WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1ทตอนเดย

แฉข้อหา-ปลด'สสส.' ทับซ้อน โอ๊คเปิดศึกปฏิทิน ข้ามรุ่นสวนกลับบิ๊กตู่ เพื่อไทยจวกยับมีชัย ด่วนอุ้ม'มาร์ค'ลงสส. 'วิลาศ'ยื่นปปช.-สตง. สอบ 3 โครงการกทม.

      'โอ๊ค'ชกข้ามรุ่นสวนกลับ 'บิ๊กตู่'เหน็บพูดจาไม่มีวุฒิภาวะผู้นำ กระแหนะกระแหนพ่อท้าบ้างสั่งเนติบริกรไม่ให้เขียนนิรโทษกรรมพ้นผิดกรณียึดอำนาจกล้าหรือไม่ เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบตามปกติทำงาน แกนนำ เสื้อแดงนัดแจกอีก'ปฏิทินแม้ว-ปู'ที่เชียงใหม่ ด้านเพื่อไทยรุมอัดยับมีชัยเลอะเทอะด่วนออกมาอุ้มมาร์คไม่ขาดคุณสมบัติสมัคร ส.ส. ขณะที่ 'วิษณุ'โยนให้กกต.ชี้ขาดว่าทุจริตหรือไม่ พร้อมระบุอภิสิทธิ์มีเอกสารอีกกล่องที่จะใช้สมัครได้ บิ๊กตู่เปิดตลาดน้ำคลองผดุงกรุงเกษม ซื้อลอตเตอรี่ 10 ใบแจกรัฐมนตรีที่มาร่วมงาน ไม่อนุญาตปชป.ประชุมพรรค ด้าน 'จุติ ไกรฤกษ์' โอดครวญ พ้อคสช.ทำอย่างนี้แม้ไม่ประหารแต่ไม่ให้ข้าวน้ำกิน ถึงไม่ตายก็เลี้ยง ไม่โต

วันที่ 07 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9171 ข่าวสดรายวัน
ทูตอินเดีย - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ต้อนรับนายหรรษ วรรธน ศฤงคลา เอกอัครราชทูตอินเดีย ประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคารวะ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 ม.ค.


บิ๊กตู่เข้มไม่ให้ปชป.ประชุมพรรค
     เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 6 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.เสนอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่งตั้งคณะทำงานสร้างความปรองดอง ว่าให้ฝ่ายกฎหมายได้หารือกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติในเรื่องดังกล่าวก่อน ตนก็รับทราบเรื่องนี้แล้ว ส่วนจะทำได้หรือไม่ ยังไม่รู้ ในส่วนของรัฐบาลก็มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ คงได้คุยกันว่าจำเป็นแค่ไหนอย่างไร
     เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นด้วยหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่มี ส่วนตัวไม่มี เรื่องปรองดองผมบอกแล้วมันต้องมีปรองดอง มีคณะกรรมการปรองดองที่จะทำในระยะเริ่มต้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปนิรโทษกรรม เอาคนเข้ามาสู่กระบวนการปรองดองว่ามีใครบ้าง แล้วกฎหมายมันอยู่ที่ไหน ผิดกฎหมายอะไร ตรงไหนหรือเปล่า ต้องไปดูและกลั่นกรองกันอีกที จึงไปสู่ขั้นตอนต่อไปว่าจะทำอย่างไรต่อ ถ้าไม่เริ่มตรงนี้มันไปไม่ได้ มันก็อาจมีความจำเป็น ถ้าไม่จำเป็น ท่านคงไม่เสนอมา เดี๋ยวจะหาทางทำให้ แต่เดี๋ยวจะหาว่าไม่เป็นธรรมอีก อะไรก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น หาว่าไม่เป็นธรรมทุกเรื่อง"
     ผู้สื่อข่าวถามถึงพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมขอเปิดประชุมพรรคเป็นกรณีพิเศษเพื่อพิจารณาโครงสร้างพรรค นายกฯกล่าวว่ายังไม่ให้ ไม่ให้ประชุม เมื่อถามย้ำว่าเขาขอประชุมเพื่อปรับโครงสร้างพรรค พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่าแล้วที่มาพูดปากเปล่าตามสื่อต่างๆ ตนยังไม่ได้เล่นงานเลย
     เมื่อถามถึงการตรวจสอบการใช้งบประมาณโครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง 5 ล้านดวง มูลค่า 39.5 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าก็ให้คณะกรรมการด้านกฎหมายว่ากันไป

แจงปลด 7 บอร์ด-อ้างสสส.ยังอยู่
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการออกคำสั่ง คสช.ครั้งที่ 1/2259 เรื่องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติมครั้งที่ 3 จำนวน 59 รายชื่อเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ว่า รายชื่อที่ออกมานั้นยังไม่ได้ชี้ว่าทุจริต แต่เป็นการแจ้งข้อมูลมา และเพื่อให้เกิดความสะดวกในการสอบสวน เมื่อเสร็จแล้วจะมี 2 อย่างคือ ให้เจ้ากระทรวงหรือ ผู้บังคับบัญชาตามต้นสังกัด ซึ่งตอนนี้ตรวจสอบก่อนเพราะมีกฎหมายกติกาอยู่แล้ว หากทำผิดก็นำไปสู่กระบวนการอื่นๆ ต่อไป เช่น ความผิดทางอาญา แต่ในบางกรณีถ้าเป็นเรื่องใหญ่ ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่ตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวเป็นการส่งเรื่องโดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) และสตง. เราก็ให้ความเป็นธรรม
      ส่วนรายชื่อกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จำนวน 7 คนที่ถูกโละนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าเป็นการตรวจสอบข้อมูลมาเพื่อดำเนินการ แต่ตนยังให้สสส.ทำงานต่อไป อะไรที่เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับคนจำนวนมาก ก็ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น ไม่ใช่มุ่งหวังไปทำลายทุกอย่างทุกระบบ มันไม่ใช่
     "ผมต้องการให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนด้วยเท่านั้นเอง ผมไม่ได้ว่าผิดหรือถูก ก็ต้องตรวจสอบต่อไป เพียงแต่ถ้ายังอยู่ตรงนั้นมันตรวจสอบไม่ได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ไม่ขัดขวางการตรวจสอบและให้โอกาสผู้ที่อยู่ในรายชื่อได้เตรียมตัว เตรียมหลักฐานข้อมูลของเขาเอง อย่าเพิ่งว่าผิดหรือถูก เพิ่งไปให้ร้ายเขาขนาดนั้น" นายกฯกล่าว

ร่วมเปิดตลาดพม.ตลาดน้ำใจ
     เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ตลาดเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานเปิดตลาด "พม.ตลาดน้ำใจ วิถีไทยผดุง" ภายใต้แนวคิดโอกาส เกียรติ กำลังใจ คนไทยรักกัน และเกื้อกูลกัน ซึ่งเดือนนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นเจ้าภาพ โดยมีพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อมคณะร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายดูแลประชาชนทุกคนอยู่แล้ว ขอบคุณที่เข้าใจ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถือว่าสำคัญที่สุด รัฐบาลพยายามเต็มที่ในการให้โอกาส ให้กำลังใจทุกคน ทำให้ทุกคนมีศักดิ์ศรี โดยขอให้ประชาชนร่วมมือและดูแลคนพิการบ้าง เพราะแม้เขาเป็นผู้พิการ แต่ก็ทำคุณประโยชน์มากมายได้ โดยไม่ทำร้ายประเทศ
      นายกฯกล่าวว่า การทำดีต้องเริ่มจากตัวเอง และปีนี้ถือว่าเป็นปีแห่งความก้าวหน้า ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคน ซึ่งต้องปฏิรูปตนเองร่วมกับตนจึงจะทำได้แน่นอน แต่ให้ตนทำคนเดียวไม่ได้ แม้จะออกคำสั่งมาตรา 44 หรือกี่ร้อยมาตราก็ทำไม่ได้ ทุกคนต้องมีส่วนร่วม
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดงานครั้งนี้ เพื่อสร้างโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยได้มีแหล่งจำหน่ายสินค้า ภายใต้ "พม.ตลาดน้ำใจ วิถีไทยผดุง" ระหว่างวันที่ 6-26 ม.ค.2559 ระหว่างเวลา 10.00-19.00 น. สำหรับศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ขยายเวลาปิดไปจนถึง 20.00 น.
      จากนั้น นายกฯเดินเยี่ยมร้านค้าและบูธต่างๆ เมื่อมาถึงบูธ"ชมรมลอตเตอรี่ลุงตู่" ที่จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.อ.ประยุทธ์ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล เลข 139383 จำนวน 10 ใบ แจกให้รัฐมนตรีที่เดินทางมาเยี่ยมชมงาน

บิ๊กป้อมปลื้ม'ไอยูยู-ไอเคโอ'คืบ
     เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ คณะที่ 5 มีหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมหารือ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
     จากนั้น พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า ที่ประชุมหารือถึงการขับเคลื่อนการทำงานที่ค้างอยู่ ทั้งการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ที่จะเดินทางมาติดตามการแก้ปัญหาในวันที่ 21-22 ม.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้เบาลง ปัญหาค้ามนุษย์ที่เราแก้ปัญหาต่างๆ ลงไปมาก ซึ่งผู้ประกอบอาชีพประมงให้ความร่วมมือมากขึ้น และการต่อต้านสินค้าประมงจากไทยก็ถือว่าเบาลง ส่วนการแก้ปัญหาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) โดยคุยกันว่ามีอะไรบ้างที่ยังไม่คืบหน้า ซึ่งทั้ง 3 เรื่องคืบหน้าทั้งหมด โดยจะจัดนิทรรศการแสดงผลการทำงานที่คืบหน้าให้ชมที่ทำเนียบรัฐบาล
      ส่วนที่มีข่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศ เตรียมเชิญองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) หารือนั้น รองนายกฯ กล่าวว่า คิดว่าไม่มีผลต่อการพูดคุยเกี่ยวกับแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะปัญหาต่างๆ ลดลง ซึ่งโอไอซีเห็นว่าปัญหาลดลงไปมาก ทั้งเหตุการณ์และสถานการณ์ การละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่น่ามีปัญหาอะไรอีก

ชูศักดิ์อัดมีชัยด่วนอุ้มอภิสิทธิ์
      พล.อ.ประวิตรกล่าวกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ระบุคำพิพากษาศาลแพ่งยกคำร้องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฟ้องพล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหม ออก คำสั่งกระทรวงกลาโหมปลดนายอภิสิทธิ์ออกจากราชการ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย จะไม่ส่งผลต่อคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งในอนาคตว่า ไม่ทราบ ยังไม่ได้ดู เดี๋ยวจะให้กระทรวงกลาโหมชี้แจงต่อไป ถ้าผิดกฎหมายก็คือผิดจะทำอะไรได้ ขณะนี้รัฐธรรมนูญยังไม่ออกขอให้ใจเย็นๆ

       ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เข้าใจว่านายมีชัย คงตีความว่าไม่ใช่การเคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติ มิชอบในวงราชการ ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ เคยบัญญัติให้เป็นคุณสมบัติต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.
      นายชูศักดิ์ กล่าวว่าปัญหาอยู่ที่ว่าการถูกปลดออกนั้นเป็นเรื่องทุจริต หรือกระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบต่อหน้าที่หรือไม่ ซึ่งกรณีนายอภิสิทธิ์ ตามคำสั่งถูกปลดออก และที่ปรากฏในคำพิพากษาของศาลแพ่ง เพราะมีการใช้เอกสารเท็จเข้ารับราชการ แจ้งคุณสมบัติเท็จตั้งแต่แรก และยังอยู่ในราชการมาหลายปี จึงต้องตีความว่าการถูกปลดออกกรณีดังกล่าว เป็นการทุจริตตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรื่องดังกล่าวถือว่าร้ายแรงกว่าการทุจริตประพฤติมิชอบในกรณีทั่วไป ผู้ที่จะต้องตีความคุณสมบัติผู้สมัครคงเป็น กกต.และศาล ซึ่งตนคิดว่านายมีชัย ให้ความเห็นเรื่องนี้เร็วเกินไป

จตุพร ก็อัดเลอะเทอะ-แถแบบปปช.
   นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ผ่านยูทูบ โดยตำหนินายมีชัยที่ปกป้องนายอภิสิทธิ์ กรณีถูกให้ออกจากราชการทหารเพราะใช้เอกสารเท็จว่า เป็นคนแก่ที่เลอะ อธิบายแบบน้ำขุ่นๆ เพื่อช่วยเหลือกันเท่านั้น ซึ่งกระทรวงกลาโหมมีคำสั่งปลดออกจากราชการทหารเพราะนายอภิสิทธิ์ สำแดงเอกสารเท็จ ส่วนการทุจริตนั้น ไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่การใช้เอกสารผ่านเกณฑ์ทหารเป็นเท็จ จึงเท่ากับไม่มีสิทธิ์รับราชการทหาร เป็นการทุจริตมาตั้งแต่ต้น จึงถูกปลดออกและไม่มีสิทธิ์ลงสมัคร ส.ส. ซึ่งกรณีเช่นนี้ ส.ส.ถูกปลดออกจากตำแหน่ง เพราะใช้วุฒิการศึกษาปลอมก็เคยมีให้เห็นมาตลอด
      "การอธิบายของนายมีชัย ซึ่งเป็นเนติ บริกรตัวพ่อ ถ้าคิดจะอุ้มกันก็เอาเลย บ้านเมืองไม่ต้องมีหลัก ต่อไปใครออกจากราชการอันใช้หลักฐานเท็จก็สมัครส.ส.ได้ นายมีชัยเลอะ พยายามอธิบายแถอย่างป.ป.ช. ในการสลายการชุมนุมปี 2551 กับปี 2553 แตกต่างกันเพื่อช่วยนายอภิสิทธิ์ หากคนหน้าไม่ด้านจริงก็ทำไม่ได้" นายจตุพรกล่าวและว่า พวกตนไม่ได้กลัวนายอภิสิทธิ์ ในสนามเลือกตั้ง แต่การอธิบายถึงการใช้เอกสารเท็จไม่ผิด ยังสมัคร ส.ส.ได้ เมื่อนายมีชัยเขียนรัฐธรรมนูญเองย่อมทำให้ประเทศเกิดหายนะตามมา การเขียนรัฐธรรมนูญปี 2534 มีคนตายจำนวนมาก ยังไม่ได้ชดใช้กรรม จึงมาชดใช้กรรมประเทศในขณะนี้และจะได้รู้จักประชาชนมากขึ้น

วิษณุ ยังไม่ได้รับดูเรื่องปรองดอง
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายมีชัยเสนอรัฐบาลใช้มาตรา 44 ตั้งคณะกรรมการปรองดองว่า ยังไม่ได้รับมอบหมายจากนายกฯให้ดำเนินการใดๆ หากนายกฯมอบหมายก็จะไปคิดวิธีการแนวทางตามกรอบ และหารือกับนายมีชัย เนื่องจากเป็นเรื่องที่อ่อนไหว เราต้องรอบคอบ ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยว่าหลายเรื่องไม่สามารถใส่ไว้ในกฎหมายได้ เพราะเป็นเรื่องของจิตใจ เหมือนบังคับให้คนทำและสุดท้ายก็ทำไม่ได้ แต่บางเรื่องเขียนได้ ส่วนการเขียนในมาตรา 44 ไม่ยั่งยืน ไม่รู้ว่าจะมีการรื้อหรือไม่ และมาตรา 44 ไม่ได้ผ่านการแสดงความคิดเห็นจากหลายฝ่าย ปกติหัวหน้าคสช.มักใช้อำนาจนี้กับปัญหาเร่งด่วน และวันหนึ่งทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ระบบปกติ
      "แต่ปรองดองมันยืดยาว ทำไม่เสร็จใน 1-2 ปี ดังนั้น ความไม่ชัดเจนในคำสั่งมาตรา 44 จึงมีไม่มากเหมือนเขียนในรัฐธรรมนูญ หรือในกฎหมาย แต่ถ้าเขียนในรัฐธรรมนูญก็อาจบีบในเรื่องเวลาจนเกินไป ทำให้รัฐธรรมนูญยืดยาวไม่ทันสมัย และเมื่อมันเชย หากจะไปแก้ไขก็ยุ่งยาก แต่ถ้าเขียนกฎหมายธรรมดาอาจง่ายกว่า แต่ผมว่าใช้หลักอื่นที่ไม่ต้องเขียนเป็นกฎหมายจะดีกว่า แต่บางเรื่องต้องออกเป็นกฎหมาย เช่น อภัยโทษ นิรโทษกรรม ก็จำเป็นต้องออก" นายวิษณุกล่าว

ชี้มาร์ค มีเอกสารอีกกล่อง-ใช้สมัคร
   นายวิษณุ กล่าวถึงนายมีชัยระบุนายอภิสิทธิ์ไม่ขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งว่า นายมีชัยแถลงแล้วว่าไม่ขาดคุณสมบัติ จะไม่ได้เฉพาะกรณีทุจริตเท่านั้น ซึ่งการออกจากราช การ ออกได้ทั้งเหตุทุจริตและไม่ทุจริต แต่งตั้งผิด ขาดคุณสมบัติ ซึ่งคนเหล่านี้ยังกลับเข้ารับราชการใหม่ก็ได้ ส่วนการใช้เอกสารเท็จ ขึ้นอยู่กับศาลพิจารณาและตัดสินว่าทุจริตหรือไม่ ซึ่งในคำพิพากษาหรือคำฟ้องจะระบุไว้ หากทุจริตก็ต้องส่งให้กกต.เป็นผู้วินิจฉัยว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งได้หรือไม่ หากวินิจฉัยแล้วมีปัญหาเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญก็ต้องส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา แต่หากเจ้าตัวไม่พอใจก็ร้องต่อศาลได้เช่นกัน
     เมื่อถามว่า ทางกฎหมายจะมีผลย้อนหลังหรือไม่ เช่น ใช้เอกสารเท็จไปสมัครเป็นทหาร ก่อนมาเป็นนักการเมือง นายวิษณุกล่าวว่าตนยังไม่เห็นถ้อยคำในรัฐธรรมนูญ แม้กระทั่งเรื่องทุจริตว่าจะมีผลย้อนหลังหรือไม่ จึงยังตอบไม่ได้ จึงต้องดูคำในตัวบทกฎหมายก่อน กรธ.ก็ยังแถลงคำจริงๆ ไม่ถูก เพราะเขาจะประชุมหารือกันในวันที่ 11-17 ม.ค.ต่อไป อย่างไรก็ตาม หากศาลตัดสินแล้วว่าไม่ทุจริตก็คือไม่ทุจริต สามารถสมัครลงเลือกตั้งได้ ก็จะเป็นบรรทัดฐานว่าสมัครได้ ไม่มีปัญหา
     เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ต้องไม่นำเอกสารที่กลาโหมระบุใช้เอกสารเท็จสมัครทหารไปใช้ในสมัครส.ส.เลยใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่าแน่นอน ใช้ไม่ได้ เป็นโมฆะไป ต้องนำหลักฐานเอกสารอื่นๆ ไปสมัคร ซึ่งรู้ว่านายอภิสิทธิ์มีเอกสารที่ใช้ได้อยู่อีกลังหนึ่ง

59 คน ไม่ทุจริต-แต่ขัดธรรมาภิบาล
     นายวิษณุกล่าวถึงคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 1/2559 ที่ให้เจ้าหน้าที่รัฐ 59 คน พ้นจากตำแหน่งชั่วคราวเพื่อตรวจสอบการทุจริตล็อตที่ 3 ว่าขอทำความเข้าใจว่าไม่ได้ทุจริต แต่สั่งตามที่กฎหมายกำหนด คือทุจริตหรือประพฤติมิชอบ บางครั้งการประพฤติมิชอบอาจไม่ใช่การทุจริตก็ได้ จึงต้องสอบสวนก่อน ส่วนกรณีบอร์ดสสส. 7 คนนั้น เราไม่ได้พักงาน แต่ให้พ้นไปเลย ซึ่งไม่ได้ทุจริต ไม่ได้โกง ไม่ได้คอร์รัปชั่น แต่เข้าข่ายประพฤติมิชอบ เพราะมีผลประโยชน์บางอย่างทับซ้อน คล้ายว่าเมื่อดำรงตำแหน่งนี้ แต่บังเอิญไปทำอะไรบางอย่างให้คนเขาครหาว่าไม่ควร ซึ่งไม่ได้เลวร้าย แต่เมื่อไม่ควรก็พ้นไป
      "บางคนเป็นทั้งผู้ขอเงิน ขอทุน และยังเป็นผู้อนุมัติทุน อย่างนี้เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน เงินอาจนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่ในแง่ธรรมาภิบาลมันมีปัญหา" นายวิษณุกล่าว และว่าส่วนกรณีนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นที่มีหลายรายนั้น นำออกจากตำแหน่งชั่วคราว ไม่ได้ปลด และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องทุจริต แต่เป็นเรื่องของประพฤติมิชอบ มีปัญหาการสอบคัดเลือกคนเข้าทำงานราชการและสอบคัดเลือกคนเข้ารับราชการ จึงให้ออกมาชั่วคราวเพื่อตรวจ ถ้าพบว่าไม่ผิดก็กลับไป ดังนั้น อย่าไปตีตราว่าเขาทุจริตทั้งหมด บางรายเป็นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีอยู่บ้าง เจ้าตัวต้องรู้ว่าโดนคดีอะไร เพื่อจะได้แก้คดีถูก

เผยอจ.จุฬาฯมีปัญหาเรื่องข้อสอบ
      สำหรับ กรณีนายอร่าม ศิริพันธุ์ หัวหน้าภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รองนายกฯกล่าวว่าเป็นเรื่องการสอบเช่นกัน มีการพัวพันด้วย แต่ไม่ใช่การทุจริต เข้าใจว่าเป็นการออกข้อสอบ ตรวจข้อสอบ หรือเวลาสอบก็ให้คนอื่นไปออกข้อสอบตรวจข้อสอบ
      นายวิษณุกล่าวว่า คำสั่งคสช.ฉบับนี้ต่างจาก 2 รุ่นที่ผ่านมาที่กำหนดให้ตั้งกรรมการสอบและให้รีบเสร็จโดยเร็ว และหากไม่ผิดหรือผิดก็ว่ามาจะได้แก้ไขคำสั่ง เพราะเสียงสะท้อนว่าที่เคยแขวนและพักงานไปก่อนหน้านี้ เมื่อไรจะตรวจสอบเสร็จ หากค้างคาก็ใช้เวลานาน ให้ลงโทษเลยจะดีกว่า เพราะโทษก็มีการพ้นโทษ ซึ่งก็จริง จึงนำมาคิดและเร่งรัดว่าหากไปแขวนแล้วให้รีบสอบ
      "อย่าเอาเขามาแขวนแล้วไม่สอบ หรือไม่ทำอะไร ถือโอกาสไม่ทำงาน แต่ไม่ทำอะไรกับเขาเลย มิฉะนั้นผู้บังคับบัญชาเองจะผิด ซึ่งรุ่นต่อไปอาจประกาศชื่อผู้บังคับบัญชาแทน ดังนั้น รีบกรุณาดำเนินการ หากพบว่าไม่ผิดให้รีบรายงานเข้ามา ที่ผ่านมารุ่น 1, 2 ก็กลับไปแล้ว 2-3 คน รายใดจบก็กลับไปทำงานที่เดิม ที่มีทั้งนายกเทศมนตรี นายกอปท. ส่วนการแก้ไขก็ไม่ต้องออกคำสั่งตามมาตรา 44 อีก สั่งให้กลับไปได้ตามเดิม" นายวิษณุกล่าว

ห่วงองค์กรอิสระรับคนนอกอบรม
     นายวิษณุ กล่าวถึงการวิจารณ์การเปิดอบรมหลักสูตรพิเศษขององค์กรอิสระต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้งบประมาณสิ้นเปลือง และบางแห่งมีการเรี่ยไรว่า คณะทำงานกฎหมายของรัฐบาลได้หารือกันแล้ว แม้การจัดอบรมจะเป็นการพัฒนาคุณภาพของคนให้ทันความเปลี่ยนแปลง และรัฐบาลก็ยังส่งเสริมให้จัดอบรม และส่งเสริมให้เข้ารับการอบรม แต่ที่น่าห่วงคือ มีจุดอ่อนเมื่อเปิดอบรมแล้วรับคนภายนอกเข้ามา จึงคิดว่าจะต้องหาวิธีการจัดระเบียบอบรมหลักสูตรพิเศษองค์กรอิสระ เพื่อป้องกันการเป็นเครือข่ายนำไปสู่ระบบอุปถัมภ์ คอนเน็ชั่น นำไปสู่การประพฤติมิชอบ

'โอ๊ค'ออกโรงอัดภาวะผู้นำ'บิ๊กตู่'
     วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เขียนข้อความทางเฟซบุ๊กระบุว่า ไม่ว่าปฏิวัติหรือปฏิรูปต่างก็ต้องชิดซ้าย เมื่อเจอปฏิกิริยาของผู้นำประเทศต่อปฏิทิน แม้ว-ปู "ผมไม่ได้ว่าแจกปฏิทิน มันผิดหรือถูก แต่มันเหมาะสมหรือไม่ ไม่ได้ปิดกั้น แต่ผมถามว่าความถูกต้องมันอยู่ตรงไหนจะเอาไปบูชากันหรือไง คนดีๆ ตั้งเยอะตั้งแยะ ถ้าคิดว่าไม่ผิดจริงก็กลับมา จะทำปฏิทินให้อีกหลายๆ เล่ม" นี่คือคำพูดของผู้นำประเทศไทยคนปัจจุบัน พูดถึงการแจกปฏิทินที่มีรูปอดีตผู้นำประเทศชายและหญิง ซึ่งนายทหารรุ่นพี่ของตนและตัวเองได้ปฏิวัติรัฐประหารและยึดอำนาจจากเขามา
       นายพานทองแท้ระบุตอนท้ายคำพูดผู้นำยังกระแหนะกระแหนถึงพ่อตนด้วยว่า ถ้าคิดว่าไม่ผิดก็กลับมา จะทำปฏิทินให้อีกหลายๆ เล่ม นี่แหละวุฒิภาวะผู้นำคนปัจจุบันของเรา ถามว่าผิด ไม่ผิดวัดกันตรงไหน ทหารเอารถถังออกมาปฏิวัติ อ้างว่ารัฐบาลทุจริตมโหฬาร แล้วตั้งคนแบบ แก้วหน้าม้า ป้ามหาภัย มาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบความผิด จะมีใครเชื่อบ้างว่าคนจำพวกนี้ จะให้ความเป็นธรรมกับพ่อตนจริงๆ อย่ามัวแต่กระแหนะกระแหนผู้อื่นเลย เอาแค่การกระทำของตัวเองก็พอ ถามว่าเมื่อลงจากตำแหน่งแล้ว กล้าให้ตรวจสอบหรือเปล่า อย่าอ้างเป็นธรรมเนียมของการปฏิวัติว่าคนดีเสียสละเพื่อชาติแล้ว เลยต้องนิรโทษกรรมตัวเองไว้ในรัฐธรรมนูญ
    นายพานทองแท้ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเขียนกันมาแบบนี้ ทหารถึงชอบปฏิวัติ กี่ยุคกี่สมัย จะมีกี่คนที่หลังจากปฏิวัติแล้ว ยังเป็นทหารนับขวดกันอยู่ ส่วนใหญ่นับแบงก์กันมากกว่า ถ้าคิดว่าทำถูก กล้าสั่งเนติบริกร ไม่ต้องเขียนนิรโทษผู้นำไว้ในรัฐธรรมนูญ แสดงภาวะผู้นำ กล้าทำกล้ารับ ผิดถูกว่ากันตามตัวบทกฎหมาย อำนาจมีล้นฟ้า ไม่ได้ทำผิดแล้วจะกลัวอะไร สั่งเลยถ้ากระบวนการยุติธรรมปกติ ตัวเองยังไม่กล้าเผชิญ ตนว่าเลิกกระแหนะกระแหนคนที่โดนหน่วยงานพิเศษที่เผด็จการตั้งขึ้นมาเล่นงานดีกว่า ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง อายเขาเปล่าๆ

มท.1 แจงปรับทัศนคติแจกปฏิทิน
     นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าการกล่าวถึงความเหมาะสมในการทำปฏิทินรูปดร.ทักษิณ กับรูปน.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ นั้น ก็เพื่อดิสเครดิตอดีตนายกฯ ทั้งสองเท่านั้น ความเป็นจริง การทำปฏิทินเป็นการสื่อสารด้วยความรัก ความห่วงใยถึงประชาชนที่สนับสนุนมายาวนาน เมื่อถึงเทศกาลก็อวยพรกันเป็นธรรมดา
      ส่วนที่ระบุนำรูปนักโทษมาทำปฏิทินเหมาะสมหรือไม่นั้น แม้ไม่เอ่ยชื่อ ก็ทราบว่าตั้งใจจะกล่าวถึงนายทักษิณ แม้จะเป็นนักโทษก็น่าจะเป็นนักโทษการเมือง ซึ่งหลายคนบอกว่าคดีที่ดินรัชดา เป็นคดีทุจริต ไม่ใช่คดีการเมือง แต่ผู้คนยังคลางแคลงใจว่าการอนุญาตให้ภรรยาไปประมูลซื้อที่ดินเป็นคดีทุจริตได้อย่างไร แต่เราก็ยอมรับคำตัดสิน แต่หากจะให้ความเป็นธรรมควรรื้อฟื้นคดีใหม่ และฝากผู้เกี่ยวข้องว่า ความขัดแย้งที่ผ่านมาควรเป็นบทเรียนสอนใจทุกฝ่าย อย่าคิดทำลายล้างกันอีกเลย เราไม่ต้องการให้ประเทศบอบช้ำด้านเศรษฐกิจไปมากกว่านี้
      ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเชิญผู้ที่แจกปฏิทินนายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ในพื้นที่จ.ขอนแก่น ไปปรับทัศนคติว่า เชื่อว่าจะไม่เป็นเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว เรามีจุดมุ่งหมายให้เกิดความสงบในประเทศ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งอีก ถ้าเจ้าหน้าที่ประเมินว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองก็ต้องยอมรับ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้มองเรื่องปฏิทิน แต่มองเรื่องความสงบเรียบร้อย ถ้าบ้านเมืองกลับไปแบบเดินต่อไปไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดก็น่าจะเสียใจมากกว่า กำลังจะประสานกันดีอยู่แล้ว ผู้คนกำลังจะลืม อย่ากลับไปแตกแยกกันอีก คงไม่ดีกับประเทศชาติ
      ด้านลุงยิ้ม ตาสว่าง แกนนำคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 ม.ค. ตนจะไปแจกปฏิทินทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวผู้พันสูตรเด็ดเมืองเพชร สาขาแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ โดยจะแจกแค่วันที่ 7 ม.ค. เหลือไม่มาก มารับด้วยตัวเอง ไม่มีการรับฝาก เพราะของมีค่าแบบนี้ ผู้รับต้องอยากได้จริงๆ
      "ผมเปลี่ยนเวลาเป็น 12.00-13.00 น. เผื่อใครทำงานพักเที่ยงจะได้มารับได้ เหลือ 50 ชุด มาก่อนรับก่อน หมดแล้วก็คือหมดไม่มีใครมีเหลือแล้ว"ลุงยิ้มกล่าว

เตรียมสอบเพิ่มอปท.อีก 3 จังหวัด
     พล.อ.อนุพงษ์กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 1/2559 เรื่องมาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกำหนดอัตรากำลังชั่วคราว ซึ่งปรากฏมีรายชื่อนายกอบต. ใน จ.มหาสารคาม ถูกตรวจสอบถึง 32 รายว่า ผู้ว่าฯ มหาสารคาม ได้ตรวจพบว่ามีการทุจริตในการสอบบรรจุเข้าเป็นข้าราช การท้องถิ่นเมื่อปี 2556-2557 เป็นการทุจริตหลังประกาศผลสอบ โดยทำผลสอบขึ้นใหม่ เพื่อบรรจุคนเข้าไป ทำให้มีคนเข้าข่ายทุจริตจำนวนมาก ทั้งนี้ ตรวจสอบพบมีความผิด 2 ส่วนคือ ฝ่ายผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือนายก อบต. ต้องให้รองนายก อบต.ปฏิบัติหน้าที่แทน และ ฝ่ายข้าราชการท้องถิ่น ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน ส่วนรายละเอียดค่าตอบแทนให้เป็นไปตามคำสั่ง คสช.
     "ขณะเดียวกันมหาดไทยจะตรวจสอบอีกหลายจังหวัดที่เข้าข่ายทุจริต จะไม่ปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะการบรรจุคนเข้ารับราชการ และสิ่งที่อยากบอกให้สังคมรับรู้ ถ้ามีการทุจริตก็จะมีกลไกตรวจสอบเจอ" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจังหวัดที่จะตรวจสอบเพิ่ม ได้แก่ กาฬสินธุ์ พระนครศรี อยุธยา และลพบุรี เป็นต้น

ปิยะสกลโบ้ยถามคตร.ปลดบอร์ด
     ด้านนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ในฐานะรองประธานคณะกรรม การกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(บอร์ดสสส.) คนที่ 1 กล่าวว่า คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ(คตร.) ดำเนินการตรวจสอบสสส.มาตั้งแต่ก่อนที่ตนจะเข้ารับตำแหน่ง เหตุผลการปลดต้องสอบถามจากคตร. เมื่อตนเข้ามาก็ช่วยแก้ปัญหาตามที่ได้รับมอบหมาย คือให้สธ.ศึกษา ปรับปรุงให้การดำเนินงานของ สสส.ราบรื่นตรงกับพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการชุดที่มีนพ.เสรี ตู้จินดา ประธานที่ปรึกษารมว.สธ.เป็นประธาน และได้ข้อสรุปต้องแก้ไขระเบียบข้อบังคับสสส. 26 ฉบับ เน้นแก้ไขเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการ และผ่านความเห็นชอบของบอร์ด สสส.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่ทราบสาเหตุในการปลดครั้งนี้ สำหรับกระบวนการต่อไป คงต้องปรึกษาพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ประธานบอร์ดสสส.
      นพ.เสรี ตู้จินดา ประธานที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข และในฐานะประธานคณะกรรม การทบทวนการบริหารจัดการกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)กล่าวว่า หากถามว่าบอร์ดสสส.จะประชุมและทำงานต่อได้หรือไม่ ตนตอบได้เพียงหลักการว่า ต้องครบองค์ประชุมก่อน คือต้องมีทั้งประธาน มีทั้งผู้แทนจากฝ่ายต่างๆ รวมทั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เมื่อครบองค์ประชุมก็ต้องมาพิจารณาว่าจำนวนผู้ร่วมประชุมต้องมากกว่ากึ่งหนึ่ง หากผ่านการพิจารณาเหล่านี้ก็สามารถประชุมได้

หมอวิชัยโอด-ยอมเสียสละทำงาน
      ด้านนพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตรองประธานบอร์ดสสส.ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ทราบว่าเหตุผลการเปลี่ยนบอร์ดครั้งนี้ แต่ทราบข่าวมาก่อนว่าจะมีการปลด ซึ่งสสส.ได้เข้าไปชี้แจงในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ระเบียบต่างๆ และมีการแก้ไขในประเด็นที่คตร.ชี้ให้มีการแก้ไข รวมทั้งพูดคุยถึงอุปสรรคในการทำงาน จึงไม่ทราบว่าทำไมยังต้องปลดบอร์ด ซึ่งการเปลี่ยนบอร์ดนั้นจำเป็นต้องมีเหตุผลที่เพียงพอ เพราะบอร์ดมาจากกระบวนการสรรหา มีขั้นตอนกว่าจะคนที่เข้าใจการทำงานมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรมีการเปลี่ยนบอร์ด

      เมื่อถามว่า การเปลี่ยนบอร์ดจะมีผลกระทบต่อการทำงานของสสส.หรือไม่ นพ.วิชัยกล่าวว่าขึ้นอยู่กับกระบวนการสรรหาว่าจะเป็นไปโดยชอบธรรมเพียงใด ถ้าแค่ต้องเปลี่ยนคนให้ได้ที่เหมาะสมก็ต้องถูกต้อง ไม่ใช่ถูกใจ สำหรับกระบวนการสรรหานั้น บอร์ดจะต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา โดยให้ภาคีเสนอผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม 2 คน เพื่อให้คณะกรรมการสรรหาเลือกให้เหลือเพียง 1 คน ตามสัดส่วนบอร์ดที่ขาดอยู่ ให้ได้จำนวนผู้ทรงคุณวุฒิ 9 คน และต้องส่งให้ ครม.เห็นชอบเพื่อแต่งตั้งต่อไป ซึ่งกระบวนการดังกล่าวมีขั้นตอนอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนตั้งใจจะออกจาก บอร์ดสสส.อยู่แล้ว เพราะมีคนค่อนแคะว่าอยู่หลายบอร์ด ทั้งที่เราก็ตั้งใจเสียสละทำงาน

ชนวนเหตุจากพรบ.เหล้า-บุหรี่
     เมื่อถามว่ามีความกังวลในกระบวนการทำงานของสสส.จากนี้หรือไม่ นพ.วิชัยกล่าวว่าไม่กังวล ส่วนตัวถ้าอยู่ที่ไหนก็จะทำให้ดีที่สุด ถ้าพ้นมาแล้วก็ไม่มีอะไรต้องกังวล และเป็นหน้าที่ของคนที่จะมาอยู่ต่อไป ถ้าทำดีก็เป็นเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเรา ส่วนคำสั่งเป็นธรรมหรือไม่นั้น ต้องให้สังคมเป็นผู้พิจารณา ตนขอไม่ให้ความเห็น
    นพ.วิชัย กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่ามีกระบวน การล้มล้างสสส. เพราะชนวนเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่การร่างพ.ร.บ.เหล้าและบุหรี่ ทั้งที่โครงการของสสส.หลายอย่างเกิดผลลัพธ์ที่ดี มีข้อมูลชัดเจน ขบวนการนี้มีบริษัทเหล้า บุหรี่ต่างชาติอยู่เบื้องหลังเพราะมองว่ากองทุนสสส.เป็นศัตรูที่จะขัดผลประโยชน์บริษัทเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม มองว่าอนาคตของสสส.หลังจากนี้ต้องดูว่าอำนาจรัฐที่จะดูแลให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างบริษัทบุหรี่ เหล้า กับผลประโยชน์ของประชาชนว่าจะเอนเอียงไปในทิศทางใด
     ด้านนพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข สนช.กล่าวว่า คิดว่าคำสั่งที่เกิดขึ้นเป็นผลต่อเนื่องมาจากที่คตร.ตรวจสอบการใช้เงินของสสส. เชื่อว่าคงพบประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของกรรมการที่รับทุนผ่านมูลนิธิต่างๆ ต้องมีการแก้ไข ไม่ได้ต้องการที่จะล้ม เพราะสสส.ยังต้องดำรงอยู่ แต่การทำงานจากนี้ต้องโปร่งใส และมีธรรมาภิบาลมากขึ้นในการอนุมัติงบประมาณ และตรวจสอบได้ โปร่งใส ไม่มีข้อกังขา ซึ่งการทำงานจากนี้ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนที่แท้จริง และมีขอบเขตการทำงานที่แคบลงเพื่อให้การทำงานชัดเจน

เผยองค์ประกอบบอร์ดสสส.มี 20 คน
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บอร์ดสสส. ตามมาตรา 17 ของพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 มี 20 คน ประกอบด้วย 1.นายกฯ หรือผู้ที่นายกฯมอบหมาย เป็นประธาน 2.รมว.สาธารณสุข เป็นรองประธานคนที่หนึ่ง 3.ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งครม.แต่งตั้งจาก ผู้ซึ่งมีคุณวุฒิ เป็นรองประธาน คนที่สอง 4.กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงคมนาคม ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงแรงงาน ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข และผู้แทนทบวงมหาวิทยาลัย 5.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ อีก 8 คน ดังนั้น ผู้ทรงคุณวุฒิตามพ.ร.บ.รวมทั้งหมด 9 คน ขณะนี้เพียงนางทิชา ณ นคร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการศึกษา และนายชำนาญ พิเชษฐพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านกฎหมาย ที่ไม่มีคำสั่งให้ปลด
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแก้ปัญหาสสส.ที่ผ่านมา นพ.ปิยะสกลได้ตั้งคณะกรรมการซึ่งมีนพ.เสรี ตู้จินดา เป็นประธาน ตามคำสั่งคตร. สรุปให้ปรับแก้ระเบียบสสส. 26 ฉบับ และในการประชุมบอร์ดสสส. ที่มีพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ ในฐานประธานบอร์ดสสส. มีมติให้แก้ระเบียบ และกรรมการคนใดที่ควบตำแหน่งมูลนิธิอื่นๆ ที่อาจซ้ำซ้อนกับบอร์ดสสส. ต้องเลือกนั่งเพียงตำแหน่งเดียวภายใน 90 วัน

ชี้ 7 คนที่ถูกปลด-ได้รับงบจากสสส.
      จากการตรวจสอบจากรายงานของสตง. ในส่วนที่เกี่ยวกับคณะกรรมการที่มีคำสั่งให้ยุติหน้าที่ สตง.ได้ระบุรายชื่อที่ได้รับเงินอุดหนุนจากกองทุนสสส. ตั้งแต่ปี 2550-2557 ประกอบด้วย 1.นพ.วิชัย โชควิวัฒน บอร์ดสสส. รองประธานคนที่สอง และเป็นกรรม การในมูลนิธิมิตรภาพบำบัด มูลนิธิแพทย์ชนบท มูลนิธิเด็ก มูลนิธิโกมลคีมทอง มูลนิธิ 14 ตุลา มูลนิธิสร้างสุขไทย 2.นายสงกรานต์ ภาคโชคดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านการสร้างเสริมสุขภาพ และเป็นกรรมการมูลนิธิวิถีสุข
     3.นายเอ็นนู ชื่อสุวรรณ กรรมการด้านการพัฒนาชุมชน และยังเป็นกรรมการมูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยฯ 4.นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการด้านการสื่อสารมวลชน และยังเป็นกรรมการมูลนิธิองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 5.นาย สมพร ใช้บางยาง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านการกีฬา และยังเป็นกรรมการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ 6.รศ.ประภาภัทร นิยม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านศิลปะวัฒนธรรม และยังเป็นกรรมการสถาบันอาศรมศิลป์ และ 7.นายวิเชียร พงศธร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านการบริหาร และยังเป็นกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย และมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม

สตง.แจงมีผลประโยชน์ทับซ้อนกัน
     ด้านนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) กล่าวถึงคำสั่งคสช.ว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตรวจสอบการใช้งบประมาณของทั้งคตร.และสตง. ซึ่งตนไม่ทราบว่าบอร์ดสสส.มีทั้งหมดกี่คน แต่ถ้าดูจากรายชื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 7 คนเป็นกรรมการมูลนิธิอะไรบ้าง มูลนิธิเหล่านั้นรับทุนจากสสส.ไปแล้วเท่าไร ซึ่งไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องผิด แต่เป็นเรื่องความเหมาะสมว่าควรจะทำหน้าที่เป็นผู้พิจารณาอนุมัติงบประมาณต่อไปหรือไม่ เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนและมีอำนาจพิจารณา อาจส่งผลถึงความเป็นธรรมสำหรับองค์กรอื่นๆ ที่จะเข้ามารับงาน ถ้ายังปล่อยให้มีสภาพการบริหารอย่างนี้เท่ากับยอมรับสภาพกึ่งผูกขาด เรื่องนี้มีการตรวจสอบและพูดกันมาพอสมควร
     "ความจริงคนที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาตัวเองว่าสถานการณ์อย่างนี้ควรอยู่บริหารหรือไม่ แต่เมื่อไม่มีการประเมินก็อาจมีคนอื่นมาประเมิน และเห็นว่าไม่เหมาะจะทำหน้าที่ในสภาพนี้ต่อไป เป็นปัจจัยหนึ่งนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ส่วนที่วิจารณ์เรื่องความเหมาะสมและการถูกแทรกแซงจากธุรกิจเหล้าบุหรี่นั้น ต้องดูกันต่อไป การตั้งประเด็นอย่างนี้เพราะได้รับผลกระทบจึงชูธงขึ้นมา หลังจากนี้มีคนที่เป็นกลางและอิสระจริงๆ มาพิจารณาก็เห็นความแตกต่างได้ การพูดไปก่อนเป็นการมองในแง่ลบเกินไป" นายพิศิษฐ์กล่าว

บิ๊กต๊อกโต้ไม่เกี่ยวบริษัทเหล้าบุหรี่
      ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 1/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติมครั้งที่ 3 รวม 59 คน โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 รัฐธรรมนูญชั่วคราวว่า เป็นคำสั่งที่ 3 แล้ว ซึ่งตนพูดเสมอว่า หากใครสงสัยขอให้เสนอคำร้องมายังตน หรือศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.)ได้ เรายินดีให้ทุกคนที่มีรายชื่อเข้ามาชี้แจง และตนจะให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบได้ชี้แจงให้ทราบพร้อมหลักฐานเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
       เมื่อถามถึงกรรมการสสส.ที่ถูกปลดออก ระบุการออกคำสั่งดังกล่าวมีบริษัทเหล้าและบุหรี่อยู่เบื้องหลัง พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ขอชี้แจงในภาพรวมว่าเรื่องสสส. ประเด็นสำคัญคือการใช้และอนุมัติงบประมาณไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ซึ่งหน่วยงานตรวจสอบได้ตรวจพบ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าทุกโครงการที่เกิดขึ้นของสสส.จะใช้จ่ายงบไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ อย่าไประบุเป็นโครงการยิบย่อย และตนไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียง ต่อความยาวสาวความยืดไปเรื่อย แต่บอกแล้วว่าช่องทางที่เราเปิดอยู่คือการยื่นข้อชี้แจงมา ตนจะให้หน่วยงานที่ตรวจสอบชี้แจงให้ทราบทุกครั้ง พร้อมหลักฐานอย่างชัดเจนทุกครั้ง
    ผู้สื่อข่าวถามว่าสสส.ให้น้ำหนักว่าหลายโครงการประสบความสำเร็จ เช่น โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา โครงการสวดมนต์ข้ามปี พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องโครงการหรือพูดถึงการปฏิบัติ ซึ่งโครงการของสสส.เป็นโครงการที่ดี ไม่มีใครปฏิเสธ โครงการของทุกรัฐบาลเป็นโครงการที่ดี แต่มีเรื่องการทุจริตจริงหรือไม่ นั่นคือการปฏิบัติ เราอย่าเอาโครงการมาพูด เพราะตนไม่เคยระบุ และรัฐบาลชุดนี้ก็ไม่เคยระบุ

แจงอปท.ใช้งบประมาณผิดพลาด
      เมื่อถามถึงคำสั่งยังสั่งพักงานในส่วน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ตนได้ชี้แจงกับที่ประชุมครม.ว่าเราจะลงไปดูที่ชุมชน ทุกครั้งที่เราประกาศคำสั่งดังกล่าว จะเห็นว่าในส่วนของอปท.จะมีรายชื่อถึงร้อยละ 60 ซึ่งตนได้บอกศอตช.แล้วว่าไม่ควรใช้ระบบการปราบปรามหรือลงโทษอย่างเดียว เราต้องทบทวนทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่ควรปล่อยสถิติเหล่านี้อีก ทั้งนี้ คดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา
      รมว.ยุติธรรมกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนได้เชิญสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งสมาคมอบจ.แห่งประเทศไทย และสมาคมอบต.แห่งประเทศไทยมาหารือถึงระบบการป้องกัน ซึ่งเราต้องเข้าใจว่าการร้องเรียนทั้งประเทศมี 1 ใน 3 ลงไปที่ท้องถิ่น อยากคิดในแง่บวกว่า อาจเกิดจาก 1.คู่แข่งทางการเมืองท้องถิ่น 2.ที่อยู่กับใกล้ชิดกับประชาชน 3.กฎระเบียบข้อบังคับบางเรื่องไม่ชัดเจน และ 4.นายกส่วนท้องถิ่นบางคนไม่ได้เติบโตมาจากการใช้จ่ายงบของรัฐ ซึ่งน่าห่วง เพราะ ขาดความรู้ความเข้าใจ ตรงนี้อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง
     พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า จึงต้องการให้ศอตช.ลงไปให้ความรู้และส่งเสริมความเข้าใจกับท้องถิ่น เพราะที่ผ่านมาการใช้จ่ายงบมีความผิดพลาดและไม่เกิดประโยชน์ เราต้องการพัฒนาท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์และพัฒนาองค์กรท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เพราะถ้าศอตช.หรือรัฐบาลจะใช้แต่ระบบการปราบปรามคนทุจริตก็คงไม่ถูกต้อง เราจึงต้องใช้ระบบป้องกัน ซึ่งดีกว่า

กำหนดปฏิรูปการศึกษาไว้ในรธน.
      ที่รัฐสภา นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ. แถลงว่าที่ประชุมกรธ.เห็นควรให้กำหนดหลักการสำคัญในการปฏิรูปการศึกษาไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่วนรายละเอียดให้ใส่ไว้ในกฎหมายลูก เช่นเดียวกับการปฏิรูปตำรวจ ที่เห็นควรให้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อผลักดันให้การบริหารงานบุคคลเป็นไปตามความรู้ ความสามารถ และอาวุโส ปรับปรุงกลไกการสอบสวน อาจกำหนดให้อัยการมีส่วนร่วมสอบสวนด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมกรธ.เห็นควรให้กำหนดประเด็นปฏิรูปทั้ง 2 ด้านนี้อยู่ในบทเฉพาะกาล มีสภาพเชิงบังคับ ให้ดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนด หากไม่สำเร็จจะมีมาตรการกดดัน เช่น หากแก้กฎหมายปฏิรูประบบสอบสวนของตำรวจไม่เสร็จก็จะมอบอำนาจให้อัยการทำหน้าที่หัวหน้าสอบสวน จนกว่าจะเสร็จ
     นายอุดม กล่าวว่า ที่ประชุมยังพิจารณาแนวทางการปฏิรูปข้าราชการ เบื้องต้นมีข้อเสนอให้กำหนดมาตรฐานจริยธรรมของข้าราชการแต่ละหน่วยเหมือนกัน โดยมอบอำนาจให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นผู้รับผิดชอบ วางมาตรฐานจริยธรรมข้าราชการ และยังมีข้อเสนอให้คดีทุจริตของข้าราชการ นอกจากมีความผิดทางวินัยและคดีอาญาแล้ว จะต้องฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายและยึดทรัพย์ได้
     ส่วนการประชุมนอกสถานที่ที่อ.ชะอำในสัปดาห์หน้า นายอุดมกล่าวว่าอนุกรรมการแต่ละคณะจะนำเสนอบางประเด็นที่ยังค้างอยู่เพื่อหาข้อสรุปว่าจะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ เช่น อนุกรรมการฝ่ายนิติบัญญัติจะหารือถึงการให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าและนอกสถานที่จะมีปัญหาหรือไม่ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งที่ไม่ได้เป็นวันเดียวกันพร้อมกันทั่วประเทศไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พท.บี้กรธ.อย่าแน่วแน่-ไม่ฟังใคร
     นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่ากรธ.แน่วแน่ในแนวทางของตน ไม่ปรับตามข้อเสนอจากหลายฝ่าย สิ่งที่ทำได้คือยื่นบันทึกช่วยจำให้สังคมได้ทราบว่าเราได้เตือนกรธ.แล้ว ว่ามีประเด็นใดที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและ ไม่เป็นสากล ก่อให้เกิดปัญหาในอนาคต ดังนี้ 1.นายกฯควรมาจากส.ส. เพราะประชาชนจะได้มีสิทธิ์เลือก ประเด็นนี้เคยสร้างปัญหาขัดแย้งมีการประท้วงใหญ่ในอดีต แต่กรธ.ยังจะสวนกระแส
    2.การตัดสิทธิ์ไม่ให้ประชาชนเลือกวุฒิสภาเช่นที่เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 หันไปใช้ระบบกลุ่มอาชีพเลือกกันเอง ที่แม้แต่กรธ.ยังระบุไม่อาจป้องกันบล็อกโหวตได้ เป็นการไม่เคารพสิทธิและอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทย ทั้งที่ส.ว.มีอำนาจแต่งตั้งองค์กรอิสระที่มีอำนาจมาก ถอดถอนผู้มาจากการเลือกตั้ง หรือเปลี่ยน แปลงรัฐบาลได้ แต่ส.ว.ใหม่นี้ไม่ยึดโยงประชาชน อย่างน้อยควรมีการเลือกตั้งส.ว. กึ่งหนึ่ง

สถาปนาองค์กรอิสระเหนือรัฐสภา
     นายนพดล กล่าวว่า 3.แนวคิดให้อำนาจองค์กรอิสระหรือศาลรัฐธรรมนูญผ่าทางตันทางการเมือง ซึ่งขัดหลักการประชาธิปไตยสากลที่ยึดรัฐสภา ปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองในรัฐสภา มิใช่ให้องค์กรอิสระที่มีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายมาวินิจฉัยปัญหาการเมือง เป็นการดึงองค์กรอิสระเข้าสู่ความขัดแย้งทางการเมือง และกระทบต่อความน่าเชื่อถือและการยอมรับการตัดสินขององค์กรอิสระในเรื่องอื่นๆ ได้
     นายนพดล กล่าวว่า 4.การระบุให้การแก้รัฐธรรมนูญแตกต่างจากที่ผ่านมา โดยใช้เสียงในรัฐสภามากเป็นพิเศษ และต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน อีกทั้งต้องทำประชา มติก่อนแก้ทุกครั้ง เป็นการจำกัดอำนาจรัฐสภาที่จะแก้รัฐธรรมนูญตามที่ยุคสมัยเห็นว่า เหมาะสม เท่ากับสถาปนาอำนาจองค์กรอิสระให้อยู่เหนือรัฐสภา ขัดหลักประชาธิปไตยสากลและพรากสิทธิของคนไทยที่จะกำหนดกติกาที่เหมาะสมกับกาลเวลา สิ้นเปลืองงบประมาณทำประชามติ จึงขอยื่นบันทึกช่วยจำนี้ให้กรธ.พิจารณาตามที่เห็นสมควร และให้คนไทยรับทราบไว้ ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ผู้ร่างต้องรับผิดชอบ หรือถ้าผ่านประชามติไปแล้วก่อให้เกิดปัญหาในอนาคต ก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน เนื่องจากกรธ. 21 คนมีอำนาจเต็มที่ในการร่างรัฐธรรมนูญ ประชาชนทำได้เพียงเสนอและยื่นบันทึกช่วยจำไว้

ระบุปฏิรูปทุกด้านยังไม่ชัดเจน
      นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าผู้มีอำนาจอ้างมาตลอดว่าเข้ามาสร้างปรองดอง ลดขัดแย้ง แตกแยก และวางกติกาปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งตามแนวทางของกปปส. คือปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ไม่มีความชัดเจนว่าถ้าร่างรัฐธรรม นูญไม่ผ่านประชามติจะเดินอย่างไรต่อไป หรือการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน เพราะอาจหลงไปพึงพอใจกับผลโพลว่ามีคนพอใจ 99.50 เปอร์เซ็นต์ นายอนุสรณ์กล่าวว่าทางที่ดีรัฐบาลควรเอาเวลาไปทุ่มเทสรรพกำลังสติปัญญา ใส่ใจกับการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เกษตรกร ชาวนา ชาวสวนยาง มากกว่าจะไปทำในสิ่งที่ธุระไม่ใช่ ประเทศไทยปี 2559 เรามาถึงจุดนี้ จุดที่แจกปฏิทินปีใหม่ผิดกฎหมายได้อย่างไร ขอให้ผู้มีอำนาจช่วยตอบประชาชน อย่ามาอ้างว่าปฏิรูปสะดุดเพราะต้องหยุดเคลียร์ปฏิทิน

มาร์คอ้างปชป.เห็นต่างไม่ขัดแย้ง
     ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ว่า สมาชิกพรรคไม่มีบุคคลใดขัดแย้งกันเป็นการส่วนตัว และพรรคที่เป็นประชาธิปไตยย่อมมีความเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรค ซึ่งเป็นเพียงความเห็นต่าง ไม่ใช่ความขัดแย้ง โดยสมาชิกพรรคคนที่ออกมาเคลื่อนไหวจะต้องชี้แจงกับสมาชิกคนอื่นๆ ให้ได้ว่า การกระทำแต่ละวาระมีประโยชน์ต่อสังคมและพรรคอย่างไร ส่วนกระแสข่าวการเปลี่ยนตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น ตนเห็นว่าสมาชิกพรรคต้องสร้างความเข้มแข้งให้กับพรรค และสามารถแปลงนโยบายไปสู่ประชาชน โดยประชาชนย่อมมีสิทธิที่จะสามารถบริหารพรรคได้
      "เช่นเดียวกับกรณีของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน แม้จะไม่ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวนี้ก็ตาม หรือจะมีการหารือเป็นการส่วนตัวผ่านทางโทรศัพท์กับตน ก็สามารถเสนอตัวเป็นผู้บริหารพรรคได้อยู่แล้ว และการกระทำดังกล่าวไม่ได้แสดงถึงความขัดแย้งภายใน แต่เป็นสิทธิ์ที่จะสามารถกระทำได้" นายอภิสิทธิ์ระบุ

เหน็บพรรคอื่นค้านโดยไม่เห็นร่าง
     นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญว่า การที่นายมีชัยยืนยันว่าจะไม่มีองค์กรในลักษณะคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ(คปป.) บัญญัติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยให้หลายฝ่ายไม่ต้องกังวงว่าจะมีองค์กรที่กระทบกับองค์กรที่มาจากกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งตนเชื่อมั่นในคำพูดของนายมีชัยว่า จะมีวิธีและกลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูปและการปรองดองที่ดีกว่าการกำหนดให้มีคปป. อย่างไรก็ตาม ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านการประชามติหรือไม่ ยังไม่สามารถประเมินได้ แต่คสช.และรัฐบาลควรแก้ไขหลักเกณฑ์ประชามติให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเกณฑ์ที่ผ่านความเห็นชอบการประชามติ หรือกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติก็ตาม
     นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนพรรคการเมืองบางพรรคที่ประกาศจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรม นูญนั้น ตนไม่ทราบเจตนา แต่การจะตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญควรต้องพิจารณาจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์เสียก่อน ขณะที่รัฐมนตรีบางคนที่เคยออกมาระบุว่าจะไม่จัดประชามติหากเกิดความวุ่นวาย เรื่องนี้รัฐบาลต้องทบทวนให้ดี เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ถ้าไม่ได้รับความชอบธรรมจากประชาชนอาจนำไปสู่ปัญหาในอนาคตได้

โอดคสช.ห้าม-พรรคเลี้ยงไม่โต
    นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ไม่อนุญาตให้พรรคประชาธิปัตย์ประชุมพรรคตามที่ขอว่า ก็ดี นายกฯตอบมาชัดเจนดี พรรคจะได้ไปพิจารณาต่อไปว่าจะดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร
     ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เมื่อใดที่ได้รับคำตอบอย่างเป็นทางการจากคสช. ก็จะหารือกับหัวหน้าพรรคและรองหัวหน้าพรรค ว่าจะต้องยื่นหนังสือไปยังคสช.อีกครั้ง จะอธิบายให้ชัดเจนถึงความจำเป็นให้คสช.รับทราบว่า พรรคจำเป็นจริงๆ ที่ต้องทำกิจกรรมทางการเมือง และไม่เกี่ยวกับการเมือง เนื่องจากฤดูนี้พรรคสามารถระดมทุนจากผู้เสียภาษีได้รายละ 100 บาท ซึ่งเป็นช่วง 3 เดือนจากนี้เท่านั้น เพราะพรรคไม่ได้มีนายทุน
     นายจุติ กล่าวต่อว่าเงินสะสมที่มีอยู่จึงเป็นจำนวนที่จำกัด หากเงินหมดใครจะรับผิดชอบ พวกตนจะเอาเงินจากไหนมาใช้บริหารกิจการพรรค จึงหวังว่าคสช.จะเข้าใจปัญหา เนื่องจากพรรคไม่ได้เป็นอันธพาลทางการเมือง หากคสช.ไม่อนุญาต ก็เหมือนคสช.ไม่ประหารชีวิตพรรคที่มีอยู่ แต่ไม่ให้ข้าวกินแบบนี้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

'วิลาศ-ปชป.'ยื่นร้องสตง.แล้ว
      ที่สตง. นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือต่อนายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าฯสตง. เพื่อให้ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการต่างๆ ของกทม. เนื่องจากส่อว่ามีการทุจริตใน 3 โครงการคือ การจัดซื้อจัดจ้างกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) โครงการติดตั้งไฟประดับบริเวณลานคนเมืองกทม.ที่ใช้งบประมาณ 39.5 ล้านบาท และการต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส กับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ออกไปอีก 30 ปี ทั้งที่สัญญาเดิมยังเหลืออีก 17 ปี
      นายวิลาศ กล่าวว่า กรณีการจัดซื้อกล้อง ซีซีทีวี ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก เมื่อเกิดเหตุอาชญากรรมไม่สามารถขอภาพจากกล้องได้ ส่วนกรณีกทม.ต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส น่าเชื่อว่าจะส่อทุจริต เพราะมีการขยายสัมปทานโดยไม่มีการแข่งขันเสนอราคา และไม่ขออนุญาตจาก รมว.มหาดไทย
     นายวิลาศ กล่าวว่า ส่วนกรณีการติดตั้งไฟประดับบริเวณลานคนเมืองกทม. บริษัทที่ได้รับงานคือ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวล ซึ่งเคยรับงานทัวร์ศึกษาดูงานจากสมาชิกสภาเขต ที่มีพฤติกรรมส่อทุจริตในการซื้อตั๋วเครื่องบินเบิกเกินราคา และทำผิดระเบียบกระทรวงการคลัง นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวยังรับงานจดทะเบียนเพิ่มวัตถุประสงค์ติดตั้งประดับไฟเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2558 ซึ่งติดตั้งไฟ 5 ล้านดวง แต่กทม.ไม่แจกแจงเอกสารการจัดซื้อจัดจ้าง จึงเท่ากับมีกระบวนการรู้กันภายในว่าจะไม่สามารถยื่นซองประกวดราคาได้ จึงอยากฝากผู้ว่าฯสตง.ให้ตรวจสอบทั้ง 3 กรณีอย่างเร่งด่วนและขอให้ สตง. เรียกสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกทม.มาตรวจสอบด้วย

รับสอบทั้ง 3 โครงการโฉ่กทม.
      ด้านนายประจักษ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ สตง.ที่จะตรวจสอบทั้ง 3 โครงการ เพราะใช้งบจัดซื้อจัดจ้างค่อนข้างสูง โดยเฉพาะโครงการติดตั้งไฟประดับ ขณะนี้สตง.เริ่มตรวจสอบไปบ้างแล้ว ต้องดูว่าเป็นไปตามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่ ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการเพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินเป็นไปตามวัตถุประสงค์
      "จะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากผลออกมาเป็นอย่างไร ก็มีช่องทางส่งเรื่องไปดำเนินการต่อ ถ้ามีการทุจริตจริง สตง.ก็ชี้มูลไป ยังป.ป.ช. และส่งให้อัยการฟ้องศาลต่อไป รวมถึงกระบวนการพิเศษอื่นๆ เช่น ส่งตรงถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้ดำเนินการเร่งด่วน หากเห็นว่าถ้าใช้ช่องทางไหนรวดเร็วที่สุดก็พร้อมจะดำเนินการ" นายประจักษ์กล่าว
     ส่วนการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยาน ราชภักดิ์นั้น นายประจักษ์กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งในรายละเอียดมีข้อมูลของกระทรวงกลาโหมส่งมาด้วยและข้อมูลของหน่วยงานอื่นๆ ที่ส่งมา สตง.จะนำมาพิจารณาตามข้อเท็จจริง ส่วนผลสอบของกระทรวงกลาโหมนั้นไม่ได้เป็นข้อมูลหลัก แต่ถือเป็นข้อมูลหนึ่งที่เราจะนำมาประกอบการตรวจสอบ รวมกับข้อมูลของหน่วยงาน อื่นๆ ยืนยันว่าใช้เวลาไม่นาน เพราะอยู่ในความสนใจของประชาชน

สภากทม.ยื่นกระทู้ถาม'อมร'
     ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายวิลาศยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช.ให้ตรวจสอบนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. กรณีกระทำทุจริตต่อหน้าที่ใน 3 กรณีคือ 1.การจัดซื้อจัดจ้างกล้องซีซีทีวีของ กทม. ที่ไม่สามารถใช้งานได้จริง 2.การต่อสัญญาจ้างเดิน รถไฟฟ้าบีทีเอส ของบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ออกไปอีก 30 ปี ทั้งที่สัญญาเดิมยังเหลืออีก 17 ปี 3.การติดตั้งไฟประดับบริเวณลานคนเมือง วงเงิน 39.5 ล้านบาท
    ที่ห้องประชุมสภากทม. ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภากทม. เป็นประธานประชุมสภาสมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2559 โดยมีนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. สมาชิกสภากทม. และผู้บริหารกทม. เข้าร่วมประชุม ซึ่งที่ประชุม นายสุทธิชัย ทรรศนสฤษดิ์ ส.ก. ตั้งกระทู้ถามสดขอทราบเหตุผลความจำเป็นการใช้งบ 39 ล้านบาท จัดแสดงแสงไฟบริเวณลานคนเมือง ซึ่งงบดังกล่าวเป็นงบกลาง ประเภทสำรองจ่าย

แจงเข้าชม 1.2 ล้าน-โกยเกือบ 6 ล.
     นายอมร ชี้แจงว่า โครงการนี้นำเสนอโดยผู้ว่าฯกทม. และคณะผู้บริหาร ซึ่งเห็นความจำเป็นที่จะส่งเสริมและฟื้นฟูการท่องเที่ยวในพื้นที่กทม. หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดราชประสงค์ ส่วนการใช้งบกลางนั้น เนื่องจากสำนักวัฒนธรรมและการกีฬา เสนอของบประมาณปี 2559 จำนวน 317 ล้านบาท แต่ได้รับอนุมัติเพียง 50 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ใช้ในกิจกรรมที่ทำเป็นประจำ ไม่มีสำหรับกิจกรรมที่สนับสนุนการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.58- 5 ม.ค.59 มีประชาชนเข้ามาชมไฟแล้วกว่า 1,202,560 คน มียอดจำหน่ายสินค้าที่ถนนคนเดิน 5,923,530 บาท
    ด้านนางวรรณวิไล พรหมลักขโณ ส.ก. กล่าวว่า อำนาจการใช้จ่ายงบกลางคือ ผู้ว่าฯกทม. ซึ่งสภากทม.จะติดตามการใช้จ่ายงบของกทม.ทุกประเภทว่าคุ้มค่าหรือไม่ รวมถึงให้ฝ่ายบริหารแจ้งผลการใช้จ่ายว่านำไปใช้ส่วนใดบ้าง และขณะนี้สตง.และป.ป.ช.กำลังตรวจสอบการใช้จ่ายเงินส่วนนี้ว่าคุ้มค่าและบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่

 

วิษณุชี้ฟัน 7 สสส. ไม่โกงแต่มิชอบ  เข้าข่าย'ขอทุน'-อนุมัติเอง หมอวิชัยแฉมีกลุ่มจ้องล้ม บิ๊กตู่แนะ 2 แนวสอบ 59 คน แจงอจ.จุฬาฯโดนปมอปท.

  • มติชนออนไลน์ :

    เปิดตลาด - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงาน "พม.ตลาดน้ำใจ วิถีไทยผดุง (โอกาส เกียรติ กำลังใจ คนไทยรักและเกื้อกูลกัน)" ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 มกราคม

  •       'บิ๊กต๊อก'พร้อมให้ 59 ขรก.ถูกเด้งล็อต 3 แจง วิษณุ'เผย สสส.ส่อประโยชน์ทับซ้อน อจ.จุฬาฯ-อปท.โยงทุจริตคัดเลือกข้าราชการท้องถิ่น ผู้ว่าการ สตง.แนะ สสส.พิจารณาตัวเอง 'หมอวิชัย' โวยมีขบวนการจ้องล้ม

    @ 'บิ๊กตู่'ชี้แนวจัดการ 59 ขรก.

          เมื่อวันที่ 6 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการออกคำสั่ง คสช.ครั้งที่ 1/2559 เรื่องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติมครั้งที่ 3 จำนวน 59 รายชื่อ เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมาว่า รายชื่อที่ออกมานั้นยังไม่ได้ชี้ว่าเป็นการทุจริต แต่เป็นเรื่องของการแจ้งข้อมูลมาและเพื่อให้เกิดความสะดวกในการสอบสวน เมื่อเสร็จแล้วก็จะมี 2 อย่างคือ ให้เจ้ากระทรวงหรือผู้บังคับบัญชาตามต้นสังกัด ตอนนี้เป็นการตรวจสอบก่อนเพราะมีกฎหมายกติกาอยู่แล้ว หากทำผิดก็จะนำไปสู่กระบวนการอื่นๆ ต่อไป เช่น ความผิดทางอาญาหรืออะไรก็ว่าไป แต่ในบางกรณีถ้าเป็นเรื่องใหญ่ก็จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบอยู่แล้ว คำสั่งดังกล่าวเป็นการส่งเรื่องโดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และ สตง.เราก็ให้ความเป็นธรรม

    @ ชี้เด้ง 7 สสส.ไม่ทำลายระบบ

         ผู้สื่อข่าวถามถึงรายชื่อกรรมการองค์กรกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 7 คน นำโดย นพ.วิชัย โชควิวัฒน รองประธานกองทุนคนที่สองนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นการตรวจสอบข้อมูลมาเพื่อดำเนินการ แต่ตนก็ยังให้ สสส.ทำงานต่อไป อะไรเป็นกิจกรรมเกี่ยวพันกับคนจำนวนมากก็ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น ไม่ใช่มุ่งหวังจะไปทำลายทุกอย่างทุกระบบไม่ใช่

        "ผมต้องการให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนด้วยเท่านั้นเอง ผมไม่ได้ว่าผิดหรือถูก ก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป เพียงแต่ว่าถ้ายังอยู่ตรงนั้น ตรวจสอบไม่ได้ เพื่อให้ไม่ขัดขวางการตรวจสอบและให้โอกาสผู้อยู่ในรายชื่อได้เตรียมตัวเตรียมหลักฐานข้อมูลของเขาเอง อย่าเพิ่งว่าผิดหรือถูก อย่าเพิ่งไปให้ร้ายเขาขนาดนั้น" นายกฯกล่าว

    @ โยน'วิษณุ'หารือข้อเสนอ'มีชัย'

         พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อแต่งตั้งคณะทำงานสร้างความปรองดองว่า ก็ให้ฝ่ายกฎหมายได้หารือกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในเรื่องดังกล่าวก่อน ตนก็รับทราบในเรื่องนี้แล้ว ส่วนจะสามารถทำได้หรือไม่ ยังไม่รู้ ตอนนี้ก็ให้ฝ่ายกฎหมายเขาว่ากันมาก่อน ต้องให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณา ในส่วนของรัฐบาลก็มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดี๋ยวก็คงได้คุยกันมาว่า มีความจำเป็นแค่ไหน อย่างไร 

          เมื่อถามว่าส่วนตัวนายกรัฐมนตรีเห็นด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่มี ส่วนตัวไม่มีอะไร ในเรื่องความปรองดองผมบอกแล้วไงว่า ต้องมีการปรองดอง มีคณะกรรมการปรองดองจะทำในระยะเริ่มต้น ไม่ได้หมายความว่าจะไปนิรโทษกรรมอะไร เอาคนเข้ามาสู่กระบวนการปรองดองว่ามีใครบ้าง แล้วกฎหมายอยู่ที่ไหน ผิดกฎหมายอะไร ตรงไหนหรือเปล่า ก็ต้องไปดูและกลั่นกรองกันอีกที แล้วจึงไปสู่ขั้นตอนต่อไปว่าจะทำอย่างไรกันต่อ ถ้าไม่เริ่มตรงนี้ไปไม่ได้หรอก ก็อาจมีความจำเป็น ถ้าไม่จำเป็น ท่านคงไม่เสนอมา เดี๋ยวจะทางทำให้ แต่เดี๋ยวก็จะหาว่าไม่เป็นธรรมอีก อะไรก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น หาว่าไม่เป็นธรรมทุกเรื่อง"

    @ ลั่นยังไม่ให้ปชป.ประชุมพรรค 

        พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์เตรียมจะขอเปิดประชุมพรรคเป็นกรณีพิเศษ เพื่อพิจารณาโครงสร้างพรรคว่า "ก็ยังไม่ให้ไง ไม่ให้ประชุม" เมื่อถามย้ำว่า เขาขอประชุมเพื่อปรับโครงสร้างพรรคเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "อ๋อเหรอ แล้วที่ไอ้มาพูดปากเปล่าตามสื่อต่างๆ ผมยังไม่ได้เล่นงานเลยนะ"

         เมื่อถามเรื่องการตรวจสอบการใช้งบประมาณของกรุงเทพมหานครโครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง 5 ล้านดวง มูลค่า 39.5 ล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ให้คณะกรรมการด้านกฎหมายว่ากันไป

    @ 'บิ๊กป้อม'ห้ามแม่น้องเกดเคลื่อน

         พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด อาสาสมัครพยาบาลที่เสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 จะขอจัดกิจกรรมบอกกล่าววิญญาณลูกหลังจาก ป.ป.ช. มีมติตีตกคำร้องคดีการสลายการชุมนุมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่า หากเขามีความคิดเห็นเช่นนั้นจะให้ทำอย่างไร แต่ก็ต้องชี้แจง ส่วนตัวไม่อยากให้มีการเคลื่อนไหว ตอนนี้ไม่ต้องเคลื่อนไหว รอให้มีรัฐบาลชัดเจน เพราะขณะนี้รัฐบาลทำงานแก้ไขปัญหาต่างๆ อยู่ เป็นปัญหาจากอดีต ได้ ทำทุกเรื่องให้เกิดความยั่งยืน แก้ปัญหาปัจจุบัน และเตรียมปฏิรูปในอนาคต 20 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะจะปล่อยให้ประเทศเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเป้าหมายคงไม่ใช่แล้ว

    @ 'วิษณุ'แจงเด้งล็อต 3 เปิดทางสอบ

         นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 1/2559 ให้เจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 59 คน พ้นจากตำแหน่งชั่วคราวว่า ไม่ได้เป็นการทุจริต แต่เป็นการสั่งตามกฎหมายกำหนดคือทุจริตหรือประพฤติมิชอบ บางครั้งการประพฤติมิชอบอาจจะไม่ใช่การทุจริตก็ได้ แล้วถามว่าถ้าไม่ทุจริตแล้วไปลงโทษทำไม พักงานทำไม คำตอบคือบางรายเข้าข่ายว่าอาจจะทุจริตจึงต้องสอบสวน บางรายไม่มีเรื่องทุจริตเลยแต่เป็นเรื่องของการประพฤติมิชอบ

         เมื่อถามว่า มีนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นอยู่หลายราย นายวิษณุกล่าวว่า เป็นการนำออกมาจากตำแหน่งชั่วคราว ไม่ได้ปลด และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องทุจริต แต่เป็นเรื่องของประพฤติมิชอบมีปัญหาเกี่ยวกับการสอบคัดเลือกคนเข้าทำงานราชการและสอบคัดเลือกคนเข้ารับราชการ จึงให้ออกมาชั่วคราวเพื่อตรวจ ถ้าพบว่าไม่ผิดก็กลับไปไม่มีปัญหา ดังนั้นอย่าไปตีตราว่าเขาทุจริตทั้งหมด อย่างไรก็ตามบางรายก็เป็นเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ไม่อยากนำมาประจาน แต่เจ้าตัวต้องรู้ว่าโดนคดีอะไร เพื่อจะได้แก้คดีถูก

    @ สสส.ประโยชน์ทับซ้อนต้องพ้น

          นายวิษณุกล่าวว่า กรณีของกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 7 คน ไม่ได้พักงาน แต่ให้พ้นไปเลยเพราะเหตุว่าไม่ได้ทุจริต ไม่ได้โกงไม่ได้คอร์รัปชั่น แต่ว่าเข้าข่ายประพฤติมิชอบ เพราะมีผลประโยชน์บางอย่างทับซ้อน "คล้ายว่าเมื่อท่านดำรงตำแหน่งนี้ แต่บังเอิญไปทำอะไรบางอย่างให้คนเขาครหาว่าไม่ควร ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่เมื่อไม่ควรก็พ้นไป เพราะบางคนเป็นทั้งผู้ขอเงิน ขอทุน และยังเป็นผู้อนุมัติทุน อย่างนี้เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน เงินอาจจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่ในแง่ธรรมาภิบาลมีปัญหา" นายวิษณุกล่าว

    @ "บิ๊กป๊อก"เล็งสอบขรก.เพิ่ม

         พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึง อบต.จังหวัดมหาสารคาม ถูกตรวจสอบถึง 32 รายว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามได้ตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตการสอบบรรจุเข้าเป็นข้าราชการท้องถิ่น เมื่อปี 2556-2557 เป็นการทุจริตหลังประกาศผลสอบ มีการทำผลสอบขึ้นมาใหม่ เพื่อบรรจุคนเข้าไป ทำให้พบว่ามีคนเข้าข่ายทุจริตจำนวนมาก ตรวจสอบพบมีความผิด 

          2 ส่วนคือ ฝ่ายผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หรือนายก อบต. ต้องให้รองนายก อบต.ปฏิบัติหน้าที่แทน และฝ่ายข้าราชการท้องถิ่น ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนกระทรวงมหาดไทยจะตรวจสอบอีกหลายจังหวัดเข้าข่ายทุจริต 

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจังหวัดที่จะมีการตรวจสอบเพิ่ม ได้แก่ กาฬสินธุ์ พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี 

    @ "บิ๊กต๊อก"พร้อมให้ขรก.ชี้แจง

         พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 1/2559 ว่า คำสั่งดังกล่าว เป็นคำสั่งที่ 3 แล้ว พูดเสมอว่า หากใครสงสัยก็ขอให้เสนอคำร้องมายังตนหรือ ศอตช. ได้ เพราะยินดีให้ทุกคนที่มีรายชื่อเข้ามาชี้แจง และก็จะให้หน่วยงานทำหน้าที่ตรวจสอบได้ชี้แจงให้ทราบพร้อมหลักฐานอย่างชัดเจน เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา 

          ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี สสส. ออกมาระบุเกี่ยวกับการออกคำสั่ง มาตรา 44 ดังกล่าว เพราะมีเรื่องเกี่ยวกับบริษัทเหล้าและบุหรี่อยู่เบื้องหลัง พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เรื่อง สสส. ประเด็นสำคัญคือการใช้และอนุมัติงบประมาณไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หน่วยงานตรวจสอบได้ตรวจพบ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าทุกโครงการของ สสส. จะใช้จ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ 

    @ ให้สอบสสส.ปฏิบัติทุจริตหรือไม่

          ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สสส. ให้น้ำหนักว่าหลายโครงการประสบความสำเร็จ เช่น โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา หรือโครงการสวดมนต์ข้ามปี พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ศอตช.กำลังพูดถึงเรื่องโครงการหรือพูดถึงการปฏิบัติ โครงการของ สสส. เป็นโครงการที่ดี ไม่มีใครปฏิเสธ แต่หลายโครงการเป็นโครงการที่ดีแต่มีเรื่องการทุจริตจริงหรือไม่ นั่นคือการปฏิบัติต่างหาก อย่าเอาโครงการมาพูด เพราะตนไม่เคยระบุ และรัฐบาลชุดนี้ก็ไม่เคยระบุ 

          เมื่อถามถึงกรณีคำสั่งดังกล่าว สั่งพักงานข้าราชการทุจริตในส่วนของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า "เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมาได้ชี้แจงกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าเราจะลงไปดูที่ชุมชน เพราะทุกครั้งที่ประกาศคำสั่งดังกล่าว อปท.จะมีรายชื่อถึงร้อยละ 60 ผมได้บอก ศอตช.แล้วว่า ไม่ควรจะใช้ระบบการปราบปรามหรือลงโทษอย่างเดียว ต้องทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ควรปล่อยสถิติเหล่านี้อีก คดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา"

    @ ห่วงท้องถิ่นขาดความรู้ใช้งบ

         พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เชิญสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทยมาหารือกันถึงระบบการป้องกัน ต้องเข้าใจว่าการร้องเรียนทั้งประเทศมี 1 ใน 3 ไปลงท้องถิ่น เกิดอะไรขึ้น อยากคิดในแง่บวกว่าอาจจะเกิดจาก 1.คู่แข่งทางการเมืองท้องถิ่น 2.ที่อยู่กับใกล้ชิดกับประชาชน 3.กฎระเบียบข้อบังคับบางเรื่องไม่ชัดเจน และ 4.นายกฯส่วนท้องถิ่นบางคนไม่ได้เติบโตมาจากการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ เป็นเรื่องน่าห่วง เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ ตรงนี้อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งหรือไม่ ต้องการให้ ศอตช. ลงไปให้ความรู้และส่งเสริมความเข้าใจกับท้องถิ่น เพราะที่ผ่านมาการใช้จ่ายงบประมาณผิดพลาด ไม่เกิดประโยชน์ ต้องการจะพัฒนาท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์และพัฒนาองค์กรท้องถิ่นให้เข้มแข็ง ถ้า ศอตช.หรือรัฐบาลใช้ระบบการปราบปรามคนทุจริต คงไม่ถูกต้อง จึงต้องใช้ระบบป้องกันดีกว่าหรือไม่

    @ สตง.แนะสสส.พิจารณาตัวเอง 

         นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่ง คสช.ปลดบอร์ด สสส. 7 คน ว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกการตรวจสอบการใช้งบประมาณของทั้ง คตร.และ สตง. ดูจากรายชื่อกรรมการทั้ง 7 คน เป็นกรรมการมูลนิธิอะไรบ้าง มูลนิธิเหล่านั้นรับทุนจาก สสส.ไปแล้วเท่าใดบ้าง ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องผิด แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสมมากกว่า เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนและมีอำนาจในการพิจารณาอาจจะส่งผลถึงความเป็นธรรมสำหรับองค์กรอื่นๆ จะเข้ามารับงาน ถ้ายังปล่อยให้มีสภาพการบริหารอย่างนี้เท่ากับยอมรับสภาพกึ่งผูกขาด เรื่องนี้ตรวจสอบและพูดกันมาพอสมควร ความจริงคนที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาและประเมินตัวเองว่าสถานการณ์นี้ควรอยู่ต่อหรือไม่อย่างไร 

          

         นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตรองประธานบอร์ด สสส. กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเหตุผลในการเปลี่ยนบอร์ดครั้งนี้ แต่ทราบว่าก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะปลด สสส.ได้เข้าไปชี้แจงในประเด็นต่างๆ และแก้ไขในประเด็นที่ คตร.ชี้ให้แก้ไข จึงไม่ทราบว่าทำไมยังต้องปลดกรรมการ การเปลี่ยนบอร์ดนั้นจำเป็นต้องมีเหตุผลเพียงพอ เพราะบอร์ดมาจากกระบวนการสรรหา มีขั้นตอนกว่าคนจะเข้าใจการทำงานไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรเปลี่ยนบอร์ด อย่างไรก็ตาม ตนตั้งใจจะออกจากบอร์ด สสส.อยู่แล้ว เพราะมีคนค่อนแคะว่าอยู่หลายบอร์ด ทั้งที่ก็ตั้งใจเสียสละทำงาน

    นพ.วิชัยยังกล่าวว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่ามีกระบวนการล้มล้าง สสส.เพราะชนวนเหตุเกิดขึ้นตั้งแต่การร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ พ.ร.บ.ยาสูบ ทั้งที่โครงการ สสส.หลายอย่างที่ผ่านมาเกิดผลลัพธ์ที่ดี มีข้อมูลชัดเจน จึงมองว่ากองทุน สสส.อาจเข้าข่ายขัดผลประโยชน์กับบริษัทเหล่านี้ 

    @ "ปิยะสกล"ถกประธานตั้งกก.ใหม่

          นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานบอร์ด สสส. คนที่ 1 กล่าวว่า คตร.ตรวจสอบ สสส.มาตั้งแต่ก่อนจะเข้ารับตำแหน่ง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดที่มี นพ.เสรี ตู้จินดา ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ สธ.เป็นประธาน และได้ข้อสรุปต้องแก้ไขระเบียบข้อบังคับ สสส. 26 ฉบับ เน้นแก้ไขเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการ และผ่านความเห็นชอบของบอร์ด สสส.เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อจากนี้เรื่องการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใหม่นั้น คงต้องไปดูระเบียบและหารือกับประธานบอร์ด สสส.ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร

          นพ.เสรี ตู้จินดา กล่าวว่า บอร์ด สสส.จะประชุมและทำงานต่อได้หรือไม่ ต้องครบองค์ประชุมก่อน ต้องมาพิจารณาว่าจำนวนผู้ร่วมประชุมต้องมากกว่ากึ่งหนึ่ง 

    @ สนช.หนุนสสส.ต้องโปร่งใส

           นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานกรรมาธิการสาธารณสุข (กมธ.สธ.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า คำสั่งที่เกิดขึ้นเป็นผลต่อเนื่องจาก คตร.ตรวจสอบการใช้เงินของ สสส. คงพบประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของกรรมการรับทุนผ่านมูลนิธิต่างๆ ต้องแก้ไข ไม่ได้ต้องการจะล้ม สสส.ก็ยังต้องดำรงอยู่ แต่การทำงานจากนี้ต้องโปร่งใส และจะต้องมีความเป็นธรรมาภิบาลมากขึ้นในการอนุมัติงบประมาณ และตรวจสอบได้ โปร่งใส ไม่มีข้อกังขา เช่น กรณีสวดมนต์ข้ามปี เป็นต้น การทำงานจากนี้ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนแท้จริง และมีขอบเขตการทำงานแคบลงเพื่อให้การทำงานชัดเจน 

    @ เผยกก.ส่อผลประโยชน์ทับซ้อน

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการ สสส.ถูกพ้นออกจากตำแหน่งครั้งนี้ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีเพียง 2 คนเท่านั้นไม่อยู่ในคำสั่ง คสช.ฉบับนี้คือ นางทิชา ณ นคร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการศึกษา และนายชำนาญ พิเชษฐพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านกฎหมาย โดยปมปัญหาของ สสส.นั้นเริ่มมาจาก สตง.และ คตร.ทำรายงานประเมินการใช้จ่ายประจำปี 2557 ของ สสส.ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ระบุว่า การบริหารงานของ สสส.มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

         สตง.ระบุรายชื่อได้รับเงินอุดหนุนจากกองทุน สสส.ตั้งแต่ปี 2550-2557 ประกอบด้วย 1.นพ.วิชัย โชควิวัฒน กรรมการ สสส. รองประธานคนที่ 2 และเป็นกรรมการในมูลนิธิมิตรภาพบำบัด มูลนิธิแพทย์ชนบท มูลนิธิเด็ก มูลนิธิโกมลคีมทอง มูลนิธิ 14 ตุลา มูลนิธิสร้างสุขไทย 2.นายสงกรานต์ ภาคโชคดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านการสร้างเสริมสุขภาพ และเป็นกรรมการมูลนิธิวิถีสุข 3.นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านการพัฒนาชุมชน และยังเป็นกรรมการมูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ 4.นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการด้านการสื่อสารมวลชน และยังเป็นกรรมการมูลนิธิองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 5.นายสมพร ใช้บางยาง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านการกีฬา และยังเป็นกรรมการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ 6.รศ.ประภาภัทร นิยม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านศิลปวัฒนธรรม และยังเป็นกรรมการสถาบันอาศรมศิลป์ และ 7.นายวิเชียร พงศธร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านการบริหาร และยังเป็นกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย และมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม 

    @ "รมต.ศึกษาฯ"รับลูกคสช.

          พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงคำสั่ง คสช.ที่ 1/2559 มีผู้บริหารสถานศึกษาเกี่ยวข้องด้วยว่า ศธ.จะดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ให้ผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ 1 ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตำแหน่งเดิม และผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ 2 ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว และไปปฏิบัติราชการประจำหน่วยงานตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย ส่วนคำสั่งให้หน่วยงานต้นสังกัดเร่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัยนั้น ต้นสังกัดของแต่ละคนจะเป็นผู้ดำเนินการแล้วรายงานมาให้ตนทราบ 

         "ในขั้นต้น ศธ.จะปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้า คสช.ไปก่อน เพราะเขาไม่ได้ไล่ออก เพียงแค่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่กรณีนายสุเมธ แย้มนุ่น รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นข้าราชการบำนาญไปแล้ว เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนความผิดแต่ละคนทำนั้น ไม่ทราบรายละเอียด แต่เขาน่าจะพอรู้กันอยู่ อย่างกรณีนายอร่าม ศิริพันธุ์ หัวหน้าภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเรื่องเกี่ยวพันกับองค์กรปกครองท้องถิ่น ไม่ใช่เรื่องของการศึกษาโดยตรง" พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าว

    @ อธิการฯจุฬาฯเผยตั้งกก.สอบแล้ว

         นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กรณีนายอร่าม ศิริพันธุ์ หัวหน้าภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ถูกคำสั่ง คสช.ให้ระงับการปฏิบัติราชการชั่วคราวนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวไปรับดำเนินการให้บริการวิชาการ ดำเนินการจัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้าเป็นพนักงานของ อบต.ในจังหวัดมหาสารคาม 12 แห่ง ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของจุฬาฯ เพราะเมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ทางจังหวัดมหาสารคามได้สอบถามเรื่องนี้และมหาวิทยาลัยก็ให้ความร่วมมือกับผู้ว่าฯมหาสารคามในการตรวจสอบมาโดยตลอด จนกระทั่งผลการตรวจสอบของจังหวัดมหาสารคามออกมาเป็นรูปเป็นร่างและแจ้งมายังจุฬาฯ อย่างเป็นทางการเมื่อสิงหาคม 2558 ทางจุฬาฯ จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2558 ขณะนี้ผลการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ

          ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยหลักการอาจารย์จุฬาฯ สามารถรับดำเนินการจัดสอบแข่งขันดังกล่าวได้หรือไม่ นพ.ภิรมย์กล่าวว่า โดยหลักการอาจารย์สามารถรับดำเนินการจัดสอบแข่งขันได้ อาทิ การดำเนินการออกข้อสอบ ตรวจข้อสอบ เป็นต้น แต่เรื่องนี้ไปเกี่ยวพันกับ อบต. ยังไม่สะดวกจะให้รายละเอียด ให้รอฟังผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง คาดว่าจะทราบผลภายใน 2 สัปดาห์นี้ นับแต่วันที่ 6 มกราคม นายอร่ามถูกพักการปฏิบัติราชการ และคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ จะมารักษาการหัวหน้าภาควิชาแทน 

    @ ผู้บริหารม.วลัยลักษณ์หลุดยกชุด

         ที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช นายสุเมธ แย้มนุ่น กรรมการสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เดินทางมารอขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลัง คสช.มีคำสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่และสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบเพิ่มเติม โดยมีเจ้าหน้าที่และคณาจารย์ต่างเดินทางมาส่ง พร้อมมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่

          นายสุเมธกล่าวว่า นับจากนี้ทางสภามหาวิทยาลัยต้องตั้งรักษาการอธิการคนใหม่ขึ้นมา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อตามมติสภาเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2558 หลายสิ่งที่เป็นห่วงในเรื่องโครงการต่างๆ ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ส่วนกระบวนการสรรหาอธิการบดี มีการสรรหาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว แต่ยังไม่ได้ สภาต้องตั้งรักษาการอธิการบดีใหม่ การพ้นจากตำแหน่งของตน ทำให้รองอธิการฯ ผช.อธิการ พ้นจากตำแหน่งทุกคน และรักษาการอธิการคนใหม่ต้องเสนอแต่งตั้งรองอธิการ ผู้ช่วยอธิการใหม่เช่นกัน

    @ ครูกาฬสินธุ์ยันไม่เคยทุจริต

         นายบรรจง วันทา ผู้อำนวยการโรงเรียนแก่งนาจารย์พิทยาคม จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะผู้บังคับบัญชานายสมคิด มะธิปะโน ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนแก่งนาจารย์พิทยาคม ถูกระงับการปฏิบัติราชการชั่วคราว กล่าวว่า ให้นายสมคิดไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 24 (กาฬสินธุ์) ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม เป็นการชั่วคราว เท่าที่ทราบนายสมคิดถูกกล่าวหากรณีมีผู้ร้องเรียนว่านายสมคิดรับคนเข้ารับราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นเรื่องที่เกิดมา 2-3 ปีแล้ว ก่อนตนจะเข้ามาเป็นผู้อำนวยการ ได้พูดคุยกับนายสมคิด และขอให้ศึกษารายละเอียดในคำสั่ง เพื่อหาแนวทางว่าควรจะต้องทางดำเนินการอย่างไรต่อไป 

          ด้านนายสมคิด ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแก่งนาจารย์พิทยาคม กล่าวว่า ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงถูกระงับการปฏิบัติราชการ เพราะไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายหรือทุจริต และไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบสวน แต่ยอมรับว่าเคยถูกเจ้าหน้าที่สอบถามเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตการสอบเข้ารับราชการในสังกัด อปท. แต่ก็ไม่ใช่กรณีถูกร้องเรียน คงต้องดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้า คสช. แต่ยืนยันว่าตนบริสุทธิ์ เป็นเพียงครูธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เคยทำเรื่องทุจริต

    @ ผู้ว่าฯสารคามชี้เหตุเด้งอปท.

         นายโชคชัย เดชอมรธัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวถึงคำสั่งระงับการปฏิบัติราชการผู้บริหาร อปท.พื้นที่ จ.มหาสารคาม ถึง 32 รายว่า สันนิษฐานว่ามาจากพบการทุจริตการสอบแข่งขันบรรจุเข้าเป็นพนักงานของ อบต.จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดจะตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ได้รับค่าตอบแทน จังหวัดมหาสารคามส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. ในสมัยของนายชยาวุธ จันทร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 ขณะนี้อยู่ระหว่าง ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินการ

          รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุของการสั่งระงับการปฏิบัติราชการของนายก อบต.ทั้ง 32 อบต. คาดว่ามาจากเรื่องการทุจริตการสอบแข่งขันบรรจุแต่งตั้งพนักงานส่วนตำบลของจังหวัดมหาสารคาม คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงพบหลักฐานการทุจริตในสนามสอบ 2 แห่งมีการสอบบรรจุของ อบต. 31 แห่ง โดยมีการร้องเรียนการทุจริตการสอบแข่งขันของ อบต. 12 แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานกลางในการจัดสอบแข่งขัน และ 19 แห่ง มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์เป็นหน่วยงานกลางจัดสอบแข่งขัน คาดว่ามีการเรียกรับค่าตอบแทนรายละหลายแสนบาท วงเงินรวมไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท

    @ นายกอบต.รับคำสั่งคสช.

         นายสัมพันธ์ เนื่องโคตะ นายก อบต.ปะหลาน อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม กล่าวว่า รับทราบคำสั่ง คสช.แล้ว แต่รอดูเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรจากจังหวัดก่อน ขณะนี้ อบต.เตรียมงานจัดงานวันเด็ก ไม่ทราบว่าจะได้จัดหรือไม่ 

         นายทองใบ บาระพรม นายก อบต.ลาดพัฒนา อ.เมือง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า คำสั่ง คสช.ให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ จะไม่ส่งผลกระทบกับการให้บริการของประชาชน เพราะมีรองนายก อบต.ปฏิบัติราชการแทนได้ พร้อมปฏิบัติตามคำสั่ง 

        นายเนตร สังข์เมือง นายก อบต.ดินทอง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า รับทราบคำสั่งของ คสช.แล้ว ปมปัญหาเกิดในช่วงก่อนหมดวาระและมีการเลือกตั้งใหม่ ปี 2555 เรื่องเล็กน้อย ไม่มีเจตนาทุจริต ตนในฐานะประธาน สปสช.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติประจำตำบลดินทอง นำผู้สูงอายุไปไหว้พระ 9 วัด ที่ จ.เชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน ผู้สูงอายุพาลูกหลานไปด้วย แต่ลูกหลานไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ ปลัด อบต.เป็นคนดูแลร่วมกับคณะกรรมการได้จัดการอบรมและเลี้ยงอาหารกลางวันแบบจำกัดเพื่อยืมและโยกงบประมาณ 24,000 บาท ไปดูแลกลุ่มลูกหลานผู้สูงอายุที่ติดตามเดินทางไปดูงาน ตนจึงลงนามอนุมัติโครงการไป ไม่มีเจตนาทุจริตแต่อย่างใด แต่เป็นประเด็นคู่แข่งทางการเมืองนำไปร้องเรียน 

    @ กรธ.เคาะแนวปฏิรูปศธ.-ตร.

         ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม วาระพิจารณาผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการปฏิรูปการศึกษา และการบังคับใช้กฎหมาย นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ. แถลงว่า ที่ประชุม กรธ.ได้พิจารณาข้อเสนอของคณะอนุกรรมการฯมีสาระสำคัญ คือ เห็นควรกำหนดหลักการสำคัญในการปฏิรูปการศึกษาไว้ในรัฐธรรมนูญ การศึกษาต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย มีความภูมิใจในชาติ ควรกำหนดให้มีแผนการศึกษาชาติ รวมทั้งจัดการศึกษาภาคบังคับโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และกำหนดมาตรการจัดสรรงบประมาณอย่างเป็นธรรม เพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้แก่ผู้ยากไร้ ผู้พิการ ทุพพลภาพ หรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากให้ได้รับสิทธิการศึกษาทัดเทียมกับผู้อื่น ส่วนการปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ เนื่องจากที่ผ่านมาข้าราชการตำรวจถูกแทรกแซงจากอำนาจภายนอกมากทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายบุคคล จึงเห็นควรให้กำหนดหลักการสำคัญไว้ในรัฐธรรมนูญ กำหนดให้การบริหารงานบุคคลของตำรวจเป็นไปตามความรู้ ความสามารถหรือตามหลักอาวุโส และปรับปรุงภารกิจเพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มกำลังความสามารถ รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนให้เป็นไปด้วยความชอบธรรม ตรงไปตรงมา ทั้งสองประเด็น กรธ.เห็นควรให้กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลและหากไม่ปฏิบัติการต้องมีมาตรการกดดันตามลำดับต่อไป

    @ เข้มขรก.โกงถูกยึดทรัพย์ด้วย

          โฆษก กรธ.กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาแนวทางการปฏิรูประบบราชการ กรธ.ได้เชิญผู้บริหารจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) และคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) มาให้ความเห็นเกี่ยวกับระบบงานโดยเฉพาะประสิทธิภาพในระบบราชการ กรธ.เห็นว่าอาจมีแนวทางต้องปฏิรูปเพื่อให้ระบบราชการเกิดประสิทธิภาพ เบื้องต้นจากการรับฟัง กรธ.ได้เห็นแนวทางของมาตรฐานทางจริยธรรมของข้าราชการแต่ละฝ่าย อาจกำหนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจดูแลวางมาตรฐานทางจริยธรรมข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐต่อไป นอกจากนี้ที่ประชุมได้เสนอว่าประเด็นเกี่ยวข้องกับการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการ นอกจากจะมีความผิดทางวินัยและคดีอาญาแล้ว อาจจะต้องถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายรวมทั้งถูกยึดทรัพย์ด้วย

    @ วิปสปท.ชงแผนปฏิรูปเป็นรูปธรรม 

          นายคำนูณ สิทธิสมาน พร้อมด้วยนายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ โฆษกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (วิป สปท.) ถึงแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศในปี 2559 ว่า หลังจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สปท.ทั้ง 12 คณะ เสนอรายงานแผนการปฏิรูปแล้ว ก็จะให้คณะกรรมาธิการแต่ละคณะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมเสนอเรื่องพร้อมปฏิรูป หรือร่างพระราชบัญญัติต่างๆ เข้าสู่ที่ประชุมวิป สปท.บรรจุเป็นระเบียบวาระเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อขอมติเห็นชอบว่าควรส่งเรื่องต่อไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไปหรือไม่ หาก สปท.มีมติให้ส่งไปยัง ครม.จะประสานผ่านไปยังคณะกรรมการประสานงานรวม 3 ฝ่าย (วิป 3 ฝ่าย) เพื่อช่วยประสานกับหน่วยราชการต่างๆ แต่หากวิป 3 ฝ่าย ยังมีความเห็นต่างจากหน่วยราชการ ก็สามารถมีข้อสังเกตกลับมายังวิป สปท. เพื่อส่งให้คณะกรรมาธิการเจ้าของเรื่องนำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้ง แล้วจึงจะเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม สปท.พิจารณาอีกครั้ง หากวิป 3 ฝ่ายเห็นด้วยกับการเสนอเป็นร่างพระราชบัญญัติของคณะกรรมาธิการต่างๆ ก็นำเรื่องดังกล่าวส่งไปยัง สนช.พิจารณา ส่วนเรื่องของการบริหารก็ให้ส่งไปยัง ครม.เพื่อขอมติเห็นชอบ ก่อนจะส่งไปยังคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินทั้ง 6 คณะ แต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการต่อไป 

    @ "วิษณุ"แย้มปรองดองไม่เป็นกม. 

         นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอรัฐบาลใช้มาตรา 44 ตั้งคณะกรรมการปรองดองว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวและยังไม่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการใดๆ จึงยังไม่ได้เตรียมการใดๆ ทั้งสิ้น หากนายกฯมอบหมายก็จะไปคิดวิธีการแนวทางตามกรอบและหารือกับนายมีชัย เวลานี้มีเรื่องที่ต้องหารือกันแต่เป็นเรื่องอื่น การปรองดองไม่สามารถจะเปิดเผยได้ว่าต้องทำอย่างไร เพราะวันนี

    apm

     

     

    Facebook

    5 ข่าวฮอตนิวส์!