WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Buy on Weakness
     ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เกิดแรงขายช่วงปิดตลาด กดดันให้ SET INDEX บวกเพียง 0.10 จุด มาอยู่ที่ 1,591.99 จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,737 ล้านบาท ทั้งนี้ มีรายการ Big Lot TRUE มากถึง 2,124 ล้านบาท
     นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 2,398 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 มากถึง 4,315 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 6,232 ล้านบาท MBKET ตั้งข้อสังเกตของเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าไทยพร้อมกันทั้ง 3 ตลาดอย่างหนาแน่น อาจเป็นการส่งสัญญาณถึงทิศทางค่าเงินบาทอาจกลับมาแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หากตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนส.ค.ที่จะรายงานในสัปดาห์หน้าส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างมี นัยยะสำคัญ
ภาวะการลงทุนในวันสุดท้ายของสัปดาห์ MBKET คาด SET INDEX มีแนวโน้มซึมตัวลงสู่แนว 1,580-1,585 จุด เนื่องด้วยบรรยากาศการลงทุนไม่เอื้อ อย่างไรก็ตามจุดสังเกตของค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร รวมถึง PTT คาดว่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามา หลังปรับฐานและแกว่งตัวออกด้านข้างมา 3-4 วันที่ผ่านมา ภายใต้ปัจจัยการลงทุนที่ไม่ชัดเจนทั้งด้านบวก หรือ ด้านลบ
สัปดาห์หน้ามีประเด็นเชิงบวกที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่นายกฯ เตรียมเสนอต่อครม. เพื่อพิจารณา หรือ การประชุม ECB วันที่ 2 ต.ค. ตลาดคาดว่า ECB จะพิจารณาเริ่มโครงการเข้าซื้อตราสารหนี้ ABS เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณอ่อนแรงลง สร้างโอกาสที่ SET INDEX ไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,600 จุดหรือสูงกว่าได้ในสัปดาห์หน้า
      ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายเมื่ออ่อนตัว” หลังแนะนำให้ขายทำกำไรไปในบริเวณ 1,600 จุด +/- ใน 2 วันก่อนหน้านี้
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” PTT/ AAV
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC/ TRUE
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK/ LPN
Speculative buy: PTT/ AAV

Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,600 จุด

SET INDEX คาดแกว่งในกรอบแคบ เนื่องจากเป็นวันศุกร์
แต่ยังคงให้โอกาสที่ SET INDEX จะทดสอบ 1,600 จุดในสัปดาห์หน้า
กลยุทธ์การลงทุน ซื้อเมื่ออ่อนตัว หลังแนะให้ขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- ไปแล้ว
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ Nikkei ปิดบวกเด่น 1.28% ขณะที่ HSKI กลับปรับตัวลง 0.64% เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ ยังมีความพยายามที่จะไต่ระดับขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,600 จุด ผลักดันโดย SCC / KBANK และหุ้นขนาดกลาง ขณะที่ BBL ปรับตัวลงแรง จากประเด็น MSCI ที่จะปรับลดน้ำหนักการลงทุน หลัง NVDR ถือหุ้น BBL เต็มเพดานที่ 35% รวมถึงแรงขายปิดความเสี่ยงในช่วงท้ายตลาด กดดันให้ SET INDEX ย่อตัวลงมาปิดที่ 1,591.99 จุด บวกเพียง 0.10 จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,737 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม Home +1.55%, กลุ่มท่องเที่ยว +1.16% และกลุ่ม Person +1.01% ส่วน กลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.33%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +0.29% และกลุ่มพลังงาน +0.09%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.16 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi ปรับตัวลดลง ตามทิศทาง DJIA คืนวานนี้ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน
MBKET ลดมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลาง” หลัง SET INDEX ไต่ระดับขึ้นสู่กรอบที่ MBKET ประเมินไว้ก่อนหน้า 1,590-1,600 จุด แม้ว่าวานนี้ SET INDEX จะไม่ผ่าน 1,600 จุด และเกิดแรงขายทำกำไรในช่วงท้ายตลาดอย่างหนาแน่น กดดันให้ SET INDEX ปิดที่ระดับ 1,591.99 จุด อีกทั้งวันนี้เป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ คาดว่า SET INDEX แกว่งกรอบแคบระหว่าง 1,580-1,595 จุด โดยยังคงให้น้ำหนักที่ SET INDEX จะปิดยืนเหนือแนว 1,590 จุดได้เป็นวันที่ 3
อย่างไรก็ตาม MBKET ยังคงให้น้ำหนักและโอกาสที่ SET INDEX จะไต่ระดับขึ้นทดสอบและปิดยืนเหนือ 1,600 จุดได้ในสัปดาห์หน้า เนื่องจาก
•เงินทุนต่างชาติที่เข้าลงทุนในไทย ผ่านตลาดหุ้น / SET50 Index Futures / ตลาดตราสารหนี้อย่างหนาแน่น MBKET เชื่อว่ายอดสุทธิ YTD ในตลาดหุ้นไทย (SET +MAI) ณ ปัจจุบัน –1,504 ล้านบาท จะกลับมาเป็นซื้อสุทธิ หลังนักลงทุนกลุ่มนี้ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็น Underweight นับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในปลายปีที่แล้ว และต่อเนื่องจนถึง คสช. เข้าควบคุมอำนาจการบริหารวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ SET INDEX ขยับขึ้นมาแล้ว 22.58%
•ติดตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่นายกรัฐมนตรี พล.เอก ประยุทธ์ เตรียมแถลงในสัปดาห์หน้า โดยมุ่งเน้นการสร้างงานเป็นสำคัญ MBKET คาดว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้
•ติดตามการประชุม ECB ในวันที่ 2 ต.ค. MBKET และตลาดต่างคาดหวัง ECB จะตัดสินใจเริ่มโครงการ QE ด้วยการเข้าซื้อตราสารหนี้ ABS ในตลาดตราสารหนี้ เพื่อเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน และลดต้นทุนทางการเงินให้แก่ภาคเอกชน ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งทางตรง และทางอ้อม ต่ออียู หากเป็นไปตามที่ประเมิน คาดว่า
oค่าเงินยูโรจะพลิกกลับมาแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ลักษณะ Sell on Fact จากผลการประชุม ECB
oราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน และ ทองคำมีแนวโน้มฟื้นตัว
oเปิดโอกาสของการทำ Euro carry trade เพื่อนำเงินเข้าลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย
ขณะที่การสู้รบระหว่างสหรัฐฯ และกลุ่มพันธมิตร เริ่มเปิดฉากสู้รบกลุ่มไอเอส ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ยังจำกัดอยู่ในพื้นที่บริเวณชายแดนประเทศซีเรีย MBKET ให้น้ำหนักกับประเด็นนี้เป็น “กลาง” เท่านั้น พร้อมติดตามพัฒนาการของการสู้รบทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อประเมินระดับความเสี่ยงการเมืองระหว่างประเทศ และจิตวิทยาการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “นักลงทุนกลับเข้าทยอยสะสม หาก SET INDEX ย่อตัวสู่แนว 1,580 จุด หลังแนะนำให้ขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยเน้นกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง / PTT ที่จะมีประเด็นเชิงบวกในปลายสัปดาห์นี้จนถึงต้นสัปดาห์หน้า

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ADB ลดเป้าหมาย GDP ไทยปีนี้ลง ใกล้เคียงคาดการณ์ ธปท: คาดปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโต 1.6% ใกล้เคียงกับที่ ธปท. ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.5% แต่ในปีหน้า คาดเศรษฐกิจเติบโตสูงถึง 4.5% ในความเห็นของ ADB
MBKET มีความเห็นเป็นกลางต่อประมาณการของ ADB ในปีนี้ เพราะถือว่าเศรษฐกิจไทยในช่วง 6 เดือนแรกขาดการกระตุ้นจากภาครัฐ อย่างสิ้นเชิง รวมถึงภาวะชะงักงันทางด้านการบริโภคภายในประเทศ และเงินจำนำข้าวที่ไม่ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ อีกทั้งตลาดก็ได้รับรู้ถึงภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโตต่ำ 1.5% ตามที่ธปท.ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ แต่สำคัญอยู่ที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจใน 2H57 และแนวโน้มการเร่งใช้จ่ายผ่านงบประมาณปี 2558 รวมถึงแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่จะกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง จะเป็นสัญญาณเชิงบวกที่สำคัญ และนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเชื่อมั่น
2.คาดยอด YTD ของต่างชาติมีโอกาสพลิกกลับมาซื้อสุทธิในวันนี้: หากประเมินจากยอด YTD ของทั้งตลาด SET และ MAI ของนักลงทุนต่างชาติ เป็นการขายสุทธิที่ลดลงเหลือเพียง 1.5 พันล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว บวกกับภาพรวมทางการเมืองกลับสู่ระดับปกติ แม้ว่าจะยังคงใช้กฎอัยการศึกอยู่ก็ตาม MBKET เชื่อว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะยังคงทยอยลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้สูงที่ยอด YTD นักลงทุนกลุ่มนี้จะพลิกกลับมาเป็นซื้อสุทธิในวันนี้ หรืออย่างช้าต้นสัปดาห์หน้า
3.ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า เด่นทั้งในและต่างประเทศ
•การปรับน้ำหนักของดัชนี MSCI Thailand ต่อหุ้น BBL / BBL-F ในวันที่ 29 ก.ย. และ TRUE ในวันที่ 1 ต.ค. อาจกระทบจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นทั้ง 2 เนื่องจากติดเกณฑ์ Free Float ของหุ้นทั้ง 2
•ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนส.ค. ธปท. รายงานวันที่ 30 ก.ย. MBKET ให้น้ำหนักกับตัวเลขการส่งออก และการบริโภคภายในประเทศ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
•ติดตามการแถลงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของนายกฯ พล.เอก ประยุทธ์ คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังการประชุม ครม.วันที่ 30 ก.ย.
•ติดตามการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว มูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาท ภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้
•ติดตามการประชุม ECB วันที่ 2 ต.ค. แนวโน้มที่จะเริ่มใช้โครงการ QE มีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น
•ตัวเลขเศรษฐกิจในต่างประเทศที่สำคัญได้แก่ ดัชน PMI ภาคการผลิตของจีน / อียู / สหรัฐฯ, อัตราเงินเฟ้อ ในญี่ปุ่น / อียู และภาวะการจ้างงานในสหรัฐฯ

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.23 13.93 16.24 13.93
PSE 20.67 17.82 20.84 17.97
JSE 16.83 14.29 16.73 14.20
KOSPI 10.34 9.02 10.41 9.06
TAIEX 14.19 13.41 14.32 13.53
Straits Tim
14.53 13.38 14.54 13.39
SHCOMP 9.32 8.25 9.32 8.25
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.PTT : ราคาปิด 352.00 บาท ราคาเหมาะสม 386.00 บาท
a)คณะกรรมการปรับโครงสร้างราคาพลังงานจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) เพื่อพิจารณาโครงสร้างราคา LPG, NGV และราคาน้ำมัน
b)ดังนั้น MBKET คาดว่าจะเห็นแรงเก็งกำไรหุ้น PTT ในวันนี้ เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงหากสามารถปรับเพิ่มราคาขาย LPG และ NGV ได้ เนื่องจากปัจจุบัน PTT ขายต่ำกว่าต้นทุนและทำให้ PTT ต้องแบกรับผลขาดทุน
c)โดยตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นราคา LPG สำหรับภาคขนส่งขึ้น 1.25 บาท / กิโล เพื่อให้เท่ากับภาคครัวเรือน โดยจะปรับขึ้นในครั้งเดียว หรือแบ่งเป็น 2 ครั้งๆละ 0.62 ส.ต.
d)ขณะที่ราคา NGV ที่ปัจจุบันตรึงราคาไว้ที่ 10.50 บาท / กิโล ต่ำกว่าต้นทุนที่ 15.00 บาท / กิโล คาดว่ามีโอกาสทยอยปรับขึ้นเดือนละ 1.00 บาท จนเท่าราคาต้นทุน
e)เราประเมินว่าทุก 1 บาทของราคา NGV ที่ปรับขึ้น จะเป็นบวกต่อกำไรของ PTT ราว 3.2 พันล้านบาท หรือเทียบเท่าราว 10.50 บาทต่อหุ้น และเป็น Upside Risk ต่อประมาณการกำไรของเรา
f)ราคาหุ้นปัจจุบันมี PER 2558 ที่ 9.7 เท่า ต่ำกว่า SET INDEX ที่ 13.9 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 4% และเชื่อว่าการปรับโครงสร้างราคาพลังงานจะเป็นบวกให้ราคาหุ้น PTT มีโอกาส Re-rating ในแง่ Valuation ได้
2.AAV : ราคาปิด 4.74 บาท ราคาเหมาะสม 5.20 บาท
a)MBKET เชื่อว่าราคาหุ้น AAV มีโอกาสตอบรับเชิงบวก หากการประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในสัปดาห์หน้าเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยว
b)คาดผลประกอบการ 3Q57 พลิกกลับเป็นกำไร จาก 2Q57 ที่ขาดทุนสุทธิ จากจำนวนผู้โดยสารที่เริ่มฟื้นตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังปัจจัยการการเมืองคลายตัว และ อานิสงค์ของการยกเว้นค่าวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน และไต้หวัน
c)และต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวลง โดยราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง -12.2% QTD เหลือ US$92.53/barrel สิ้นสุดวานนี้
d)คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 ที่ 1,671 ล้านบาท +240% yoy เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มสายการบิน และราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ระดับ PBV 2558 เพียง 0.86 เท่า

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ GDP ใน 3Q57 (รอบสุดท้าย) และดัชนี Consumer sentiment

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก US$330 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$68 ล้าน
ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยและฟิลิปปินส์ยังเป็นเป้าหมายของการลงทุน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -197.8 -180.8 11,825.8 9,188.0
KOSPI -149.3 n.a 7,854.0 4,875.1
JSE -46.2 -36.8 4,463.4 -1,806.4
PSE 7.5 9.1 1,270.5 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -18.7 -3.1 230.1 263.2
SET INDEX 74.4 143.4 -17.0 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกัน เป็นวันที่ 2
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +2,398 +4,623
SET50 Index Futures (สัญญา) +4,315 +816
SSF (สัญญา) +3,167 -1,672
Metal Futures (สัญญา) -300 +37
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +6,232 +976

นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 มากถึง 2,398 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 10,084 ล้านบาท และกดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิลดลงเหลือเพียง 2,312 ล้านบาท
พร้อม คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 4,315 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 5,131 สัญญา แม้ว่า S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index กว้างถึง 3.62 จุด ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า Premium ราว 3.64 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 หนาแน่นถึง 6,232 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 7,208 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 พันธบัตรอายุ 5 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 อีก 1.30bps ปิดที่ 3.014% ส่วนอายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.24bps ปิดที่ 3.543%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 446 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า 467 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
BBL 144.78 4.54% 207.98
SCC 107.97 23.06% 448.00
TRUE 37.04 1.24% 12.07
KBANK 28.66 2.32% 234.88
TMB 25.95 1.28% 3.13

NVDR คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 โดย ICT ยังคงเป็นเป้าหมายของการสะสม
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีกเล็กน้อย 254 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,111 ล้านบาท โดยยังคงกลุ่ม ICT อย่างหนาแน่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 1,076 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,354 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 108 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 220 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มธนาคาร กลับถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 687 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 248 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 170 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
INTUCH 855.69 24.56 BBL -171.76 13.68
KBANK 342.83 46.26 TOP -41.46 22.30
TRUE 170.63 4.48 LHBANK -37.68 12.71
ADVANC 164.25 18.82 SPALI -31.70 28.82
DTAC 134.15 33.44 LH -27.72 14.27

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!