Details

Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ

Published: Sunday, 20 March 2016 16:49

Hits: 2777

กลุ่มบริษัทอาร์คีไทพ์เข้าครอบครองกิจการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเทโบดิน

     กลุ่มบริษัทอาร์คีไทพ์ (Archetype Group) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการก่อสร้างครบวงจร ได้เข้าครอบครองกิจการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเทโบดิน (Tebodin) กิจการที่ปรึกษาและให้บริการด้านวิศวกรรม ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับ ข้อตกลงการครอบครองกิจการนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป

      กลุ่มบริษัทอาร์คีไทพ์ได้พบพันธมิตรที่ดีอย่างเทโบดินซึ่งมีขอบข่ายการให้บริการต่าง ๆ ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของทั้งสองฝ่าย ท่ามกลางตลาดการค้าที่มีความหลากหลายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งสององค์กรล้วนสร้างผลงานที่น่าพึงพอใจในทวีปเอเชีย และมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตลาดการค้าและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ทีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

      อาร์คีไทพ์ให้บริการด้านสถาปัตยกรรม และวิศวกรรม การจัดการโครงการและการก่อสร้าง รวมถึงการบริหารต้นทุนให้กับธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแผนกงานอุตสาหกรรมของอาร์คีไทพ์ และจะช่วยขยายขีดความสามารถให้กับส่วนงานต่าง ๆ ของบริษัทในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อมและโครงสร้างขั้นพื้นฐาน

      มร.เจเรมี ซาราวี กรรมการผู้จัดการ อาร์คีไทพ์ ประจำประเทศไทย ดูแลสำนักงานกรุงเทพฯ และเกาะสมุย กล่าวว่า "ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนของต่างชาติ และมีอัตราการเติบโตอย่างมั่นคง ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ การเข้าครอบครองกิจการเทโบดินถือเป็นข่าวดีสำหรับเรา เพราะจะช่วยให้เรามีบทบาทเด่นที่สำคัญในตลาดภูมิภาคนี้ ประกอบกับประสบการณ์มากมายของเราในระดับสากล ทั้งโครงการแบบเทิร์นคีย์ ความเชี่ยวชาญในองค์กร รวมถึงความรอบรู้ในตลาดภูมิภาคนั้น ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่จะตอบโจทย์ของลูกค้าได้"

      มร.ปิแอร์-ฌอง มาลกูอีร์ ผู้อำนวยการทั่วไป กลุ่มบริษัทอาร์คีไทพ์ กล่าวว่า "การเข้าซื้อกิจการเทโบดิน ช่วยเสริมศักยภาพความเชี่ยวชาญของบริษัทและบทบาทของเราในตลาดเวียดนาม ไทย อินเดีย เมียนมา และอินโดนีเซีย และยังช่วยให้สามารถขยายธุรกิจเข้าไปยังจีน ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจเรา"

     เทโบดินเป็นกิจการที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการทางวิศวกรรมและบริหารจัดการโครงการก่อสร้าง (Engineering, Procurement and Construction Management หรือ EPCm) และเน้นเจาะกลุ่มตลาดอุตสาหกรรม มร. เจอเก้น ฟอน ฮอลเล็น ซีอีโอของบริษัทเทโบดิน บี.วี. กล่าวว่า "เรามีความยินดีที่ได้พบกับกิจการด้านวิศวกรรมที่มีศักยภาพแข็งแกร่งและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เสริมทัพการดำเนินธุรกิจของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป็นกิจการที่สอดรับกับเรา พร้อมช่วยให้เราเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในเอเชียแปซิฟิกต่อไป ซึ่งเชื่อว่าลูกค้าของเราทั้งในตลาดภูมิภาคและระดับสากลจะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญที่เข้มข้นขึ้น และศักยภาพที่ครอบคลุมเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นจุดเด่นของอาร์คีไทพ์"

     กิจการทั้งสองแห่งมีพนักงานรวมกันกว่า 1,100 คน และคาดว่าจะมียอดขายรวม 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทอาร์คีไทพ์

        กลุ่มบริษัทอาร์คีไทพ์ เป็นกิจการที่ปรึกษาด้านการก่อสร้างครบวงจร เน้นบริการหลักในด้านสถาปัตยกรรม การวางผังเมืองและการวางแผนแม่แบบ วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมโครงสร้าง วิศวกรรมเครื่องกลและไฟฟ้า การจัดการโครงการและงานก่อสร้าง กลุ่มบริษัทอาร์คีไทพ์ มีสำนักงาน 17 แห่งใน 13 ประเทศ ช่วยให้บริษัทสามารถจัดการโครงการต่าง ๆ ได้หลากหลาย ตั้งแต่โครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับหรู อาคารสูงระฟ้าอเนกประสงค์ อาคารและสาธารณูปโภคเพื่อการศึกษาและการดูแลสุขภาพ รวมถึงโครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี พ.ศ. 2545 อาร์คีไทพ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายมาเป็นกิจการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีพนักงานร่วม 550 คน ในประเทศเวียดนาม กัมพูชา ไทย ลาว อินเดีย มองโกเลีย ฝรั่งเศส กาตาร์ อินโดนีเซีย เมียนมา คาซัคสถาน และศรีลังกา ปัจจุบัน อาร์คีไทพ์ติดอันดับ 74 ใน 100 กิจการสถาปัตยกรรมชั้นนำของโลก

เกี่ยวกับเทโบดิน

      เทโบดิน บี.วี. เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท บิลฟิงเกอร์ เอสอี ซึ่งเป็นกิจการระดับโลกที่ให้คำปรึกษาและบริการด้านการก่อสร้างและวิศวกรรมครอบคลุมหลายด้าน  เทโบดิน บี.วี. ให้บริการลูกค้าทั่วทุกมุมโลก ด้วยความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ของพนักงาน 4,200 คนในสาขาต่าง ๆ อาทิ อุตสาหกรรม สุขภาพและโภชนาการ น้ำมันและก๊าซ เคมีภัณฑ์ สาธารณูปโภค อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม เทโบดินนั้นมีเครือข่ายสำนักงาน 45 แห่งใน 23 ประเทศ โดยได้เริ่มดำเนินกิจการในเอเชียแปซิฟิกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนมาถึงปัจุบันที่สามารถพัฒนาขยายเครือข่ายสำนักงานครอบคลุมทั้งในจีน อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย และเมียนมา