WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1a 1Cนพ.รุ่งเรือง กิจผาติ

สธ. ยืนยันข้อมูลวิชาการ แยกกักรักษาโควิด 5 วัน สอดคล้องสถานการณ์จริง ความเสี่ยงแพร่เชื้อ ไม่แตกต่างกับแยกกัก 7 วันหรือนานกว่า

     โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แจงแนวทางรักษา 'โควิด'กลุ่มไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย แบบ 5+5 คือ แยกกักรักษาที่บ้าน 5 วัน และป้องกันเข้มอีก 5 วัน ถูกต้องตามข้อมูลวิชาการเป็นไปตามสถานการณ์ปัจจุบันและสมดุลของการควบคุมโรคกับการใช้ชีวิตปกติสุขของประชาชน ช่วยเดินหน้าสังคมและเศรษฐกิจ ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิดได้ ชี้โอกาสเสี่ยงแพร่เชื้อไม่แตกต่างกับการแยกกัก 7 วันหรือนานกว่านั้น เหตุประชาชนรับวัคซีนจำนวนมาก และเมื่อติดเชื้อจะมีการป้องกันตนเองไม่ให้แพร่เชื้อต่อ

      นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการรักษาโรคโควิด 19 กลุ่มไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยแบบ 5+5 ว่า การกำหนดให้แยกกักรักษา 5 วัน และเฝ้าระวังสังเกตอาการและเคร่งครัดมาตรการป้องกันตนเอง คือ สวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่างอีก 5 วัน เป็นแนวทางการที่เป็นไปตามสถานการณ์ ถูกต้องตามหลักวิชาการ และผ่านคำปรึกษาของผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและสมดุลของการควบคุมโรคกับการใช้ชีวิตปกติสุขของประชาชน

      ทั้งนี้ มีข้อมูลการศึกษาในหลายประเทศ พบว่า ผู้ป่วยโรคโควิด 19 สามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มป่วย 1-2 วัน และวันเริ่มป่วยจะเป็นระยะที่มีโอกาสแพร่โรคให้ผู้อื่นได้มากที่สุด ซึ่งจำเป็นต้องแยกกักที่บ้าน เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อในชุมชน

     “ช่วงแรกเราใช้ระยะเวลา 14 วัน แต่เมื่อเชื้อมีความรุนแรงลดลง ประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีภูมิคุ้มกันจำนวนมาก ส่วนใหญ่จึงเป็นการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย และไม่ได้ตรวจหาเชื้อโควิด 19 ซึ่งเรามีคำแนะนำให้ตรวจเมื่อมีอาการ เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติมากขึ้น และอยู่ร่วมกับโควิด 19 รวมถึงเดินหน้าสังคมและเศรษฐกิจต่อไปได้ จึงมีการลดระยะเวลาแยกกักรักษาเป็น 10 วันลดเหลือ 7+3 และขณะนี้เป็นแนวทางของ 5+5” นพ.รุ่งเรืองกล่าว

     นพ.รุ่งเรืองกล่าวว่า การพิจารณาปรับระยะเวลาแยกกักที่บ้านลงนั้น เป็นการตัดสินใจบนข้อมูลข้อเท็จจริงทางวิชาการ ที่พบว่าการแยกกักที่บ้าน 5 วัน หรือ 7 วัน หรือนานกว่านั้น สามารถลดโอกาสเสี่ยงในการแพร่เชื้อต่อชุมชนไม่แตกต่างกัน ที่สำคัญคือ คนจำนวนมากฉีดวัคซีนแล้วทำให้มีภูมิคุ้มกันช่วยป้องกันอาการรุนแรง รวมถึงเมื่อทราบว่าตนเองติดเชื้อก็มีความรู้ความเข้าใจ และป้องกันตนเองอย่างเต็มที่ ดังนั้น การสังเกตอาการและเข้มมาตรการป้องกันตนเองเพิ่ม 3 วัน หรือ 5 วัน จึงไม่ได้แตกต่างกันมาก เพราะผู้ติดเชื้อจะมีการเฝ้าระวังตนเองไม่ให้แพร่เชื้อต่อ

      “ส่วนกลุ่มที่เราเป็นห่วง คือ กลุ่มเสี่ยงต่อการป่วยหนัก หรือมีอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่ กลุ่ม 608 ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนโควิดหรือยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น จึงต้องเน้นให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น หากได้รับวัคซีนเข็มล่าสุดมาแล้วในช่วง 3-4 เดือน เพื่อคงระดับภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด 19

       นอกจากนี้ หากประชาชนยังคงร่วมมือกันสวมหน้ากากขณะทำกิจกรรมร่วมกันในกลุ่มคนจำนวนมาก หรือสวมหน้ากากขณะอยู่ในที่สาธารณะ รวมทั้งผู้ที่มีอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ปวดตามตัว มีการสวมหน้ากาก ขณะอยู่ใกล้ชิดผู้อื่น จะช่วยลดการแพร่โรคได้”นพ.รุ่งเรืองกล่าว

 

 Click Donate Support Web  

 

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!