WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

“ยืนเหนือ 1570 ยังคงเลือกซื้อ/ถือต่อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
       ภาพตลาดวันก่อน : ปิดทรงตัว SET Index ปิดทรงตัวที่ 1584.77 จุด โดยยังคงมีการเลือกซื้อหุ้นกระจายไปในกลุ่มต่างๆ ทั้งหุ้นขนาดใหญ่และเล็กปัจจัยหนุน คือ ความหวังในทางบวกกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและ Fund Flow ที่จะไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ แม้ว่า Valuation ของตลาดจะเข้าสู่โซนสูงแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ นักลงทุนเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นลงทุนรอบสั้นมากขึ้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1.4 พันล้านบาทพอร์ตบล.ซื้อสุทธิเล็กน้อย สถาบันในประเทศขายสุทธิเล็กน้อย ส่วนรายย่อยขายสุทธิ 1.3 พันล้านบาท

      ปัจจัยและกลยุทธ์ : การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวกับการส่งออก (หุ้นเด่นในช่วงนี้ คือ KCE,SVI, GFPT, TUF) และในวันนี้บอร์ด BOI จะประชุมพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติม คาดว่าจะมีมูลค่าราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งการลงทุนที่มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นเป็นข่าวดีกับกลุ่มนิคมฯ, ยานยนต์ (เพราะคาดว่าจะมีโครงการอีโคคาร์ได้รับอนุมัติฯรอบนี้ด้วย), รับเหมา & วัสดุก่อสร้าง รวมถึงธนาคารพาณิชย์ด้วย (หุ้นเด่นเป็น CK, BBL, ROJNA หุ้น Laggard คือ SCCC หุ้นเก็งกำไรเป็น ITD) สำหรับปัจจัยที่ติดตาม คือ การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในสัปดาห์นี้, ผลตัดสินของศาลฯที่เกี่ยวกับ JAS ว่าศาลจะให้คุ้มครองชั่วคราวทรัพย์สิน TTTBB หรือไม่, รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ (ยอดค้าปลีก ความเชื่อมั่นผู้บริโภค) ส่วนปัจจัยกระตุ้นหลัก คือ Fund Flow ที่ยังคงเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น ROJNA

     กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือการอ่อนตัวที่ต่ำกว่า 1570 จุด ควรชะลอการเก็งกำไร/ลดพอร์ตตามในกรณีที่มีหุ้นมากเหลือเงินสดอยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1550, 1520 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1590-1600 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่าราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค คือ THREL, SITHAI, GLOW, TMB, CITY, EGCO, IVL, TWZ, AIT,FANCY, ROJNA, RML, AQ, MDX, EE (สีน้ำเงิน คือ หุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit(สำหรับการลงทุนรอบสั้น) คือ SRICHA, EVER, AH, SAT

Fundamental Pick
ROJNA แนะนำซื้อราคาปิด 8.35 บาท เป้าหมาย 9.21 บาท
     * จากการจัดทำประมาณการ 3Q57 ในกรณีบริษัทสามารถรับโอนที่ดินทั้งหมดจาก Honda1,600 ไร่ ที่นิคมฯปราจีนบุรี ในงวด 3Q57 คาดว่ากำไรหลักจะออกมาดีมากเป็น 583 ล้านบาทเทียบกับ y-o-y และ q-o-q ที่เป็นขาดทุน 120 ล้านบาท และ กำไร 49 ล้านบาท ตามลำดับ และถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ อีกทั้งยังจะโดดเด่นที่สุดในหลักทรัพย์หมวดนิคมอุตสาหกรรม เพราะบริษัทอื่นๆส่วนใหญ่ เหลือยอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะมาเป็นรายได้ 3Q57 น้อย สำหรับสมมุติฐานคือ 1) รายได้จากการขายนิคมเป็น 2.7 พันล้านบาท และ2) อัตรากำไรขั้นต้นเป็น30%
      * รายได้จากการขายนิคมของ HONDA เราให้ราคาขายเฉลี่ยเป็นเพียง 1.7 ล้านบาท ต่อไร่ จากปัจจุบันราคาขายนิคมที่ปราจีนบุรีเฉลี่ยมากกว่า 2 ล้านบาทต่อไร่ เนื่องจากเป็นการขายที่ดินผืนใหญ่ (ให้ส่วนลด) ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นให้น้อยเป็น 30% จากปกติที่ทำได้ 40-60% เพราะเป็นไปตามต้นทุนทิ่ดินที่จัดหามาและช่วงเรกมีการลงต้นทุนคงที่มากโดยเฉพาะสาธารณูปโภคสำหรับนิคมฯใหม่อย่างปราจีนบุรี แต่ในระยะต่อไปอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงขึ้น
      * ส่วนการใช้กำลังการผลิตไฟฟ้าของโรงงานที่อยุธยาก็อยู่ในระดับที่ดีเฉลี่ยเป็น 79-88% จากทั้งหมด 430 MW แล้วแต่เป็นช่วง Peak หรือ Off Peak สืบเนื่องจากลูกค้าในนิคมฯที่อยุธยาทยอยฟื้นตัวดีขึ้นและใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ด้านธุรกิจโซลาฟาร์ม 3 แห่งที่ กำลังการผลิตรวม 24 MWปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเต็ม 100% และจำหน่ายได้ทั้งหมด สามารถเพิ่มรายได้ในส่วนนี้อีกประมาณปีละมากกว่า 300 ล้านบาท
* แนะนำซื้อ ปัจจัยที่เป็น Catalyst ในระยะสั้น คือ แนวโน้มกำไร 3Q57 ที่จะออกมาดีมากนอกจากนี้ยังมีโอกาสที่ลูกค้านิคมปราจีนรายอื่นๆ อีกประมาณ 400 ไร่ขึ้นไปจะมีการโอนและมาเป็นรายได้ในปีนี้ กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 9.21 บาท ด้วยวิธี SOTP

ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
• UNCTAD คาดเศรษฐกิจโลกเติบโตดีขึ้นเป็น 2.5-3.0% ในปีนี้
      * การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.5-3.0% ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มเล็กน้อยจากปี 55-56 ที่ 2.3% โดยระบุว่ามีการฟื้นตัวเล็กน้อยในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหภาพยุโรป ที่ช่วยหนุนการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ทั้งนี้ UNCTAD คาดว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่จะขยายตัวที่อัตรา4.5-5.0% ในปี 57

+ จีน : ส่งออกเดือนส.ค.เติบโต 9.4%YoY
      * GAC รายงานยอดการนำเข้าของจีนในเดือนส.ค.หดตัวลง 2.4%YoY สู่ระดับ 1.586 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดส่งออกขยายตัว 9.4%YoY เป็น 2.085 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนส.ค.แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.98 หมื่นล้านดอลลาร์

• ตลาดหุ้นสหรัฐ : แกว่งในกรอบแคบ
        * ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,111.42 จุด ลดลง 25.94 จุด หรือ -0.15% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,592.29 จุด เพิ่มขึ้น 9.39 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,001.54จุด ลดลง 6.17 จุด หรือ -0.31% ตลาดผันผวนในวันจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น รวมทั้งรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ รวมถึงการขายหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป ซึ่งได้เริ่มโรดโชว์ที่นิวยอร์กวันจันทร์ที่ 8 ก.ย. (ราคา IPO 60-66 ดอลลาร์ต่อหุ้น) ซึ่งการเสนอขายหุ้น IPOของอาลีบาบาถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การทำ IPO ของสหรัฐ โดยมีการเสนอขายหุ้นจำนวนทั้งสิ้น 320 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าการทำ IPO ที่ราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าการทำ IPO ของวีซ่าในปี 2551 และของเฟซบุ้คในปี 2555

- สัญญาน้ำมันดิบ : อ่อนตัวลง
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 63 เซนต์ ปิดที่ 92.66 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 62 เซนต์ ปิดที่100.2 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และจับตาสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่จะรายงานออกมาในวันพุธนี้

- สัญญาทองคำ COMEX : ร่วงลงราว 1%
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 13 ดอลลาร์หรือ 1.03% ปิดที่ 1,254.3 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของเงิน US$ และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์ในยูเครนเริ่มคลี่คลาย หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียและประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน ได้หารือถึงแนวทางต่างๆ ที่จะทำให้ข้อตกลงหยุดยิงในภาคตะวันออกของยูเครนครั้งล่าสุดเป็นไปอย่างยั่งยืน

ปัจจัยในประเทศ
•/- กระทรวงพาณิชย์ดึงอาหารสัตว์เป็นสินค้าอ่อนไหวพิเศษ (เดิมเป็นสินค้าที่ติดตามใกล้ชิด)...เป็นเพียงปัจจัยจิตวิทยาทางลบ... ยังคงชอบ CPF และ GFPT
* แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการที่ราคาอาหารสัตว์ที่มีการเคลื่อนไหวสูงขึ้น ทำให้มีการปรับอาหารสัตว์จากกลุ่มสินค้าที่ติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (Priority Watch List : PWL) ในเดือนส.ค.57 มาอยู่ในกลุ่มสินค้าที่มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษและติดตามราคาและภาวะเป็นประจำทุกวัน (Sensitive List : SL) ในเดือนก.ย.57 ซึ่งหากพบว่าอาหารสัตว์มีการเคลื่อนไหวผิดปกติเกินจริงก็จะใช้มาตรการตามกฎหมายต่อไป
* ความเห็น DBS Retail Research : คาดว่าจะเป็นเพียงปัจจัยจิตวิทยาทางลบกับหุ้นในกลุ่มธุรกิจเกษตรที่มีธุรกิจอาหารสัตว์ เช่น CPF, GFPT, LEE เป็นต้น แต่กระทบผลดำเนินงานจำกัดโดยคาดว่าผลประกอบการของบริษัทที่เราทำการวิเคราะห์ คือ CPF และ GFPT ยังจะเป็นไปตามที่ประมาณการไว้ได้ (และอาจมี Positive Upside จากการส่งออกไก่ไปญี่ปุ่นได้มากกว่าคาดด้วย) เรายังคงชอบหุ้น CPF (ราคาพื้นฐาน 33 บาท) และ GFPT (ราคาพื้นฐาน 19.10 บาท– อยู่ระหว่างปรับปรุง)

+ THCOM : ยิงดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจรแล้วเมื่อ 7 ก.ย.57 .... แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 48 บาท (Consensus)
* THCOM ยิงดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจรแล้วตั้งแต่ 7 ก.ย.57…นับเป็นข่าวบวกกับบริษัท โดยผู้บริหารกล่าวว่ามียอดจองไทยคม 7 เต็ม 100% และที่เซ็นสัญญาแล้วมีประมาณ50% ที่เหลือจ่อเซ็นสัญญาหลังยิง คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/57 บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้อายุ 5 ปีและ 7 ปี วงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาทเพื่อรีไฟแนนซ์ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่าย ซึ่งคาดว่าภาระดอกเบี้ยจ่ายในส่วนนี้จะลดลงราว 50% และคิดเป็นประมาณ 7% ของกำไรสุทธิในปี 58
* ความต้องการใช้ดาวเทียมในมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นในช่วง 4Q57 ซึ่งทำให้อัตราการใช้ดาวเทียมของลูกค้า iPSTAR ในมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 55% ในช่วง 4Q57ขณะเดียวกันความต้องการใช้ดาวเทียมจากช่องทีวีดิจิตอลช่วยหนุนด้วย บริษัทมีแผนที่ยิงดาวเทียมไทยคม 8 ภายในปี 1H59 ซึ่งผู้บริหารเชื่อมั่นว่าจะมียอดจองก่อนยิงได้ 100% เพราะกระแสความต้องการใช้ดาวเทียมสูงขึ้นมาก
* แนะนำซื้อ โดยทาง DBS กำลังปรับปรุงราคาพื้นฐานซึ่งปัจจุบันให้ไว้ที่ 42.50 บาท ส่วนราคาพื้นฐานใน SAA Consensus อยู่ที่ 48 บาท (จาก 7 สำนักวิจัยหลักทรัพย์และทุกรายแนะนำซื้อ)

+ MINT : เดินหน้าขยายการลงทุนต่อเนื่องหนุนการเติบโตในระยะยาว แนะนำซื้อลงทุน ราคาพื้นฐาน 40 บาท
* MINT ประกาศเข้าซื้อกิจการธุรกิจกาแฟและร้านอาหารในออสเตรเลีย โดยเข้าลงทุนใน VGC Food Group Pty Ltd. ในทางอ้อมโดยผ่านบริษัทย่อยคือ Delicious Food Holding(Australia) Pty Ltd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ MINT ถือหุ้น 99.73% มูลค่าการลงทุน 349 ล้านบาทเป้าขยายธุรกิจอาหารในออสเตรเลีย คาดว่าดีลจะแล้วเสร็จไตรมาส 3/57
* ความเห็น DBS Retail Research : เป็นไปตามแผนการลงทุนของ MINT ที่จะขยายการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ได้เข้าไปร่วมทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประเทศโมซัมบิค เข้าซื้อโรงแรม 8 แห่งในแอฟริกา และเข้าไปร่วมทุนกับ BreadTalk’s ซึ่งเรามองว่าการลงทุนในต่างประเทศเป็นบวกกับบริษัท เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าและรายได้ของบริษัทแล้วยังช่วยให้ธุรกิจกระจายความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น เราประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 57 จะขยายตัว 12% (ต่ำกว่าที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่ 15% เล็กน้อย) ส่วนในปี 58 เติบโตในอัตราที่เร่งตัวขึ้นที่ 23% แนะนำซื้อ ประเมินราคาพื้นฐาน 1 ปีไว้ที่ 40 บาท (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในIn the News ด้านใน)

• BEC : กสท.ห้ามนำช่อง 3 อนาล็อกไปออกดาวเทียม & เคเบิลทีวีภายใน 15 วัน
* กสท.สั่งห้ามผู้ประกอบการโครงข่ายดาวเทียมและเคเบิลทีวีนำ "ช่อง 3 อนาล็อก" ไปออกอากาศภายใน 15 วัน ฝ่าฝืนเพิกถอนใบอนุญาต ขณะช่อง 3 ส่งทนายความยื่นฟ้องกรรมการกสทช.
* ความเห็น DBS Retail Research : เรื่องการออกอากาศช่อง 3 ผ่านดาวเทียมและเคเบิลทีวียังเป็น Overhang กับหุ้น BEC และไม่แน่นอนว่าเรื่องจะจบอย่างไร ในเชิงกลยุทธ์จึงต้อง Wait& See ไปก่อน

• JAS : วันนี้ (9 ก.ย.) ลุ้นว่าศาลจะแค่ไต่สวนเพิ่มเติม หรือจะประกาศคำตัดสินเรื่องคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่เลย
* วันนี้ (9 ก.ย.57) ลุ้นว่าศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวทรัพย์สิน TTTBB หรือไม่ หรือจะเป็นการไต่สวนเพิ่มเติมแล้วนัดรับฟังคำตัดสินในระยะต่อไป ทั้งนี้ก่อนหน้าผู้ถือหุ้น TT&T ได้ร้องขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งหากศาลมีคำสั่งให้คุ้มครองฯ ก็จะกระทบการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) และหากคุ้มครองชั่วคราวไปถึงรายได้ของ TTTBB ทำให้ JAS ไม่สามารถรับรู้รายได้ส่วนนี้ ก็จะส่งผลลบอย่างมีนัยสำคัญกับบริษัท เนื่องจากเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 80% ของทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายกฎหมายของ JAS มั่นใจว่าจะต่อสู้ตามข้อกฎหมายได้

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 arparporns@th.dbsvickers.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!