจะอาศัยการเข้าสู่เออีซี เป็นจุดขายมากที่สุด คงไม่พ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาค ซึ่งมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

* รัฐหนุน AEC เร่งเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ

      นอกจากจะมีสาเหตุมาจากการเติบโตของกิจกรรมเศรษฐกิจในภูมิภาค และการที่ไทยกำลังก้าวสู่เออีซีที่มีส่วนช่วยกระตุ้นกิจกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน อีกสาเหตุหนึ่งน่าจะมา จากแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของภาครัฐ ซึ่งช่วยเปิดพื้นที่ศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหลายจังหวัดเพิ่มขึ้น

      ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อภาครัฐมีนโยบายให้ในหลายจังหวัดตามแนวชายแดนหันมาแจ้งเกิดให้เป็น "เขตเศรษฐกิจพิเศษ" ซึ่งทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้รับอานิสงส์กันทั่วหน้า ซึ่งระยะเริ่มต้นนั้น ธุรกิจเชิงพาณิชย์ เช่น นิคมอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรม ศูนย์โลจิสติกส์ ศูนย์พักสินค้า ธุรกิจค้าปลีก จะเห็นก่อน

      ส่วนที่อยู่อาศัย ช่วงแรกจะเป็นที่อยู่ที่เจ้าของธุรกิจสร้างให้พนักงานระดับปฏิบัติการอยู่อาศัย ยังไม่มีการซื้อขาย อาจเริ่มมีหอพัก อพาร์ตเมนต์เกิดขึ้น แต่จากนั้นอีก 3-5 ปี จึงจะเห็นตลาดบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมเกิดขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ห่างจากนิคมฯ ออกไป 10-20 กม. กลุ่มโรงแรมบัดเจ็ท โฮเต็ล ราคาไม่สูง หรือคืนละ 1,500-2,000 บาท รองรับกลุ่มที่เดินทางมาทำงานระยะสั้น

       อย่างไรก็ตาม ในบรรดาเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมด จ.ตาก พร้อมมากที่สุด เพราะนอกจากการค้าขายชายแดนเติบโตมากแล้ว ฝั่งตรงข้ามคือ เมืองเมียวดี เมียนมา เป็นเมืองแห่งการค้าขาย ยิ่งทำให้ทั้ง 2 ฝั่งสนับสนุนการค้าให้คึกคักขึ้นกว่าเดิม ทำให้ธุรกิจค้าปลีกแทบทุกยี่ห้อไปเปิดสาขารอแล้ว อีกทั้งมีสนามบินรองรับ รองลงมาคือ จ.สระแก้ว ที่มีการค้าชายแดนคึกคักเช่นกัน

       สำหรับ อสังหาริมทรัพย์ที่น่าสนใจและโดดเด่นในปี 2559 มีที่อยู่อาศัยประเภทใดบ้างที่น่าจับตามอง ได้แก่ บูติกโฮเต็ล และ โฮเต็ล จุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ตรงที่เป็นที่พักอาศัยขนาดเล็ก ใช้เงินทุนไม่มาก ตอนนี้ กำลังเป็นเทรนด์ในฝันของนักลงทุนรุ่นใหม่ที่อยากมีธุรกิจส่วนตัว ที่  มีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นธุรกิจที่มีตลาดเกื้อหนุนค่อนข้างดี โดยเฉพาะหากตั้งอยู่ทำเลเศรษฐกิจที่มีนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ชอบพักในรูปแบบนี้ คือเป็นโรงแรมที่มีขนาดเล็ก แต่มีความสมบูรณ์แบบในระดับหนึ่ง

      โดยมีกลยุทธ์ในการเจาะตลาดบูติกโฮเต็ลที่นิยมทำกันมาก คือ จะเน้นการขายประสบการณ์และภาพลักษณ์ของการเป็นบูติก ซึ่งจะเชื่อมโยงกับความงามประวัติศาสตร์หรือความเป็นท้องถิ่นของทำเล นั้นๆ เน้นทำการตลาดโดยสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงหรือผ่านเว็บไซต์

      ในส่วนของ อาคารสำนักงานให้เช่า เชื่อว่าเออีซีหนุนให้อสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบอาคารสำนักงานให้เช่า หรือออฟฟิศ เป็นที่ต้องการของนักลงทุนจากต่างประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน และเพราะประเทศไทยตั้งอยู่ทำเลที่เชื่อมต่อหลายประเทศ จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการเดินทาง ดังนั้น จึงมีโอกาสสูงที่ชาวต่างชาติจะเลือกเข้ามาเปิดธุรกิจหรือตั้งสำนักงานในเมืองไทย

         อีกเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะอาคารสำนักงานในบ้านเราระยะหลังๆ นี้มีเกิดขึ้นใหม่น้อยมาก และอัตราค่าเช่าสำนักงานในปัจจุบันก็ยังต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะมาเลเซียและเวียดนาม จึงถือว่าอาคารสำนักงานน่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทหนึ่งที่สามารถเพิ่มค่าได้อย่างโดดเด่น

        ในส่วนของ คอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่พักในรูปแบบคอนโดมิเนียม ถูกจับตามองจากทั้งนักธุรกิจและคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยตลอดอยู่แล้ว ยิ่งในปัจจุบันการขยายและเปิดเส้นทางเดินรถไฟฟ้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อนาคตอันใกล้นี้จะส่งผลให้คอนโดมิเนียมในแนวรถไฟเก่ามีแนวโน้มคึกคักดียิ่งขึ้นไป เพราะจะทำให้มีคนจากชานเมืองเดินทางเข้ามาทำธุระหรือจับจ่ายใช้สอยในเมืองเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น

* ผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับ'เออีซี'

        ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการเออีซี ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงได้มีแผนการรองรับการเปิดเออีซีอย่างเต็มรูปแบบ

       โดย นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า การเปิดเออีซีจะทำให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติ จะทำให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพแรงงานในประเทศ มีการถ่ายโอนเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆ รวมถึงการสร้างพันธมิตร เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน

     แต่ขณะเดียวกัน เออีซีจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี คนงานต่างด้าวเพิ่มขึ้น พร้อมเกิดการไหลออกของแรงงานมีฝีมือ เช่น วิศวกร ช่างเทคนิค และผู้รับเหมาที่จะย้ายไปประเทศที่ให้ค่าตอบแทนสูงกว่า และอาจทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานได้

     ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายขยายการลงทุนไปยังจังหวัดที่เชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศอาเซียน ตามแนวตะเข็บของรถไฟฟ้า โดยเน้นตลาดแนวราบ ซึ่งอาจจะมีการใช้ Mobile Precast ด้วย

      นอกจากนี้ เออีซียังมีผลดีต่อประเทศไทยและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประการแรก การขยายช่องทางและโอกาสของสินค้าไทยในการเข้าถึงตลาดอาเซียน ปริมาณสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นหลากหลาย แต่ขณะเดียวกัน ตลาดต่างประเทศสามารถเข้ามาแข่งขันได้เช่นกัน

      ประการที่สอง Economy of scale ทางเศรษฐกิจ ทางด้านธุรกิจ และภาคการผลิต เพิ่มอำนาจการต่อรองกับคู่ค้า ประการที่สาม ช่วยลดต้นทุนการผลิตจากการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ใช้ในการผลิตได้หลากหลายมากขึ้น ในราคาที่ถูกลง และ ประการที่สี่ เสริมสร้างโอกาสการลงทุน เช่นการจัดตั้งกิจการ หรือย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น

      "อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดเออีซีแล้ว คาดว่าจะมีกลุ่มนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจบริการ และการก่อสร้าง โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์จะเผชิญความท้าทายมากขึ้นในอนาคตอันใกล้จากการเปิดเสรี หลักๆ ได้แก่ การเปิดให้นักลงทุนอาเซียนมีสัดส่วนลงทุนถือหุ้นได้มากขึ้น แต่ธุรกิจไทยอาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะปัจจุบันสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติยังต่ำกว่าเพดานที่กำหนดไว้ การเปิดเพิ่มเติมจึงอาจไม่ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก" นายทองมาระบุนายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP กล่าวว่า การเปิดเออีซี เป็นการเปิดให้มีการย้ายถิ่นฐานการทำงานกันง่ายขึ้น และเมื่อ มีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น บริษัทจึงได้เตรียมแผนรองรับ ได้แก่ 1.การมี สินค้าที่ครอบคลุมความต้องการทุกเซ็กเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นสินค้า บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียม โดยโครงการทั้งหมดจะเน้นเรื่องทำเลที่มีการเดินทางสะดวก เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายคมนาคมสาธารณะได้ง่าย มีฟังก์ชันที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าว่าต้องการสินค้าประเภทไหน โหมดราคาเท่าไร ที่โลเกชั่นไหน

         2.การสร้างแบรนด์ 'เอพี'ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากผลการทำวิจัยผู้บริโภคล่าสุด พบว่า แบรนด์เอพีมีความแข็งแรงเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ 3.การพัฒนาคุณภาพของบ้านให้สูงขึ้นอีกขั้น เนื่องจากความคาดหวังของลูกค้าที่สูงขึ้นทุกๆ ปี โดยคุณภาพของทรัพยากรบุคคล เป็นสิ่งที่เรามุ่งเน้นในการพัฒนาองค์กรให้เป็นผู้นำด้านคุณภาพมาโดยตลอด เนื่องจากในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ต้องใช้คนเป็นจำนวนมาก เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

       "เอพีให้ความสำคัญในการสร้างบุคลากรคุณภาพและมีความเป็นมืออาชีพ โดยได้เปิด "เอพี อะคาเดมี่" สถาบันเพื่อการเรียนรู้ครบวงจรด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานสินค้าทุกแบรนด์ภายใต้การพัฒนาของเอพี ให้สามารถก้าวไปอีกขั้นในการพัฒนาบ้านและที่อยู่อาศัยคุณภาพ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า เป็นระบบ และครบวงจร พร้อมรับมือทั้งการแข่งขันจากคู่แข่งในประเทศและต่างชาติได้" นายวิทการกล่าวนอกจากนี้ มองว่าเมื่อเปิดเออีซีเต็มรูปแบบ เชื่อว่าเป็นโอกาสที่จะส่งผลดีต่อประเทศไทย เพราะด้วยตำแหน่งที่ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาค และปัจจัยด้านการคมนาคมขนส่งและขนาดของตลาด หากมีการส่งเสริมให้บริษัทต่างชาติมาตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคในประเทศไทยมากขึ้น ยิ่งจะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์คึกคักมากยิ่งขึ้น

       อย่างไรก็ตาม คาดว่าเมื่อเปิดเออีซี จะมีกลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์จากต่างชาติเข้ามาลงทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติ ถือเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการภายในประเทศ โดยสามารถแบ่งแผนรองรับการแข่งขันและการลงทุนจากกลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติออกเป็น 3 ประเด็นใหญ่ๆ ได้แก่ 1.ประเด็นเงินทุน เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูง 2.ประเด็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ เพื่อลดระยะเวลาการก่อสร้าง และแก้ปัญหาเรื่องแรงงาน และ  3.เสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรภายในองค์กร ที่ต้องเผชิญต่อการแข่งขันทั้งในแง่ของการก่อสร้าง การขายและการตลาด

      เมื่อเปิดเออีซีเต็มรูปแบบ มั่นใจว่าจะส่งผลดีกับทุกภาคส่วนอย่างแน่นอน.

แข่งออกแคมเปญ..กระตุ้นกำลังซื้อ

    "อสังหาริมทรัพย์" ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ถึงแม้ว่าในปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอลง

      และเพื่อให้อสังหาริมทรัพย์เดินหน้าต่อไปได้ ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2558 ที่ผ่านมา ภาครัฐจึงมีนโยบาย โดยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อช่วยบรรเทาภาระรายจ่ายของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และช่วยบรรเทาผลกระทบในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

    โดยมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ออก 3 มาตรการ ได้แก่ 1.เพิ่มวงเงินกู้ซื้อบ้านพร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งรัฐบาลได้อนุมัติวงเงินเบื้องต้น 10,000 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ที่ถูกปฏิเสธการขอกู้ซื้อบ้านจากธนาคารพาณิชย์ สามารถขอกู้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ ซึ่งภายหลัง ธอส.ก็ตอบรับด้วยการออกมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขการขอสินเชื่อบ้านให้ผู้ที่มีรายได้น้อย-ปานกลางมากขึ้น โดยพิจารณาสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิมอยู่ที่ 33% เป็น 40-50% ของรายได้สุทธิต่อเดือน

        จึงทำให้ผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 30,000 บาทต่อเดือน สามารถกู้ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทได้

        2.ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจำนองเป็นเวลา 6 เดือน สำหรับมาตรการนี้จะเป็นการลดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอน จาก 2% ของราคาประเมินทุนทรัพย์ในกรณีการโอน เหลือ 0.01% รวมทั้งลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์และห้องชุด จากเดิม 1% เหลือ 0.01% ของมูลค่าที่จำนอง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งจะมีผลเพียงแค่ 6 เดือน คือถึงวันที่ 30 เม.ย.2559

        และ 3.ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ สำหรับผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารพร้อมที่ดิน หรือห้องชุดในอาคารชุด ในราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท สามารถนำเอา 20% ของราคาบ้าน ไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เป็นเวลา 5 ปี โดยมีเงื่อนไขการหักลดหย่อนภาษีได้

      ในส่วนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ได้มีการออกแคมเปญเพื่อเป็นการสนับสนุน และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ซึ่งจากการสำรวจพบว่าผู้ประกอบการได้ให้ความร่วมมือกันอย่างล้นหลาม

       เริ่มกันที่ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) นำคอนโดมิเนียม 15 โครงการ เริ่มต้น 1.59 ล้านบาท เช่น แอสปาย สาทร-ตากสิน, ไลฟ์ รัชดาภิเษก,

     ริธึ่ม อโศก, จัดโปรฯ ลดราคาสูงสุด 1 ล้านบาท ฟรีเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ด้าน บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ นำโครงการทำเลแนวรถไฟฟ้า 5 โครงการ อาทิ คิว ชิดลม-เพชรบุรี, ไอดีโอ โอทู, เอลลิโอ เดล เรย์ ลดสูงสุด 4 แสนบาท, อยู่ฟรี 2 ปี ลุ้นทองคำ-แพ็กเกจทัวร์ฮ่องกง

     บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ นำคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ 9 โครงการ ราคาเริ่ม 1.79 ล้านบาท ผ่อนยูนิตละ 1,000 บาท โดยมีเงื่อนไขให้โอนกรรมสิทธิ์ภายในสิ้นปีนี้

     บมจ.แสนสิริ จัดโปรโมชั่นออน   ท็อป นำค่าธรรมเนียมโอน 1% ซึ่งเป็นส่วนที่ปกติบริษัทจ่ายเองมาเป็นส่วนลดเพิ่มเติมคืนให้แก่ลูกค้าที่ซื้อโครงการพร้อมอยู่ในแคมเปญ "NOW OR NEVER" 62 โครงการ ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พ.ย.นี้

       บมจ.ศุภาลัย จัดอีเวนต์ที่ จ.ภูเก็ต ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน เลือกรับเครื่องใช้ไฟฟ้า

      บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จัดงาน "เพอร์เฟค คอนโด บิ๊กเดย์" นำคอนโดฯ 13 โครงการ เริ่มต้น 1.28 ล้านบาท เช่น เดอะ สกาย สุขุมวิท, ไอคอนโด สุขุมวิท 105, เมโทร สกาย ประชาชื่น, เบลล่า   คอสต้า หัวหิน ลดสูงสุด 1 ล้านบาท, ฟรีเฟอร์นิเจอร์ฯ, ผ่อน 0%  10 เดือน

     บริษัท โกลเด้นแลนด์ เรสซิเด้นซ์ จำกัด ในเครือ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จัดแคมเปญสมนาคุณลูกค้า โดยค่าโอน-จดจำนองที่เหลือ 0.01% ลูกค้าไม่ต้องจ่ายสักบาทเดียว นอกจากนี้ยังมีโปรฯ เพิ่ม โดยแถมฟรีเครื่องปรับอากาศ กับเฟอร์นิเจอร์ สูงสุด 1.2-4 แสนบาท

      บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ BAM จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์จาก BAM ภายในงานถึง 3 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 ซื้อทรัพย์เด่นราคาพิเศษภายในวันที่ 18 ธ.ค.2558 ถึง 13 มี.ค.2559 และโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 28 เม.ย.2559 มีทั้งบ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียมกว่า 10 โครงการ, ต่อที่ 2 มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ภาครัฐ โดยลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนองเหลือ 0.01% โดยไม่จำกัดวงเงิน รวมถึงซื้อทรัพย์ในบูธงาน Thailand Smart Money 2015 วันที่ 18-20 ธ.ค.2558 ที่ผ่านมา และงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 34 ในวันที่ 10-13 มี.ค.2559  มูลค่าไม่เกิน 2 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน และต่อที่ 3 สถาบันการเงินพันธมิตรเสนอเงื่อนไขพิเศษ ได้แก่ ธนาคารยูโอบี มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า ดาวน์ 0% วงเงินกู้สูงสุด 100% ขณะที่ธนาคารทหารไทย เสนอดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี 3 ปีแรก ส่วนธนาคารออมสิน เสนอดอกเบี้ยปีแรก 1.25% ปีที่สอง MRR-2% ปีที่สาม เป็นต้นไป MRR-0.75% และธนาคารไทยพาณิชย์ เสนอปีแรก 3.75% ปีต่อไป MRR+0.25%

ลด แลก แจก แถม กันขนาดนี้ คงเพิ่มยอดขายต้อนรับปีใหม่กันได้บ้าง.

      "เออีซีจะทำให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติ จะทำให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพแรงงานในประเทศ มีการถ่ายโอนเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆ"

     "...ได้เปิด "เอพี อะคาเดมี่" สถาบันเพื่อการเรียนรู้ครบวงจรด้านอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานสินค้าทุกแบรนด์ ภายใต้การพัฒนาของเอพีให้สามารถก้าวไปอีกขั้นในการพัฒนา"

อสังหาฯ มั่นใจปีวอกส่งสัญญาณฟื้นชีพ

                        บ้านเมือง : สุภพงษ์ เทียนสี/รายงาน

       ผู้ประกอบการอสังหาฯ ฟันธงปีนี้มีสัญญาณบวก ระบุปัจจัยจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาพรวมเศรษฐกิจ เริ่มคัมแบ็ก’คอนโด-ทาวน์โฮม’สุดฮอต ขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้านสะกิดเพื่อนร่วมวงการ เน้นคุณภาพงานฝีมือ-บริการ-ต้นทุนก่อสร้าง

สร้างบ้านส่งซิกสัญญาณบวก

    น.ส.ภัทรา มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและออกแบบผลิตภัณฑ์ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด สะท้อนมุมมองต่อภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2559 ว่า จากการที่ตลาดรับสร้างบ้านมีการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวในปีที่ผ่านมา ซึ่ง แลนดี้ โฮม มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การชะลอตัวที่เกิดจากสภาพเศรษฐกิจในช่วงขาลง แต่เป็นเพราะกระแสเศรษฐกิจส่งผลให้อุปสงค์คุณภาพในตลาดชะลอการสั่งสร้างบ้านทั้งที่มีความพร้อมด้านงบประมาณ ทั้งนี้จากมาตรการที่ภาครัฐได้อัดฉีดสู่กลไกธุรกิจของประเทศตลอดครึ่งปีหลัง 2558 จะเป็นตัวปลดล็อกปัญหาความไม่เชื่อมั่นดังกล่าว และจะเป็นปัจจัยในการผลักดันให้อุปสงค์คุณภาพกลับเข้าสู่วงจรการตลาดของธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2559 ซึ่งเมื่อธุรกิจโดยรวมเกิดความเคลื่อนไหว ก็จะดึงอุปสงค์ในระดับรองลงมาตัดสินใจสร้างบ้านด้วยเช่นกัน

    ด้านปัจจัยที่ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านต้องให้ความสำคัญในปี 2559 นั้น น.ส.ภัทรา แสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านต้องคำนึงถึงน่าจะเป็นเรื่องคุณภาพงานก่อสร้างและแรงงานฝีมือ รวมถึงการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนการก่อสร้าง และการสร้างความพึงพอใจในการบริการ ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยต่างเป็นผลพวงที่เกิดขึ้นเป็นวงจรเพราะในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างเริ่มเดินหน้าพัฒนาโครงการเมกะโปรเจกต์ และโครงการที่อยู่อาศัยตลอดจนโครงการด้านคอมเมอร์เชียลต่างๆ จำนวนมาก หลังทุกฝ่ายเริ่มมั่นใจในสถานการณ์โดยรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ

      ส่งผลให้ตลาดเกิดความต้องการแรงงานทั้งระดับทั่วไปและระดับแรงงานฝีมือเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2559 จะเป็นปีแรกที่เปิด AEC อย่างเต็มรูปแบบ และจะเพิ่มโอกาสในเรื่องการจ้างงานให้แก่แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น เพราะอัตราค่าจ้างในไทยยังสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ในขณะที่แรงงานฝีมือซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยก็จะมีโอกาสในการรับงานเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ในส่วนนี้อาจทำให้เกิดวิกฤติด้านแรงงานฝีมือ ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านจึงต้องเตรียมรับมือกับปัญหาดังกล่าว ซึ่งต้องวางแผนการจัดการในเรื่องระยะเวลาการก่อสร้างให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องเริ่มพัฒนาระบบการก่อสร้างที่พึ่งแรงงานฝีมือให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ดังนั้น หลายบริษัทจึงได้มีการพัฒนาบ้านสำเร็จรูปหรือพัฒนาระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูปเพื่อทดแทน อันถือเป็นเทรนด์ใหม่ของธุรกิจรับสร้างบ้านของไทยนับแต่นี้ไป และที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนคือการส่งต่องานบางส่วนให้แก่ทีมผู้รับเหมาที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อคงคุณภาพและความรวดเร็วมอบสู่มือผู้บริโภค"หากพิจารณาถึงการแข่งขันของธุรกิจรับสร้างบ้านของไทยในปี 2559 นั้น น.ส.ภัทราวิเคราะห์ในประเด็นดังกล่าวว่า "ธุรกิจรับสร้างบ้านจะต้องวางกลยุทธ์เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้างในขณะที่ยังคงมาตรฐานการก่อสร้างไว้ได้อย่างเดิมหรือดียิ่งขึ้น

      นอกจากนี้ การพัฒนาระบบบริหารจัดการการก่อสร้างก็เป็นเรื่องจำเป็นเพื่อช่วยให้งานก่อสร้างเดินไปได้ตรงตามกำหนดเวลาและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ตลอดจนการขยายไลน์สินค้าให้เกิดขึ้นอย่างครบวงจร"ทั้งนี้ในปี 2558 ธุรกิจรับสร้างบ้านมีมูลค่ารวมประมาณ 11,000 บาท โดย แลนดี้ โฮม คาดการณ์ว่าตลาดรวมในปี 2559 นั้น น่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% "ในปีนี้แลนดี้ โฮม มีอัตราการเติบโตในกลุ่มบ้านระดับราคา 15 ล้านบาทขึ้นไปอย่างมาก เนื่องจากลูกค้ามีความมั่นใจในความมั่นคงทางการเงินและทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ตลอดจนพึงพอใจในแบบบ้านที่มีความสวยงามและครบครันด้านฟังก์ชั่น โดยในปี 2558 แลนดี้ โฮม มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5%" น.ส.ภัทรา กล่าวสรุป

สัมมากรแย้มทาวน์โฮมฮอต!

        นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) สรุปสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2558 ว่า เป็นปีที่ยากสำหรับทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพราะขาดปัจจัยบวกมากระตุ้นตลาดตั้งแต่ต้นปี ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากมาตรการรัฐ ช่วยลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและจำนองอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี สามารถสร้างความมั่นใจและกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคได้เพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปัจจัยลบรุมเร้าต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทั้งปัญหาหนี้สินครัวเรือน ความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ความไม่สงบ การก่อการร้ายทั้งในและต่างประเทศ สิ่งที่เห็นได้ชัดในปี 2558 คือมีโครงการทาวน์โฮมเกิดขึ้นจำนวนมาก และมียอดโอนทาวน์โฮมเพิ่มขึ้น 16% สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคมีเม็ดเงินลดลง เนื่องจากผู้บริโภคยังคงมีความต้องการฟังก์ชั่นเหมือนบ้านเดี่ยวแต่มีงบประมาณจำกัด จึงเปลี่ยนมาเลือกซื้อทาวน์โฮมที่มีราคาประหยัดกว่าทดแทน

     นายกิตติพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2559 แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์มองว่าทาวน์โฮมยังคงเป็นพระเอกอยู่ เพราะแนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้น โดยจะมีโครงการทาวน์โฮมผุดขึ้นจำนวนมากรอบกรุงเทพฯ และเป็นโครงการที่ไม่ใหญ่มากนัก ใช้พื้นที่ประมาณ 10-15 ไร่ หรือมีขนาดเพียง 100-250 ยูนิต นอกจากนี้ยังมองว่าคอนโดมิเนียมยังคงเติบโตมียอดขายไปได้เรื่อยๆ ตามแนวรถไฟฟ้า และจุดที่มีสาธารณูปโภคเกิดขึ้น แต่จะไม่มียอดขายเติบโตหวือหวา เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคที่ซื้อลงทุนชะลอการตัดสินใจตามสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่มีความผันผวน

       "สำหรับ ปัจจัยบวกในตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2559 วิเคราะห์ว่า ยอดหนี้สินครัวเรือนจะลดน้อยลง ผลกระทบจากหนี้สินรถคันแรกจะเบาลง และการลงทุนของภาครัฐจะมีความคืบหน้ามากขึ้น ส่วนปัจจัยลบจะมาจากภายนอก เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ยสหรัฐ สถานการณ์เศรษฐกิจยุโรป ซึ่งเป็นความกังวลที่ทำให้ผู้บริโภคจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ให้มั่นใจ"

ไนท์แฟรงค์เผยปีนี้ค่าเช่าปรับขึ้น

       น.ส.ริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดอาคารสำนักงานมีแนวโน้มที่ดี โดยพื้นที่ถูกเช่าเพิ่มขึ้นตลอดปี พ.ศ.2558 มีพื้นที่ถูกเช่าใหม่ในช่วง 9 เดือนแรกของ ปี พ.ศ.2558 อยู่ประมาณ 200,000 ตารางเมตร คาดว่าพื้นที่ที่ถูกเช่าใหม่ของทั้งปี พ.ศ.2558 น่าจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 250,000 ตารางเมตร โดยปัจจุบันมีพื้นที่อาคารสำนักงานเหลือให้เช่าประมาณ 300,000 ตารางเมตร อัตราการเช่าอยู่ที่ร้อยละ 93 สำหรับราคาค่าเช่าเสนอเฉลี่ยของอาคารสำนักงานเกรดเอที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจ อยู่ที่ 905 บาทต่อตารางเมตร อัตราการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานเกรดเอในบริเวณศูนย์กลางธุรกิจ มีอัตราเช่าอยู่ที่ร้อยละ 93.5

      บริเวณที่ถือว่าเป็นบริเวณใหม่ของอาคารสำนักงาน คือบริเวณ รัชดา-พระราม 9 โดยราคาเสนอเช่าของอาคารสำนักงานเกรดเอ ในบริเวณนี้มีราคาเสนอเช่าสูงอยู่ถึง 800 บาทต่อตารางเมตร และคาดว่าในปีหน้าราคาเสนอเช่าของอาคารสำนักงานในบริเวณนี้น่าจะแตะระดับ 900 บาทต่อตารางเมตร โดยราคาค่าเช่าเฉลี่ย อาคารสำนักงานบริเวณรัชดา-พระราม 9 อยู่ที่ 750 บาทต่อตารางเมตร ณ ปลายปี พ.ศ.2558 ในปีหน้าคาดว่าจะมีพื้นที่อาคารสำนักงานใหม่เพิ่มขึ้นอีก 195,245 ตารางเมตร โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อาคารสำนักงานใหม่ที่มีสถานที่ตั้งอยู่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจถึง 147,150 ตารางเมตร

     ส่วนอาคารสำนักงานใหม่ที่ตั้งอยู่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจมีเพียง 48,095 ตารางเมตร คาดว่าราคาค่าเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานเกรดเอในบริเวณศูนย์กลางธุรกิจในปีหน้าน่าจะมีราคาค่าเช่าเฉลี่ยแตะ 1,000 บาทต่อตารางเมตร โดยภาพรวม แนวโน้มอาคารสำนักงานมีแนวโน้มที่ดี ราคาค่าเช่ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปทานใหม่ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 195,245 ตารางเมตร ถือว่าค่อนข้างน้อย เนื่องจากจำนวนพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้นใหม่ในอาคารสำนักงานเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 200,000-300,000 ตารางเมตร ในขณะที่พื้นที่เหลือให้เช่าในปัจจุบันมีเพียง 300,000 ตารางเมตร อย่างไรก็ตาม น.ส.ริษิณี คาดว่า ปีหน้าสำหรับธุรกิจอาคารสำนักงานนั้นถือว่าเป็นปีของแลนด์ลอร์ด หรือเจ้าของอาคารจะมีอำนาจในการต่อรองกับผู้เช่า

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!