WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“อาจมี Window Dressing”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
       สรุปปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งในกรอบแคบ แต่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิจำนวนมากถึง 4.6 พันล้านบาทขณะที่อีก 3 กลุ่มที่เหลือเป็นขายสุทธิ สำหรับวันนี้ Sentiment การลงทุนเป็นบวกทั้งจากการเข้าซื้อสุทธิของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยและการปรับขึ้นแรงของตลาดหุ้นสหรัฐ ตอบรับตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.ที่พุ่งขึ้นถึง 18%MoM รวมทั้งมีการคาดการณ์ว่านักลงทุนสถาบันน่าจะมีการทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 3 (Window Dressing) ส่วนในประเทศ กำลังจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเกี่ยวข้องกับการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว ซึ่งไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ปีหน้าเป็นช่วง High season ของธุรกิจ เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยว ซึ่งจะได้รับอานิสงค์ทางบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวโดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ของกลุ่มดังกล่าวจะมีการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น หลักทรัพย์พื้นฐานที่เราแนะนำลงทุนในวันนี้เป็น MC ซึ่งมองว่าผลประกอบการไตรมาส 4 จะฟื้นตัวดีขึ้นมากทั้งในส่วนของเครื่องแต่งกายและ Time Deco (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Fundamental Pick)

      กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือต่ำกว่า 1580 จุดควรชะลอการเก็งกำไร/ลดพอร์ตตามในกรณีที่มีเงินสดเหลืออยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1550+/- จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1595-1600 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่าราคามีโอกาสทำ New Highเมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค ประกอบด้วย OFM, CPF, KTC, KKP, VIH, IRCP, STPI, GEL, KAMART, SUPER, BCP, ASP, IFEC (สีน้ำเงิน คือ หุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit รอบสั้น คือ BTS หุ้นที่หลุด List ได้แก่ SCC,MIDA

      ปัจจัยต่างประเทศ - เยอรมนี : ตัวเลขเศรษฐกิจผันผวน โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีก.ย.ร่วงลงแตะ 104.7 จาก 106.3 ในเดือนส.ค. และอ่อนแรงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 105.7 รวมทั้งสวนทางกับตัวเลขPMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.ที่เพิ่มเป็น 54.0 จาก 53.7 ในเดือนส.ค.

      + ECB : ส่งสัญญาณว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการณ์ (ปัจจุบันอยู่ที่ 0.05%) ไปอีกระยะหนึ่งและคาดว่าจะเริ่มโครงการซื้อคืนพันธบัตร (QE) ในเดือนต.ค.57 นี้

      + สหรัฐ : ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.ปรับขึ้นถึง 18%MoM ดีกว่าคาดที่ 3.4%MoM อย่างมาก

      + ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นแรง DJIA +154.19 จุด หนุนโดยยอดขายบ้านใหม่ที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 6 ปี และทาง ECB ส่งสัญญาณว่าดอกเบี้ยในยูโรโซนจะต่ำไปอีกนาน

      + สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้น โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 92.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น10 เซนต์ ปิดที่ 96.95 ดอลลาร์/บาร์เรล

       + สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดเกินคาด ทาง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐรอบสัปดาห์สิ้นสุด 19 ก.ย.ว่าร่วงลง 4.3 ล้านบาร์เรล เป็น 358ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000บาร์เรล

       - สัญญาทองคำยังอ่อนแอ ปิดตลาดเมื่อคืนนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.5ดอลลาร์ หรือ 0.20% ปิดที่ 1,219.5 ดอลลาร์/ออนซ์

       - กลุ่มถ่านหิน : ศาลฎีกาอินเดียตัดสินยกเลิกใบอนุญาตการใช้เหมืองถ่านหิน 214 รายการ คำสั่งดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบริษัทใช้ถ่านหินในกระบวนการผลิต ทั้งผู้ผลิตอลูมิเนียม, เหล็ก, โรงไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะมีความเสียหายอย่างน้อย 4.7 หมื่นล้านUS$...สะท้อนให้เห็นว่าประเทศส่วนใหญ่มีนโยบายลดการใช้ถ่านหินลง ซึ่งอุปสงค์ที่ซบเซาทำให้ราคาปรับขึ้นได้ช้า แม้ว่าจะอยู่ในช่วง Bottom แล้วก็ตาม ยังคงแนะนำ Underperform BANPU

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์
+ Window Dressing ตลาดคาดการณ์ว่านักลงทุนสถาบันอาจมีการทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 3...เป็นปัจจัยจิตวิทยาทางบวกระยะสั้นกับตลาดหุ้น

+ ค่าเงินบาทที่อยู่ในแนวโน้มอ่อนเป็นบวกกับกลุ่มส่งออก การแข็งค่าของเงิน US$ หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี และการลดดอกเบี้ย& แผนการใช้ QE ของ ECB รวมถึงเศรษฐกิจยูโรโซนที่เปราะบาง ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มส่งออกของไทย หุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าว คือ GFPT, TUF, KCE

+ รัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงต.ค.-ธ.ค.58โดยรองนายกฯด้านเศรษฐกิจ รมว.คลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเมื่อวานเพื่อเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงแรกของปีงบประมาณ 58 รวมทั้งเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ เพื่อหนุนการฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป

• ญี่ปุ่นขอเพิ่มโควต้านำเข้าเหล็กพิเศษที่ใช้กับกลุ่มยานยนต์ เจโทรและตัวแทนผู้ประกอบการญี่ปุ่นหารือกับก.อุตสาหกรรมเรื่องเพิ่มโควตาการนำเข้าเหล็กชนิดพิเศษเพื่อนำมาผลิตรถยนต์จากปัจจุบันที่รัฐบาลไทยให้โควตาประมาณ 1.2 ล้านตัน/ปี เนื่องจากคาดว่าในปี 58 ยอดผลิตรถยนต์ของไทยจะเพิ่มไปถึง 2.5 ล้านคัน (สูงสุดเป็นประวัติการณ์) เพิ่มจากปีนี้ที่คาดไว้ 2.1 ล้านคัน...อาจเป็นลบกับ SSI ที่มีแผนขยายการผลิตเหล็กพิเศษเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่

+ SPCG จับมือกับ TFD ทำ Solar Roof Top ซึ่งเป็นการร่วมทุน 50 :50 ในเงินลงทุนทั้งหมด 300 ล้านบาท กำลังการผลิตรวม 5 เมกะวัตต์เริ่มติดตั้ง 4Q57 และรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นไป...แม้ว่าจะเป็นกำลังการผลิตส่วนเพิ่มเพียง 1% ของกำลังการผลิตปัจจุบันของ SPCG ที่ 260เมกะวัตต์ แต่เชื่อว่าจะขยายได้ต่อในอนาคต โดยตามแผนบริษัทจะขยายกำลังการผลิตเป็น 500 เมกะวัตต์ใน 3 ปีข้างหน้า ทั้งจากในประเทศและลงทุนต่างประเทศ แนะนำซื้อ SPCG ให้ราคาพื้นฐาน 29.70 บาท (ดูเพิ่มเติมใน In the News วันนี้)

• LOXLEY เพิ่มทุน & ออกวอร์แรนต์ เพิ่มทุนขายประชาชนทั่วไป 165ล้านหุ้น @ 4.05 บาท และออก LOXLEY-W1 66.25 ล้านหน่วย อายุ 3 ปีให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้หุ้นปันผลเมื่อ 20 พ.ค.56 & นักลงทุนทั่วไปที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนสัดส่วน 4 หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1 LOXLEY-W1 คาดจะนำเงินเพิ่มทุนไปลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 arparporns@th.dbsvickers.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!