Details

Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ

Published: Thursday, 11 February 2016 19:51

Hits: 3344

สิงห์ เอสเตท ทุ่มเฉียด 20,000 ล้าน ปั้นโปรเจคซูเปอร์ลักชัวรี่กลางกรุงฯ วางเป้าโตก้าวกระโดด พร้อมเน้นการทำ M&A ปิดดีลทั้งไทยและเทศ

    บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เผยทิศทางธุรกิจปี พ.ศ. 2559 ยังเน้นการทำ M&A (Mergers and Acquisitions : การเข้าซื้อและควบรวมกิจการ) ทุ่มเม็ดเงินเฉียด 20,000 ล้านบาท เน้นโตก้าวกระโดด จับธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ พร้อมปักธงอสังหาฯ ตลาดบนสุด เปิดตัว 3 โปรเจค ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ทั้งคฤหาสน์หรูระดับ 150 ล้าน, คอนโดระดับพรีเมี่ยม และออฟฟิศเกรดเอ ด้านCEO ย้ำปีนี้ลุยปั้นแบรนด์ “สิงห์ เอสเตท” เต็มตัว พร้อมพัฒนาศักยภาพบุคลากรสู้การแข่งขันในตลาดอสังหาฯ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

     นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 59 นี้ สิงห์ เอสเตท วางเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะตลาดซูเปอร์ ลักชัวรี่ ด้วยเงินลงทุนรวมประมาณ 18,800 ล้านบาท ตามแผนการลงทุน 5 ปี ของบริษัทที่ตั้งไว้ ซึ่งมีอัตราส่วนการลงทุนในธุรกิจ Hospitality มากที่สุดตั้งไว้ 8,000 ล้านบาท รองลงมาคือธุรกิจที่พักอาศัย 5,100 ล้านบาท และอีก 5,700 ล้านบาทแบ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า พื้นที่ค้าปลีก และประเภทใหม่ คืออุตสาหกรรมคลังสินค้า และโลจิสติกส์

     “ปีนี้ สิงห์ เอสเตท ยังจะเดินตามแผนงานเดิมคล้ายปีที่แล้ว เนื่องจากเราถือว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดอสังหาฯ ดังนั้น ตามแผนเดิมคือภายใน 5 ปี บริษัทมุ่งสร้างการเติบโตโดยการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อให้ สิงห์ เอสเตท เป็นแบรนด์อันดับต้น ๆ ของประเทศในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยปีนี้เรามีแผนในการเปิดตัวโครงการระดับซูเปอร์ ลักชัวรี่ อย่างน้อย 3 โครงการประกอบด้วย โครงการคฤหาสน์หรูหรา บนถนนประดิษฐ์มนูญธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ซึ่งเป็นทำเลทองสำหรับตลาดเซ็กเมนท์ A+ บนเนื้อที่ 45 ไร่ คาดว่าราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 150 ล้านบาท โครงการต่อมาคือ อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกบนหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรี (สิงห์ คอมเพล็กซ์) ที่จะเป็นอีกหนึ่งสำนักงานที่หรูหรา, ทันสมัย และดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ภายในบริเวณประกอบด้วยส่วนค้าปลีก ที่จะมีร้านอาหารชั้นนำ ร้านบริการต่างๆ รวมทั้งธนาคาร เพื่อรองรับความต้องการของพนักงานออฟฟิศ และผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง โดยส่วนออฟฟิศสูง 44 ชั้น เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ คาดว่าราคาเช่าจะสูงกว่าตร.ม. ละ 1,000 บาท ซึ่งขณะนี้ทางกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ได้ทำสัญญาเช่าระยะยาว 6 ชั้นบนสุดไปแล้ว คิดเป็นประมาณร้อยละ 30 และสุดท้ายคือโครงการคอนโดมิเนียมซูเปอร์ ลักชัวรี่ ภายในบริเวณสิงห์ คอมเพล็กซ์เช่นกัน โดยจะเปิดจองราวไตรมาส 4 และราคาขายน่าจะอยู่ที่ตารางเมตรละ 300,000 บาท”

      คุณนริศ กล่าวย้ำเพิ่มเติมว่า นอกจากโครงการซูเปอร์ ลักชัวรี่ ใหม่ๆ ของปีนี้แล้ว สิงห์ เอสเตท เรายังคงเน้นการทำ M&A (Mergers and Acquisitions : การเข้าซื้อและควบรวมกิจการ) เหมือนปีที่ผ่านมา เรามีคณะกรรมการ และทีมงานในการคัดเลือกธุรกิจที่มีผลประกอบการที่ดี โดยการลงทุนเป็นได้ทั้ง ลงทุนเองทั้งหมด หรือร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเป้าหมายยังคงเป็นธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ อาทิ ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ยุโรป หรือสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก นอกจากนี้ยังมองไปถึงธุรกิจใหม่ๆ อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม, คลังสินค้า และโลจิสติกส์ ซึ่งจากทั้งหมดที่กล่าวมา สิงห์ เอสเตท มั่นใจว่าเราจะเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยทีมงานคุณภาพ ซึ่งเรามุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรในด้านต่างๆ ผ่านการฝึกอบรม ส่งเสริมการพัฒนาความรู้เพิ่มเติม สร้างคนสิงห์ เอสเตท ให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

                ทั้งนี้ปัจจุบัน บมจ. สิงห์ เอสเตท เป็นผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยมีโครงการที่เริ่มเปิดขาย หรือได้เข้าไปเป็นเจ้าของกิจการแล้ว ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม ดิ เอส อโศก, อาคารสำนักงาน ซันทาวเวอร์ส ถนนวิภาวดี-รังสิต, โครงการบ้านพักอาศัยภายใต้แบรนด์เนอร์วาน่า, โรงแรมสันติบุรี บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา สมุย, โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท และร่วมทุนในโรงแรมภายใต้แบรนด์เมอร์เคียว จำนวน 26 แห่งที่สหราชอาณาจักรอังกฤษ 

Singha Estate to invest THB 20 Billion to construct ‘super luxury’ projects and maintain momentum on international and domestic M&A deals

        Singha Estate Public Company Limited or “S” reveals its 2016 business plan based on its successful formula of Mergers & Acquisitions and nearly 20 Billion baht in investments in international and domestic hotel & tourism markets and Thailand’s Real Estate sector. “S” will also firmly establish itself as a major player in Bangkok’s upper-market segments with 3 super luxury projects; 1) a very fine gated mansion community with truly spectacular units on sale at 150 million baht, 2) a premium condominium project, and 3) a grade A office building in the very heart of the city. The company will continue to strengthen the Singha Estate brand as a leader in the real estate industry and continue its focus on human resource development to accomplish its sustainable growth.

     Mr. Naris Cheyklin, CEO of Singha Estate Public Company Limited, reveals that this year Singha Estate will execute a well-funded investment strategy of close to 18,800 million baht mainly in super luxury markets as part of its 5-year plan. The biggest proportion of some 8,000 million baht will be spent on developments in the hospitality business sector, another 5,100 million baht on residential projects, and the remaining 5,700 million baht on commercial assets such as retail projects and, new for “S”, its entry into the warehousing and logistics business.

                “This year, we are going to continue with business strategy similar to last year as we continue to establish ourselves as a new force in real estate, so our 5-year plan is to focus on rapid growth by M&A on one hand while developing new projects in parallel from our own resources to enhance the Singha Estate name and to become one of the top real estate brands in the country. Also this year, we have plans to launch 3 new super luxury projects: firstly, a very fine gated mansion community on Pradit Manoontham Road (near Ekamai-Ramindra Expressway) occupying a 45-rai prime location for buyers in the A+ segment with units starting at 150 million baht. Secondly, the building and retail spaces at Singha Complex, a premium mix-used project on the corner of Asoke-Petchburi junction. This project will become one of the most luxurious and modern office building in Thailand and its retail spaces will feature famous restaurants, banks and other services to support the needs of office users and nearby residents alike. Office rental fees of this grade A, 44-story office building will be more than 1,000 baht per square meter per month and already Boon Rawd Brewery Group have signed a long-term rental contract for the top six floors - equivalent to approximately 20% of the building’s total office rental space. Thirdly, a super luxury condominium will be situated within Singha Complex compound and will be ready for reservation in the fourth quarter of this year at prices of approximately 300,000 baht per square meter,” says Mr. Naris.

       Mr. Naris reiterates that in addition to this year’s new super luxury projects, Singha Estate will continue to focus on Mergers and Acquisitions. Singha Estate has a dedicated management team with high experience in selecting well-performing and high potential businesses, through either outright acquisitions or joint venture investments. Its focus remains on hotel businesses abroad such as the United Kingdom, Europe and other major tourist destinations. Furthermore, Singha Estate will explore new business segments including industrial estates, warehousing and logistics. Nevertheless, the Company is confident to achieve fast-track and sustainable growth through its high caliber management team along with its emphasis on human development.

     Today, Singha Estate Public Company Limited already has a number of projects under development and construction such as: The ESSE Asoke and residential projects under Nirvana Public Company Limited and businesses already operating and generating revenues including: the Sun Towers Office Building, the Santiburi Beach Resort and Spa Koh Samui, Phi Phi Island Village Beach Resort, and the JV operation of 26-Mercure hotel in the United Kingdom.