WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์การลงทุน
  SET ได้แรงหนุนจาก PTT หลังมีการอนุมัติให้ขึ้นราคาก๊าซ NGV ช่วยลดภาระขาดทุนที่แบกรับมานาน แต่ราคาตลาดก็ใกล้เต็มมูลค่าแล้ว ระยะสั้นยังเน้นหุ้นกลาง-เล็ก ที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ และยังคงเลือก SAMART(FV@B32) เป็น Top pick ฟื้นตัวแรงใน 2H57 และเติบโต 23% ในปีหน้า

ดอลลาร์แข็งค่ากดดัน น้ำมันและทองคำอ่อนตัวต่อ
  ปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีอะไรใหม่ การรายงานดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดคือ ตำแหน่งงานที่เปิดว่าง (Job Openings) เป็นของเดือน ก.ค. อยู่ที่ 4.67 ล้านตำแหน่ง ทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปี สะท้อนว่าตลาดแรงงานสหรัฐ ยังคงฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ สอดคล้องกับการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนล่าสุด ที่เพิ่มต่ำกว่าคาด และอัตราการว่างงานยังทรงตัวที่ 6.1% และยังคงสูงกว่า 5.5% ในช่วงก่อนเกิดวิกฤติการเงิน ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ใช้เป็นเหตุผลในการคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำ 0.25% ต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง และคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยราว 2H58 หลังการตัดลดมาตรการ QE จะสิ้นสุดราวเดือน ต.ค. 2557
  ประเด็นที่ตลาดให้น้ำหนักน่าจะมุ่งไปที่การคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมจากสหภาพยุโรป (รายละเอียดดังกล่าวไว้ใน Market Talk วานนี้) แต่อย่างไรก็ตามสหภาพยโรปยังชะลอประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่ โดยจะพิจารณาการปฏิบัติตามสัญญาญหยุดยิงของทั้ง 2 ฝ่าย (กลุ่มฝักใฝ่รัสเซีย vs ยูเครน)
ด้วยสภาพแวดล้อมโดยรวมในขณะนี้ ได้หนุนให้สกุลดอลลาร์ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลของโลก โดยล่าสุด Dollar Index ปรับขึ้นกว่า 6% (นับจากเดือน ก.ค. ที่ระดับ 79.8 จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 84.1) สวนทางกับเงินยูโรที่อ่อนค่าลงในอัตราใกล้เคียงกัน ตามมาด้วย เงินปอนด์ของอังกฤษอ่อนค่า 6.4% นับตั้งแต่เดือน ก.ค. เงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 6 ปี และค่าเงินในภูมิภาคที่กลับมาอ่อนค่าในเดือน ก.ย. หลังจากที่แข็งค่ามาตลอดหลายเดือน เพราะมีเงินทุนไหลเข้า โดยล่าสุดพบว่าเงินริงกิตมาเลเซียอ่อนค่า 1.3% ตามมาด้วยดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนค่า 1.2% วอนเกาหลีใต้อ่อนค่า 1.02% เปโซฟิลิปปินส์อ่อนค่า 0.65% และเงินบาทไทยอ่อนค่า 0.6% ยกเว้นเงินรูปีอินเดีย และรูเปียห์อินโดนีเซียยังทรงตัวอยู่
  ในสถานการณ์เงินดอลลาร์แข็งค่านี้กดดันสินค้าโภคภัณฑ์ ให้มีทิศทางขาลงมาโดยตลอด โดยเฉพาะน้ำมันดิบโลก ล่าสุดน้ำมันดิบดูไบยังไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือ 100 เหรียญ/บาร์เรลได้ ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า Brent ก็หลุดลงมาต่ำกว่า 100 เหรียญ/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ประกอบกับ supply น้ำมันที่ยังผลิตออกมาได้ต่อเนื่อง และ demand ที่ลดลง จึงเป็นเรื่องยากที่น้ำมันจะกลับขึ้นไป ส่วนราคาทองคำโลกหลังจากหลุด 1,300 เหรียญ/ทรอยออนซ์ไป ก็ปรับลดลงต่ำกว่า 1,250 เหรียญ อย่างรวดเร็ว แม้สถานการณ์การเมืองโลกและการสู้รบจะยังมีอยู่ แต่กลับไม่ได้สะท้อนมาที่ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ดังนั้น ระยะนี้จึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์

เงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าไทยต่อเนื่อง
  วานนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคติดต่อกันเป็นวันที่ 16 ราว 329 ล้านเหรียญฯ และ เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากวันก่อนหน้า โดยยอดซื้อส่วนใหญ่มาจากไต้หวัน ที่กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง และซื้อสุทธิติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ราว 322 ล้านเหรียญฯ และ เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าจากวันก่อนหน้า ขณะที่ประเทศในกลุ่ม TIP สลับซื้อขายเบาบาง กล่าวคือ ไทยซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 ราว 33 ล้านเหรียญฯ (1.1 พันล้านบาท, ลดลง 26%) สวนทางกับฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซียที่สลับมาขายสุทธิเล็กน้อย ราว 15 และ 10 ล้านเหรียญฯ ตามลำดับ ขณะที่ตลาดในเกาหลีใต้ยังคงปิดทำการเนื่องจากเทศกาลไหว้พระจันทร์
  ภาพรวมการเข้าซื้อของต่างชาติยังคงเป็นไปในทิศทางเดิมคือการเลือกซื้อรายประเทศ และ ชะลอการซื้อในกลุ่ม TIP เว้นเพียงแต่ไทยที่ถูกซื้อสุทธิต่อเนื่อง 7 วัน รวม 9.3 พันล้านบาท คาดว่าเป็นผลจากการถูกขายสุทธิอย่างหนักในช่วงก่อนหน้า โดยมียอดสะสมตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นขายสุทธิ 1.6 หมื่นล้านบาท (454 ล้านเหรียญฯ) ขณะที่ฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซียกลับเป็นยอดซื้อสุทธิราว 1.3 และ 5.0 พันล้านเหรียญฯ ตามลำดับ แต่เป็นที่สังเกตว่าค่าเงินเอเซีย เมื่อเทียบกับดอลลาร์ มีแนวโน้มอ่อนค่าระยะสั้น ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้นได้

ปรับโครงสร้างพลังงานช่วยลดภาระ PTT
  การปรับโครงสร้างพลังงานมีความชัดเจนมากขึ้น และ น่าจะทำให้ตลาดรับรู้ถึงต้นทุนพลังงานที่แท้จริง (มีราคาเชื้อเพลิงหลายชนิดที่ขายในราคายังต่ำกว่าต้นทุน) ล่าสุด คสช. อนุมัติให้ปรับขึ้น ราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ภาคขนส่ง 0.62 บาทต่อกิโลกรัม และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) 1 บาทต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ระดับ 22.00 บาทต่อกก. และ 11.50 บาทต่อ กก. ตามลำดับ อย่างไรก็ตามการปรับราคาขายก๊าซ LPG ดังกล่าวข้างต้น ถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าต้นทุน และยังต่ำกว่าภาคครัวเรือน ที่ปัจจุบันจ่ายที่ 22.63 บาทต่อ กก. หรือยังมีส่วนต่างอีก 0.63 บาทต่อ กก. ซึ่งเป็นไปได้ที่จะมีการอนุมัติให้ปรับขึ้นเพิ่มเติมเท่ากับส่วนต่างดังกล่าว แต่จะขึ้นไปที่ระดับเดียวกับภาคอุตสาหกรรมที่จ่ายอยู่ 30.07 บาทต่อกก. เป็นสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้ยาก เพราะจะกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง และที่สำคัญจะหนุนให้เงินเฟ้อมีโอกาสขยับสูงขึ้น
  ส่วนทางด้านผู้ผลิตก๊าซ LPG คาดว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบ (PTT และกลุ่มโรงกลั่น) เนื่องจากราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจะไปเพิ่มในส่วนของเงินกองทุนน้ำมันและภาษีสรรพสามิต และภาษีท้องถิ่น ยกเว้นการปรับเพิ่มราคาขาย NGV 1 บาท ต่อ กก. น่าจะเอื้อประโยชน์ต่อ PTT เพราะปัจจุบัน PTT ต้องแบกรับภาระขาดทุนจากการขายก๊าซ NGV ในราคาต่ำกว่าต้นทุน ราวปีละเกือบ 2 หมื่นล้านบาท (หรือคิดเป็น 20% ของกำไรที่คาดว่าจะทำได้ปีละ 1 แสนล้านบาท จากราคาขายเดิม 10.5 บาทต่อกก. เทียบกับต้นทุน 16 บาทต่อกก. ปริมาณขายก๊าซ LPG อยู่วันละ 9 ล้าน กก. หรือ 3.3 พันล้านกก. ต่อปี) การขึ้นราคาในครั้งนี้จะช่วยลดภาระขาดทุนจากเดิมลงปีละ 4 พันล้านบาท เหลือ 1.6 หมื่นล้านบาท หรือจะทำให้ประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นปีละ 4 พันล้านบาท และ จะช่วยเพิ่ม Fair Value ได้หุ้นละ 8 บาท ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์ ASP ปรับเพิ่ม Fair Value ปีนี้จากเดิม 360 บาท เป็น 368 บาท และในปี 2558 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 420 บาท
  และหากมองโลกในด้านดีสุดขั้ว โดยคาดว่าในอนาคตจะต้องปรับราคาขายก๊าซ NGV ให้เท่ากับต้นทุนที่แท้จริง หรือเพิ่มขึ้นอีก 4 บาทต่อ กก. จากที่ขึ้นเพียง 1 บาทต่อ กก. ในขณะนี้ นั่นหมายความว่าภาวะขาดทุนที่ PTT ต้องแบกรับจะหายไปทั้งหมด ขณะเดียวกันจะไปเพิ่มกำไรให้กับ PTT ถึง 2 หมื่นล้านบาท และจะเพิ่ม Fair Value ให้กับ PTT ราวหุ้นละ 40 บาท (ติดตามอ่านรายละเอียดใน Equity Talk เช้านี้)

ราคาหุ้น BANPU สะท้อนข่าวดีแล้ว แนะขายทำกำไรระยะสั้น
  วานนี้ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องคดีความที่กลุ่มงานทวี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง BANPU ในคดีทุจริตโครงการโรงไฟฟ้าหงสา (ตามที่ศาลชั้นต้นตัดสินไปตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 2555) ส่งผลให้ BANPU ไม่ต้องชดใช้ค่าความเสียหายตามคำพิพากษาของศาลแพ่งจำนวน 3.1 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสสูงที่กลุ่มงานทวีจะยื่นต่อศาลฎีกาเพื่อคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ต่อไป
  อย่างไรก็ตามการชนะคดีในชั้นนี้เป็นเพียง sentiment เชิงบวกต่อหุ้น BANPU เพราะทำให้ปลดภาระที่ไม่ต้องตั้งสำรองฯ ความเสียหายจากการฟ้องที่ BANPU จะต้องชดใช้ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น (จากเดิมที่ไม่เคยตั้งสำรองฯ อยู่แล้ว) และฝ่ายวิจัยไม่ได้รวมไว้ในประมาณ ขณะที่ความเสี่ยงที่ทางกลุ่มงานทวีจะยื่นฟ้องร้องต่อศาลฎีกา ยังมีโอกาสสูง ขณะที่ราคาหุ้นในช่วงที่ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ดีดตัวขึ้นแรง สะท้อนความคาดหวังต่อข่าวดังกล่าว สวนทางกับ แนวโน้มผลการดำเนินงานที่ยังอ่อนตัวในงวด 2H57 ตามราคาขายถ่านหินที่ลดลง และยังมีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่องถึงงวด 1H58 แต่อาจจะได้รับชดเชยในการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหงสา ที่จะทยอยเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วง 2H58 (BANPU ถือหุ้น 40%) แม้ทางพื้นฐานยังแนะนำ ถือ แต่กลยุทธ์ระยะสั้นแนะนำให้ขายทำกำไรไปก่อน (ติดตามอ่านรายละเอียดใน Equity Talk เช้านี้)

นักวิเคราะห์ :
ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์ : 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์ : 052647
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
กษิดิ์เดช รัตนสมบูรณ์
มาราพร กี้วิริยะกุล

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!