WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 06 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 21:51 น. ข่าวสดออนไลน์


ย้ำคดี-เผาเซ็นทรัลเวิลด์ ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้อง 2 เสื้อแดงร่ำไห้พ้นมลทิน ยุติคำ'เผาบ้านเผาเมือง'

คอลัมน์ แฟ้มคดี
       แม้การพิจารณาคดี 99 ศพ จากเหตุการณ์กระชับพื้นที่การชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี พ.ศ.2553 จะต้องหยุดชะงักลง หลังจากที่ศาลอาญา ชี้ว่าเป็นความผิดต่ออำนาจหน้าที่ และเป็นอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่จะพิจารณา ก่อนส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาต่อไป

      ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้อยู่ที่พนักงานอัยการและญาติผู้เสีย ชีวิต สามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ได้ และคงต้องรอการพิจารณาจากศาลอุทธรณ์อีกครั้ง ถึงจะเห็นช่องทางของคดีที่ชัด เจนขึ้น

      แต่คดีที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ 99 ศพ ก็เริ่มลุล่วงคลี่คลายมาตามลำดับ 

      อย่างคดีเผาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ล่าสุดศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องซ้ำศาลชั้นต้น โดยให้เหตุผลว่าพยานหลักฐาน ไม่เพียงพอ

      ส่งผลให้ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกฟ้องในคดีเผาห้างหลุดพ้นมลทิน 

      ตอกย้ำให้ยุติวาทกรรม "เผาบ้านเผาเมือง" ที่ใช้โจมตีกันเพื่อหวังผลทางการเมืองเสียที 

      อุทธรณ์ยกฟ้องเสื้อแดงเผาห้าง

      4 ก.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 405 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องคดีวางเพลิงเผาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสายชล แพบัว อายุ 32 ปี และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 30 ปี ผู้ชุมนุมนปช. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือน 

       โดยพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสอง เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำฟ้องที่กล่าวหาจำเลยที่ 1 พยานโจทก์ต้องมีพยานเบิกความสนับสนุนว่า จำเลยที่ 1 เป็นคนกลุ่มเดียวกับกลุ่มคนที่เข้ามาวางเพลิง และมีพฤติการณ์ต่อเนื่องไปจนถึงการปาระเบิด

      ขณะที่อากัปกิริยาของจำเลยที่ 1 ที่ว่ากระทำการวางเพลิงเผาทรัพย์นั้น โจทก์ไม่มีพยานมายืนยันสนับสนุน แต่เห็นว่าเป็นการวางเพลิงและพยายามเชื่อมโยงกับกลุ่มที่มีอาวุธปืน เนื่องจากถังดับเพลิง ที่จำเลยที่ 1 ถือ ไม่ได้นำไปใช้ก่อเหตุวางเพลิง 

      อีกทั้งพยานโจทก์ ทุกปากไม่ยืนยันว่าเห็นจำเลยที่ 1 อยู่ในขณะเกิดเหตุวางเพลิง พยานทั้งหมดของโจทก์ จึงมีน้ำหนักน้อยมาก

      ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้วางเพลิงแล้ว การสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันวางเพลิง จึงไม่อาจรับฟังได้ พิพากษายกฟ้อง 

      หลังรับฟังคำพิพากษา สร้างความตื้นตันให้กับจำเลย ขนาดที่นายสายชลต้องร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ในขณะที่นายพินิจระบุว่าดีใจมากและขอขอบคุณศาลยุติธรรมที่เมตตาให้ความยุติธรรม 

      ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เผยว่า จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าอัยการจะยื่นฎีกาหรือไม่ แต่โดยหลักแล้วคดีที่ยกฟ้อง 2 ศาล ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง รวมทั้งข้อกฎหมายก็ห้ามเช่นกัน 

     มีทางเดียวที่จะยื่นฎีกาได้ คือต้องขอให้ผู้พิพากษาที่มีความเห็นแย้งในคดีรับรองให้ฎีกา 

ย้อนคำพิพากษาศาลชั้นต้น 

      สำหรับ คดีนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสายชล และนายพินิจ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนที่เก็บสินค้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

      โดยบรรยายพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 จำเลยทั้ง 2 กับพวกร่วมกันชุมนุมและมั่วสุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ในช่วงเวลาที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และเข้าไปในอาคารห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ทำลายบานกระจก ผนังอาคารบานกระจกประตู อาคารเซ็นทาวเวอร์ อาคารเซ็นทรัลเวิลด์

     ก่อนร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ ด้วยการใช้เครื่องดื่มชูกำลังบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงจุดไฟแล้วโยนเข้าไปในชั้น 1 ของห้าง จนทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ลุกลามเผาอาคารเซ็นทาวเวอร์ และเผาทรัพย์สินต่างๆ ของผู้เสียหาย 270 ราย รวมค่าเสียหาย 8,890,578,649.61 บาท และเป็นเหตุให้นายกิติพงษ์ หรือ กิตติพงษ์ สมสุข ที่อยู่ภายในอาคารถึงแก่ความตาย

      หลังไต่สวนสืบพยาน ศาลอาญานัด อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2553 ว่า พิเคราะห์พยานหลักฐานมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าโจทก์มีรปภ.เป็นประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ และถ่ายภาพจำเลยที่ 1 ขณะถือ ถังดับเพลิง เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 พ.ค. เบิกความเห็นจำเลยกับกลุ่มคนร้าย 5-6 คนใช้ไม้ทุบกระจกเข้ามาภายในห้าง จึงหลบไปอยู่ชั้น 3 และถ่ายภาพจำเลยไว้

      ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เบิกความว่าหลังตำรวจสน.ชนะสงคราม ส่งตัวจำเลยมาให้รปภ.ชี้ตัวได้ถูกต้องถึง 2 ครั้ง ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จำเลยที่ 1 รับว่าอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่ใช่ผู้กระทำผิด ส่วนพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เบิกความจำเลยที่ 1 ให้การใหม่ว่าขณะเกิดเหตุขายซีดีอยู่ที่ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ อ่านและเขียนหนังสือไม่ได้ เขียนได้เฉพาะชื่อตนเอง

       "ศาลเห็นว่า แม้โจทก์มีพยานเป็นรปภ. ซึ่งเป็นผู้ถ่ายภาพจำเลยที่ 1 ได้ในที่เกิดเหตุ แต่ก็อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 30 เมตร และเห็นเพียงว่าจำเลยที่ 1 ถือถังดับเพลิง ไม่ใช่อุปกรณ์ใช้วางเพลิง แม้จะอนุมานไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 จะเข้าไปช่วยดับเพลิงหรือไม่ ประกอบกับพยานโจทก์ไม่สามารถตอบคำถามทนายจำเลยได้ว่าเห็นจำเลยที่ 1 เป็นผู้วางเพลิงหรือไม่ และยังไม่มีพยานชี้ชัดถึงพฤติการณ์ในการวางเพลิง หรือสนับสนุนการวางเพลิง พยานโจทก์จึงยังมีเหตุสงสัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายที่ร่วมทำผิดในคดีนี้หรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย"

      ส่วนจำเลยที่ 2 โจทก์มีพนักงานห้างเบิกความว่า ขณะเกิดเหตุเห็นคนร้าย 40-50 คน มีชาย 4-5 คนเดินนำหน้าใช้หนังสติ๊กยิงใส่เป็นระยะ และเห็นชายชุดดำลายพรางสวมหมวกปีกใช้ระเบิดโยนใส่มีคนเจ็บ 9 คน ต่อมาตำรวจจับกุมคนร้ายภายในห้างได้ 9 คน มีจำเลยที่ 2 รวมอยู่ด้วย

       พยานโจทก์กลุ่มนี้สามารถจดจำรูปพรรณสัณฐานจำเลยที่ 2 ได้ตรงกันหมด ยกเว้น สีเสื้อไม่ตรงกับภาพที่ปรากฏ ระหว่างนั้นพยานต้องคอยหลบลูกหินที่ถูกยิงเข้าใส่ อีกทั้งอยู่ห่างไปกว่า 30 เมตรนั้น น่าสงสัยว่าจะจำคนร้ายได้จริงหรือไม่ และโจทก์ยังไม่นำเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมจำเลยที่ 2 มาเบิกความ

     จึงมีเหตุสงสัยว่าจำเลยที่ 2 จะกระทำผิดตามฟ้องจริงหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย 

       พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 2 ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนที่เก็บสินค้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

จบทุกคดี-ปิดวาทะเผาบ้านเผาเมือง

     ก่อนหน้านี้ในคดีที่เกี่ยวกับเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง พิพากษายกฟ้อง 2 เยาวชนที่ตกเป็นจำเลยในคดีเดียวกัน เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2555

      โดยระบุว่า นายเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี และนายบี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นเยาวชน เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันวางเพลิง เผาทรัพย์โรงเรือน อันเป็นสถานที่เก็บสินค้าของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามคำฟ้องระบุว่า ทั้ง 2 ร่วมกับนายสายชล และนายพินิจ ร่วมกันเผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ 

        โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิด จึงพิพากษายกฟ้อง

       นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความ กล่าวว่า ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานของอัยการโจทก์ที่ปรากฏยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลย ร่วมกระทำผิด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิง กทม. และเจ้าหน้าที่ รปภ. ซึ่งเป็นประจักษ์พยานไม่มีใครยืนยันได้ว่าเห็นจำเลยทั้งสองเป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อถึงตรวจค้นก็ไม่พบของกลางในตัวของจำเลยที่จะเป็นอุปกรณ์วางเพลิงได้

      ประกอบกับภาพกล้องวงจรปิดก็ไม่พบว่า จำเลยอยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่จำเลยทั้งสองยังยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่ได้ร่วมกระทำความผิด เพียงแต่วันเกิดเหตุหลังการสลายการชุมนุมด้วยความกลัวได้เข้าไปหลบในห้างที่เกิดเหตุแล้วจึงถูกจับกุมตัว

       อีกคดีที่เกี่ยวพันกัน คำพิพากษาศาลแพ่งกรณีกองทุนรวมธุรกิจไทยสี่ โจทก์ที่ 1, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ 2, บริษัท เซ็นทรัลเวิลด์ จำกัด ที่ 3 และบริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ จำกัด ที่ 4 ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัทเทเวศ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยในความผิดสัญญาประกันวินาศภัย จากกรณีเหตุไฟไหม้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วไม่ได้ค่าชดเชยเพราะจำเลยอ้างว่าเป็นการก่อการร้ายซึ่งกรมธรรม์ไม่ครอบคลุม

       ศาลแพ่งมีคำพิพากษาว่า ทางนำสืบของจำเลยไม่ปรากฏชัดว่าเป็นการกระทำของผู้เข้าร่วมชุมนุมคนใด หรือสั่งการจากแกนนำ ที่สำคัญขณะที่เผาห้างเซนแกนนำก็ประกาศยุติการชุมนุมแล้ว 

        คนร้ายที่เผาห้างสรรพสินค้าเซนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็มิได้ต้องการให้ข่มขู่รัฐบาลยุบสภาหรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากนายกรัฐมนตรี จึงไม่ใช่เป็นการกระทำที่หวังผลการทางเมือง เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นฟังไม่ได้ว่าเป็นการก่อการร้าย

       พิพากษาให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงทุกชนิดให้แก่โจทก์ทั้งสี่ หรือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นเงิน 2,719,734,975.29 บาท และให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักให้แก่โจทก์ที่ 1 และ 3 เป็นจำนวนเงิน 989,848,850.01 บาทและให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของค่าเสียหายทั้งสอง แก่โจทก์ทั้งสี่และหรือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กับโจทก์ที่ 1 และ 3 ตามลำดับ นับแต่วันที่ 31 มี.ค. 2554 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยชำระค่าธรรมเนียมต่อศาลในนามโจทก์กำหนดค่าทนายความให้ 60,000 บาท

        จบทุกคดีเผาห้าง ยุติวาทกรรมเผาบ้านเผาเมือง .......

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!