WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8637 ข่าวสดรายวัน


โต้ขายตัว น้ำเพชรไม่คืนมงกุฎ 
งัดรูปจูบแฉเพื่อนนางงาม แถมทวงรางวัล 2 แสนบ. กองประกวดฯสวนทันที อ้างยังไม่ได้'เซ็นสัญญา'


โต้ขายตัว - "น้ำเพชร"สุณัณณิการ์ ร่ำไห้แถลงคืนสายสะพายรองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยฯ หลังถูกกองประกวดสั่งปลด แต่ยันไม่เคยขายบริการ ที่ตึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส เมื่อ 21 ก.ค.

      รองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์"น้ำเพชร"กลั้นน้ำตาแถลง ยอมรับถ่ายภาพหวิวจริงนำเงินมารักษาแม่ ที่ต้องผ่าตัด พร้อมงัดรูปจูบแฉเพื่อนนางงาม ถามกลับเหมาะสมหรือไม่ ยืนยันไม่เคยขายตัว รวมทั้งเป็นเมียเก็บบิ๊กทหาร-นักธุรกิจใหญ่ รวมถึงเป็นเอเยนต์ส่งเด็กขายให้เสี่ย โต้กลับกองประกวดปลดไม่ยุติธรรม ทวง 2 แสนกองประกวดจะได้เมื่อไร พร้อมคืนสายสะพาย แต่ไม่ให้มงกุฎ ด้านกองประกวดอ้างไม่เคยเบี้ยว แต่จะได้ค่าตอบแทนก็ต่อเมื่อเซ็นสัญญาเท่านั้น เตรียมส่งฝ่ายกฎหมายทวงมงกุฎและของรางวัลอื่นๆ ทั้งหมด

      เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 21 ก.ค. ที่ชั้น 23 ตึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส น้องน้ำเพชร น.ส.สุณัณณิการ์ กฤษณสุวรรณ อดีตรองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2557 ได้เดินทางมาออกมารายการ สน.แสนแสบ ที่ออกอากาศทางช่องจีเอ็มเอ็ม แชนแนล เพื่อเปิดเผยกรณีถูกปลดจากตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ มีดีเจ.บุ๊คโกะ นายธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล และดีเจ.ซันเดย์ นายนิธิรุจน์ ถิระพัฒนะพงศ์ เป็นพิธีกร โดยมีผู้สื่อข่าวทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์รวมทั้งเว็บไซต์ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้องน้ำเพชรสวมชุดราตรีสั้นสีเงิน แวววาว มีสีหน้าสดชื่น ก่อนจะเข้าสู่ช่วงรายการ พร้อมพูดเปิดรายการว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มาพูด เพราะรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่เราต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรี พูดความจริงจากการที่ถูกกล่าวหาต่างๆ 

       พิธีกรสัมภาษณ์ว่า หลายกระแสที่ค่อนข้างแรง โดยเฉพาะที่มีการตั้งฉายาว่า "น้ำเพชรเจ็ดกระแส" นั้น รู้สึกอย่างไร น้ำเพชรกล่าวว่า รู้สึกตกใจว่าตนเป็นคนเจ็ดกระแสจริงหรือ อยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ที่ผ่านมาก็ได้เข้าไปดูข่าว ติดตามข่าว รู้สึกเสียใจ ทำไมมีข่าวแบบนี้กับเรา ท้อมาก เรื่องโกงอายุก็เอาเอกสารหลักฐานทั้งหมดมาแสดงแล้วว่าตอนประกวดนั้นอายุ 21 ปี 9 เดือน ส่วนภาพที่ขี่เอวผู้ชาย ตนรู้สึกเฉยๆ เพราะเป็นรูปการประกวดรายการหนึ่ง ส่วนคลิปสาวหน้าคล้ายที่เต้นบนเวทีนั้น ตนไม่เคยมีอาชีพแบบนั้น เป็นแค่พริตตี้ ที่ทำงานถูกต้องตามกฎหมายเสียภาษีทุกเม็ด 

       "น้ำเพชรมองว่าอาชีพพริตตี้ ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ เป็นอาชีพที่มีคุณค่า ไม่ได้น่ารังเกียจ ส่วนภาพหลุดเซ็กซี่ในรูปนั้น น้ำเพชรไม่รู้มาก่อนว่าภาพจะออกมาแบบนั้น กระทั่งมาถึงหน้างาน ซึ่งงานนั้นมีตากล้องหลายคน ทำให้มีภาพในมุมอื่นๆ หลุดออกมา ทั้งนี้ต้องขอโทษแฟนนางงามทุกคนที่ทำให้ภาพลักษณ์ออกมาไม่ดี" น้ำเพชรระบุ

       พิธีกรถามต่อว่า อายุยังน้อยทำไมมาถ่ายภาพวาบหวิวแบบนั้น น้ำเพชรกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า คิดว่าอายุไม่สำคัญกับการทำงาน เพราะน้ำเพชรทำงานมาตั้งแต่เด็ก ช่วยเหลือครอบครัวตั้งแต่เด็ก ที่เลือกอาชีพพริตตี้เพราะรายได้เยอะ หาเงินง่าย และได้เข้าสู่วงการ

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อพูดถึงตอนนี้น้องน้ำเพชรถึงกับปล่อยโฮออกมา จนทีมงานต้องรีบยื่นกระดาษทิชชูเพื่อซับน้ำตา ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า เมื่อปี 2552 คุณแม่ป่วยเป็นโรคเซลล์มดลูกผิดปกติต้องผ่าตัดด่วนภายใน 2 เดือน ไม่อย่างนั้นจะต้องเป็นมะเร็ง ตอนนั้นน้ำเพชรเรียนอยู่ชั้นม.5 อายุเพียง 17 ปี รู้สึกช็อกมาก ตอนที่หมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วน จึงต้องทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงิน ไม่ว่าจะเป็นพริตตี้ ถ่ายแบบ ปกติงานลักษณะนี้ได้เงินประมาณ 2-3 พันบาท แต่ถ่ายเซ็กซี่ขึ้นมาอีก ก็จะได้เงินเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องใช้เงิน จึงต้องทำ 

      "ชีวิตนี้น้ำเพชร มีแม่เพียงคนเดียว น้ำเพชรไม่ได้ขายตัว ทำอาชีพสุจริต น้ำเพชรขอโอกาส ขอความเมตตา จากพี่ๆ แฟนนางงามทุกท่าน น้ำเพชรเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยากเป็นผู้หญิงที่ดี ไม่ได้มีเจตนาที่ทำให้วงการนางงามเสียหาย อยากให้พี่ๆ แฟนนางงามเปิดใจให้น้ำเพชรด้วยค่ะ" อดีตรองมิสยูนิเวิร์สไทยกล่าว

       พิธีกรถามถึงกระแสการปลดจากตำแหน่งรองอันดับ 2 นั้น เป็นมาอย่างไร น้องน้ำเพชร กล่าวว่า เป็นเรื่องจริง เมื่อวันที่ 10 ก.ค. เวลา 14.00 น. กองประกวดได้เรียกน้ำเพชรเข้าไปรับทราบว่าปลดจากตำแหน่ง น้ำเพชรอยากขอโอกาสจากสังคม ขอความเมตตา ตอนนี้น้ำเพชรไม่ได้มีตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ และไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ถ้าใครมีความเมตตาจะมีงานอะไรให้น้ำเพชรรับใช้ น้ำเพชรก็ยินดี ซึ่งวงการบันเทิงเป็นความฝันของน้ำเพชร ตอนเด็กอยู่บ้านนอก ฝันอยากเป็นนางงาม ดารา นักแสดง กับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น คุณแม่ได้ให้กำลังใจ ท่านไม่ได้บอกอะไรมาก แค่บอกว่าแม่รักลูก เป็นคำพูดที่ซื้อไม่ได้ แต่มีคุณค่าทางจิตใจ

      หลังจบรายการ น้องน้ำเพชรได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดลูกไม้ราตรียาวสีดำพร้อมชุดเครื่องเพชร ก่อนมานั่งแถลงข่าวต่ออีกเป็นเวลา 40 นาที 

      น้องน้ำเพชรกล่าวว่า วันนี้ขอโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ ทั้งเรื่องขายตัว เด็กเสี่ย เป็นเอเยนต์ส่งเด็ก และเป็นเมียน้อยนายทหารอากาศ ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่า ไม่เป็นเรื่องจริง ตนถูกใส่ร้าย ทำให้เสียเกียรติและศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง ข่าวเหล่านี้ที่ออกมาน้ำเพชรไม่มีความสุข เรื่องเกี่ยวกับการขายตัว ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ถ้ามีหลักฐานว่าซื้อที่ไหนขายราคาเท่าไหร่ ขอให้ออกมายืนยัน ส่วนเรื่องเป็นเอเยนต์ส่งเด็กไปให้เสี่ยนั้น เป็นเรื่องที่ทำให้ตนและครอบครัวไม่มีความสุขเช่นกัน หลังจากถูกกล่าวหามาเป็นเวลาร่วม 3 เดือน ฝากไปถามด้วยว่าถ้าเป็นเอเยนต์ส่งเด็กให้เสี่ยจริง ขอให้เด็กที่ถูกส่งออกมายืนยันด้วย 

      น้องน้ำเพชร กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่เป็นเมียน้อยนายทหารอากาศใหญ่ หรือเป็นเมียน้อยเสี่ย ถ้าเป็นเมียน้อยจริงคงไม่ออกมาหางานทำงานหาเงินงกๆ หาเงินเรียนเองและเลี้ยงครอบครัว การที่มาทำอาชีพพริตตี้นั้น เมื่อก่อนตนเป็นเด็กธรรมดา อยู่กับแม่สองคน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว แม่ป่วยต้องผ่าตัดด่วน วันนั้นเด็ก ม.5 ธรรมดาไม่รู้แนวทางชีวิตตัวเอง ครอบครัวไม่มีเงินเก็บเลย คิดว่าพริตตี้เป็นอาชีพที่สุจริต เชื่อว่าเด็กสาวทุกคนอยากเป็น อาชีพนี้ไม่ได้ใช้เพียงหน้าตาแต่ต้องใช้ไหวพริบด้วย เป็นอาชีพสุจริตถูกกฎหมาย เสียใจที่ถูกดูถูกเหยียดหยาม ว่าเคยเป็นพริตตี้มาก่อนจะมาประกวดนางงามไม่ได้ 

       พร้อมกันนี้ น้องน้ำเพชรได้โชว์หลักฐานประวัติการรักษาพยาบาลของแม่ ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติมาแสดงต่อหน้าผู้สื่อข่าว เพื่อยืนยันว่าแม่ป่วยจริง และได้รับการผ่าตัดจริง และตอนนี้เข้าสู่ภาวะปกติดีแล้ว

       ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นอาชีพพริตตี้ไม่ได้เป็นปัญหา แต่ภาพที่ออกมานั้นดูแรงเกินไป รู้สึกอย่างไร น้ำเพชรกล่าวว่า ตนยอมรับว่าแรงจริง ตนไม่เคยปฏิเสธว่ารูปนั้นไม่ใช่ของตน เป็นเพราะตนต้องรีบรับงาน ไม่ว่างานอะไร ไม่ว่าเหตุผลจะแรงแค่ไหน แต่เป็นอาชีพที่สุจริต ค่าจ้างครั้งนั้นได้สูง พอดีกับ ค่าผ่าตัด เด็กชั้น ม.5 ไม่สามารถทำอะไรได้เงินเยอะขนาดนั้น ตนไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ขายตัว อยากให้แม่หาย ไม่คิดว่าจะมาไกลถึงขนาดนี้

       เมื่อถามว่าแม่ทราบหรือไม่ว่า ถ่ายภาพวาบหวิว น้องน้ำเพชรกล่าวว่า แม่ไม่ทราบ เมื่อแม่มาเห็นรูปก็รู้สึกตกใจ 

       ต่อข้อความในเรื่องการโดนปลดครั้งนี้ น้ำเพชรกล่าวว่า ผู้ใหญ่ได้เรียกเข้าไปคุยหลายครั้ง และได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและมีทนายหนึ่งคน พร้อมสืบสวนก่อนว่าเป็นภาพตนจริงหรือไม่ ซึ่งตนก็ได้นำหลักฐานต่างๆ ไปให้ผู้ใหญ่ดู หลังจากที่มีเรื่องตนก็ยังไม่เคยเจอคุณแดง(นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์) ซึ่งตอนที่นางงามไปขอบคุณสื่อ ตนก็ไม่ได้ไป จึงเข้าไปสอบถามทางผู้ใหญ่ผ่านทาง แอพพลิเคชั่นไลน์ 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้องน้ำเพชรได้โชว์หลักฐานจากการก๊อบปี้การสนทนากับผู้ที่น้องน้ำเพชรบันทึกชื่อว่า P jad mut ซึ่งน้องน้ำเพชรเปิดเผยว่า ได้เข้าไปถามว่า ทำไมไม่ให้ออกงาน มีงานพิธีกรสามารถรับได้ไหม กองประกวดจะหักอย่างไร เงินกองประกวดก็ยังไม่ได้รับ ซึ่งผู้ใหญ่บอกว่า ทุกอย่างต้องผ่านกองประกวด และต้องเซ็นสัญญาก่อน ทำให้ตนเสียโอกาสทั้งงานพิธีกรและงานเป็นแอมบาสซาเดอร์ข้าวแบรนด์หนึ่ง ซึ่งจะได้สัญญาเป็นเงิน 5 แสนบาท โดยผู้ใหญ่บอกว่าให้ลูกค้าติดต่อทางกองประกวดโดยตรง และรอให้ผู้ใหญ่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ก่อน แต่สุดท้ายตนก็ไม่ได้รับงานสักอย่าง 

      "น้ำเพชรอยากพูดในเรื่องการโดนปลดแบบไม่ยุติธรรม ไม่ให้โอกาสเข้าไปชี้แจง โดยทราบจากอินสตาแกรม เพจแอนตี้น้ำเพชร ว่ากองประกวดได้เรียกคน 5 คนเข้าไปคุยในเรื่องเกี่ยวกับน้ำเพชร โดยที่ไม่เปิดเผย และไม่ได้เรียกน้ำเพชรเข้าไปชี้แจงแต่อย่างใด เพียงแต่วันที่ 8 ก.ค. ผู้ใหญ่ได้ไลน์มาหาว่าให้น้ำเพชรเข้าไปที่กองประกวด พร้อมนำมงกุฎและกล่องเข้าไปด้วย น้ำเพชรคิดว่ากองประกวดเรียกให้นำมงกุฎไปซ่อม แต่มงกุฎได้ซ่อมแล้ว จึงนำไปแต่กล่อง ไม่คิดว่าจะถูกปลด โดยวันนั้นผู้ใหญ่ได้เรียกเข้าไปในห้องเพียงคนเดียว พร้อมทนายหนึ่งคนโดยได้เริ่มต้นพูดด้วยถ้อยคำที่บีบหัวใจมาก คณะกรรมการกล่าวว่าอาชีพนี้เป็นความประพฤติอันเป็นที่น่ารังเกียจของสังคม เป็นการกระทำที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย ชื่อเสียงหรือความเชื่อถือในตำแหน่ง ตอนนั้นตนร้องไห้ไม่หยุด รู้สึกหมดที่พึ่ง" น้องน้ำเพชรระบายความรู้สึก

        น้องน้ำเพชร กล่าวอีกว่า การที่ตนมาประกวดเวทีนี้รู้สึกศรัทธาในการมาประกวดเวทีนี้ เพราะคิดว่าเวทีนี้มีการตัดสินที่มาตรฐาน แต่กองประกวดกลับปลดตน เพราะกระแสทางสังคม จึงขอโอกาสว่ามีทางออกที่ดีกว่านี้หรือไม่ การปลดตำแหน่งเป็นการสร้างตราบาปให้ชีวิต เรื่องในอดีตมันเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ จากนั้นผู้ใหญ่ได้ให้ทนายเป็นคนพูดกับตนว่าหรือจะเป็นคนสละตำแหน่งเอง ตนจึงขอกลับไปคิดและโทรศัพท์ปรึกษากับคุณแม่ และตนก็ได้เซ็นยอมรับว่ารูปภาพวาบหวิวนั้นเป็นของตนและเซ็นพ้นออกจากตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ หลังจากนั้นได้ป่วยเข้า โรงพยาบาล จนกระทั่งทางกองประกวดได้ประกาศปลดตำแหน่ง

       "วันนี้ที่มาอยากจะขอมาเรียกร้องความยุติธรรมในการปลดตนออกจากตำแหน่ง ถ้าปลดในเรื่องของภาพถ่ายเซ็กซี่และภาพที่ ผู้หญิงไปจูบปากผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน (พร้อมยกภาพเพื่อนนางงามที่จูบกับผู้ชายที่ได้เตรียมขึ้นมา) ภาพนี้ทุกคนในสังคมคิดว่าเหมาะสมและเหมาะแล้วหรือ นี่หรือคือตัวแทนของประเทศไทย แต่การที่ได้นำภาพมาแสดงในครั้งนี้ก็ไม่ต้องการให้ไปปลดใครอีก เพียงขอความเป็นธรรมและอยากจะขอทราบสาเหตุที่ปลดน้ำเพชรว่าเพราะอะไร หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรน้ำเพชรพร้อมน้อมรับทุกคำตัดสิน"

        ผู้สื่อข่าวถามถึงการคืนตำแหน่งและมงกุฎ น้ำเพชรกล่าวว่า ตนได้ตำแหน่งโดยชอบธรรม ควรที่จะได้อะไรบ้าง การที่มาขอตนคืนมันยุติธรรมหรือไม่ ตนน้อมรับในการปลดอย่างไม่ยุติธรรม แต่เมื่อคณะกรรมการได้เลือกแสดงว่าเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงขอคืนตำแหน่งพร้อมสายสะพาย แต่ไม่ขอคืนมงกุฎ ขอฝากผ่านสื่อมวลชนไปบอกผู้ใหญ่ด้วยว่า เงิน 2 แสนบาท และของรางวัลทั้งหมดที่ได้โดยชอบธรรม จะได้รับเมื่อไร

       จากนั้น น้องน้ำเพชรได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับสวมมงกุฎ และยื่นสายสะพายออกไป เป็นสัญลักษณ์การมอบคืนกลับกองประกวด ก่อนที่จะโพสท่าให้สื่อมวลชนได้เก็บภาพ

       ด้านนางประณม ถาวรเวช ผู้จัดการกองประกวด เปิดเผยถึงกรณีภาพของน้องแอลลี่ น.ส.พิมบงกช จันทร์แก้ว ตัวแทนประเทศไทย ที่จะไปประกวดมิสยูนิเวิร์สว่า ต้องแยกแยะเรื่องส่วนตัว และเรื่องงาน ภาพของน้องแอลลี่เป็นภาพที่เป็นส่วนตัวชัดเจน แต่ภาพของน้องน้ำเพชรเป็นภาพที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ซึ่งได้บอกกับน้องน้ำเพชรไปแล้ว แต่เขาก็ไม่พูดอะไร เขาก็ทราบดีว่าคุณสมบัติของผู้เข้าประกวดนั้น จะต้องไม่เคยถ่ายภาพศิลป์กึ่งเปลือย/โป๊เปลือย หรือภาพที่เข้าข่ายล่อแหลม ตีพิมพ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ ประเภทต่างๆ หรือแพร่ภาพผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มาก่อน รวมทั้งต้องไม่เคยประกอบอาชีพ งานพิเศษ หรือมีความประพฤติอันเป็นที่น่ารังเกียจ เสื่อมเสีย ต่อจารีต ขนบธรรมเนียม ประเพณี ส่วนเรื่องการไม่คืนมงกุฎนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเขาต้องคืนทั้งมงกุฎ สายสะพาย รวมถึงของรางวัลทั้งหมดด้วย 

      "การที่เขาออกมาทวงเงิน 2 แสนนั้น ต้องบอกว่า ถ้ากองประกวดเบี้ยวเงินใคร คงไม่เป็นกองประกวดมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อนางงามได้รับตำแหน่ง ต้องผ่านการเซ็นสัญญา จึงจะได้รับเงิน ซึ่งเขาก็ทราบดี โดยเรื่องมงกุฎ สายสะพาย และของรางวัลต่างๆ ได้ส่งเรื่องให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการทำเอกสารในการทวงถามต่อไป" นางประณมกล่าว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!