WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Rebound
       ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงเผชิญกับแรงขายต่อเนื่อง ปิดลบ 3.74 จุด มาอยู่ที่ 1,539.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,184 ล้านบาท
ทั้งนี้ ต่างชาติยังคง Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 อีก 7,953 สัญญา ขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 7 ลดลงเหลือ 248 ล้านบาท และขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่ก็เพียง 145 ล้านบาท
       ทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้ MBKET ประเมินแกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,530-1,550 จุด โดยให้น้ำหนักกับโอกาสของการเกิด Technical Rebound หลัง SET INDEX ปรับฐานลงตลอด 7 วัน ด้วย 3.8% เพียงแต่ Upside gain ยังคงจำกัด ระลอกนี้ประเมินด่านสำคัญ 1,570-1,580 จุด จะยังผ่านได้ยาก ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง
ประเด็นสำคัญวันนี้ได้แก่
•การโรดโชว์กับ 60 กองทุนที่นิวยอร์ค สหรัฐฯ โดยมี รองนายกฯ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร, รมว.คลัง และ ผู้ว่าการ ธปท. เข้าให้ข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายด้านเศรษฐกิจ
•การขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ 3+3 #8 วงเงิน 3.0 พันล้านบาท ระหว่างวันที่ 7-9 ต.ค. ของ UOBAM คาดเงินทุนใหม่จะเริ่มเข้าลงทุนอย่างเร็วสุดวันที่ 10 ต.ค. อย่างช้าต้นสัปดาห์หน้า
•ตลาดหุ้นจีนกลับมาเปิดทำการตามปกติวันนี้
•ติดตามรายงานการประชุม FOMC ครั้งก่อน ให้น้ำหนักกับมุมมองด้านเศรษฐกิจ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด หลังสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมปลายเดือนนี้
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตการลงทุน เพื่อรอขายทำกำไรรอบสั้นบริเวณ 1,570 จุด +/-“
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” BEAUTY/ BTS
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEUATY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK/ LPN/ VGI/ PTT
Accumulative Buy: BEAUTY/ BTS

Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังคงปิดลบต่อเนื่อง
MBKET คาด SET INDEX วันนี้แกว่งในกรอบ 1,530-1,550 จุด แต่ให้น้ำหนักกับการเกิด Technical Rebound มากขึ้น แม้ Upside gain จะยังจำกัดในช่วงสั้นก็ตาม
ระดับ 1,540 จุด +/- เป็นบริเวณที่น่าสนใจเข้าสะสมหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง อย่าง BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI
กลยุทธ์การลงทุน ทนถือพอร์ตการลงทุน และเข้าสะสมหุ้นเป้าหมายบริเวณ 1,540 จุด +/- เพื่อรอขาย เมื่อ SET INDEX เกิดการฟื้นตัว
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปรับฐานลงเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้น Kospi +0.23%, HSKI +0.46% และ JSX +0.65% เป็นปัจจัยบวกเฉพาะตลาดนั้นๆ
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะฟื้นตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย จากการเก็งกำไรในหุ้นหลักกลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK / KTB รวมถึง TRUE รวมถึงกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ผลักดันให้ SET INDEX ทำระดับสูงสุดของวันได้เพียง 1,551.84 จุด ก่อนจะเกิดแรงขายเข้ามามากขึ้นในช่วงท้ายตลาด เช่นเดียวกันวันก่อนหน้า กดดันให้ SET INDEX ไหลลงอย่างรวดเร็ว มาปิดที่ 1,539.39 จุด ลบ 3.74 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,184 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดปรับฐานลงแรงสุดได้แก่ กลุ่มกระดาษ -3.39%, กลุ่ม IMM -1.72% และกลุ่มยานยนต์ -1.53% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.09%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -1.33% และกลุ่มพลังงาน -0.54%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.25 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดลบ โดยเฉพาะ Nikkei เปิดลบแรงกว่า 1.0% เนื่องจากดุลการค้าขาดดุลมากกว่าคาด และค่าเงินเยนแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเนื่อง
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 9 แม้ว่า SET INDEX จะแกว่งผันผวนต่อเนื่องวานนี้ แต่ระดับปิดลบก็จำกัดมากยิ่งขึ้น และหากประเมินจากระดับปิดสูงสุดที่ 1,600.16 จุด เทียบกับระดับปิดวานนี้ SET INDEX ลดลงไปแล้วทั้งสิ้น 60.77 จุด หรือ 3.80% น่าจะมากเพียงพอที่จะเปิดโอกาสของการเกิด Technical Rebound ในช่วงสั้น อย่างไรก็ตาม MBKET ประเมิน Upside gain ในระลอการฟื้นตัวนี้จำกัดเช่นกัน ด่าน 1,570-1,580 จุด ยังผ่านได้อย่างจำกัด แม้ว่า ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนของตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่ง
สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว หรือระยะเวลาการลงทุน 3 เดือนขึ้นไป ทีมกลยุทธ์ MBKET แนะนำให้ “ทยอสะสม” หุ้นที่มีประเด็นการลงทุนเด่น พร้อมกับแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานที่เด่นกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มอุตฯ เดียวกัน เป็นทางเลือกของการลงทุน หาก ราคาหุ้นเกิดการปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หุ้น Top Pick : BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI ขณะที่หุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ที่ช่วยปิด downside risk ของราคาหุ้นได้แก่ BTS / TRUEIF สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ
ประเด็นการลงทุนด้านพื้นฐานที่ช่วยจำกัด Downside risk ของ SET INDEX ในความเห็นของเราได้แก่
•การโรดโชว์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่รอพบปะนักลงทุนต่างประเทศ ในวันนี้ที่ นิวยอร์ค สหรัฐฯ คาดว่าประเด็นการชี้แจงต่อนักลงทุนจะคล้ายกับสิ่งที่ให้ข้อมูลกับสถาบันภายในประเทศ เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้แก่
การยืนยันเดินหน้ารถไฟฟ้า 7 สาย เปิดประมูลร่วมกันทั้งระบบและการบริหารเดินรถไปพร้อมกัน
ยืนยันการลงทุนในระบบรถไฟรางคู่ เช่นกัน
MBKET: เป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร / กลุ่มวัสดุก่อสร้างในช่วงแรก และความเจริญเพิ่มขึ้น ย่อมเป็นบวกต่อกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว และ คอนโดมิเนียม รวมถึงความเจริญในท้องที่ เอื้อต่อการขยายสาขาของกลุ่มค้าปลีก
การปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริง
MBKET: เป็นบวกต่อ PTT ทางตรงกับการปรับราคาก๊าซ LPG / NGV ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ด้าน PTTGC รอความชัดเจนของการปรับโครงสร้างดังกล่าว
การลงทุนในโครงการทวาย และ ท่าเรือน้ำลึก ปากบารา ยืนยันดำเนินการ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิต และเส้นทางโลจิสติกส์ทางภาคใต้ของไทย
MBKET: เป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ITD ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางตรงกับโครงการทวาย
การลงทุนพัฒนาให้เป็น Digital Economy
MBKET: เป็นบวกต่อกลุ่ม System Integration (SI) ทั้งด้าน Hardware และ Software, ผู้ผลิตเคเบิ้ลใยแก้ว เพราะเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคมระหว่างระบบเข้าด้วยกัน เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของการใช้โครงข่าวโทรคมนาคมร่วมกัน
•แนวโน้มผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคาร ใน 3Q57 ที่จะเริ่มทยอยประกาศในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะเติบโต qoq เพื่อสะท้อนถึงภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q57 ไปแล้ว เพื่อลดความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H57
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตเก็งกำไร เพื่อรอขายทำกำไรเมื่อเกิด Technical Rebound ในระลอกแรก 1,570-1,580 จุด พร้อม เข้าเก็งกำไรในหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นเป้าหมายเกิดการปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย”

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.การโรดโชว์พบนักลงทุนต่างประเทศที่นิวยอร์ค: วันนี้ ตามเวลาสหรัฐฯ รองนายกฯ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร, รมว.คลัง นายสมหมาย และ ผู้ว่าการ ธปท. ดร.ประสาร จะพบปะ 60 กองทุน เพื่อชี้แจงภาพรวมเศรษฐกิจไทย และแนวโน้ม รวมทั้งแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งระยะสั้นและยาว เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศ
2.IMF ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกลง: คืนวานนี้ IMF ได้ปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้าลง
•เศรษฐกิจโลกปีนี้ปรับลดลงเหลือ 3.3% จากประมาณการเดิมเดือนก.ค.ที่ 3.4%
•เศรษฐกิจโลกปีหน้า ปรับลดลงเหลือ 3.8% จากประมาณการเดิมเดือนก.ค.ที่ 4.0%
ทั้งนี้ IMF ปรับประมาณการเศรษฐกิจของญี่ปุ่น และ อียูลง เป็นหลัก พร้อมส่งสัญญาณเสี่ยงต่อปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศ และราคาสินทรัพย์ในตลาดหุ้นทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เป็นความเสี่ยงที่ต้องให้ความสนใจ
3.คืนนี้ติดตามรายงานการประชุมเฟดเดือนก.ย.: ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนควรให้ความสนใจได้แก่
•มุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจ / การจ้างงาน / อัตราเงินเฟ้อในระยะกลางถึงยาว ยังไปในทิศทางที่เฟดประเมินไว้ก่อนหน้าหรือไม่
•มุมมองต่อนโยบายการเงินของเฟด หลังสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมปลายเดือนต.ค.นี้ จะเป็นอย่างไร เพื่อประเมินช่วงเวลาที่เหมาะสมของการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงสั้น
4.ตลาดหุ้นจีนเปิดทำการตามปกติในวันนี้

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.59 13.38 15.66 13.43
PSE 20.34 17.56 Closed Closed
JSE 16.29 13.89 16.17 13.79
KOSPI 10.05 8.75 Closed Closed
TAIEX 14.27 13.06 Closed Closed
Straits Time 14.32 13.18 Closed Closed
SHCOMP Closed Closed Closed Closed
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.BEAUTY : ราคาปิด 28.00 บาท ราคาเหมาะสม 37.00 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของบริษัท และเบื้องต้นจากการ Conference Call กับบริษัท คาดว่าผลประกอบการ 3Q57 จะเติบโตสูง yoy และ qoq พร้อมทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสได้ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา
b)จุดเด่นของ BEAUTY อยู่ที่การเติบโต และเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 65% และบริษัทมีศักยภาพในการเติบโต เนื่องจาก
I.ตราสินค้า (Brand) แข็งแกร่งจะส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นทั้งใน และต่างประเทศ
II.ธุรกิจเครื่องสำอางค์กลายเป็น 1 ในปัจจัย 4 เป็นสินค้าที่มีการใช้ซ้ำ และปัจจุบันกลุ่มลูกค้ามีความหลากหลายมากขึ้นไม่จำกัดเฉพาะลูกค้าผู้หญิง
III.แผนการขยายสาขาต่อเนื่อง และโอกาสในตลาดรอบบ้าน ได้แก่ กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม (CLMV)
c)คาดกำไรสุทธิปี 2557 เติบโต +32.4% yoy เป็น 280 ล้านบาท และต่อเนื่อง +35.7% yoy เป็น 380 ล้านบาท ในปี 2558 เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มค้าปลีก จาก SSSG ที่เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี และการเปิดสาขาต่อเนื่องปีละ 65 สาขา
d)ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash และ ROE จะเร่งตัวขึ้นจาก 26.2% ในปี 2557 เป็น 33.2% ในปี 2558 และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยเกือบ 4% ต่อปี
2.BTS : ราคาปิด 10.20 บาท ราคาเหมาะสม 11.40 บาท
a)BTS มีมติบอร์ดในวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่ออนุมัติขาย 2 บริษัทย่อยให้กับ NPARK ได้แก่ บีทีเอส แอสเสทส์ เจ้าของโรงแรม อีสติน แกรนด์ สาทร, ที่ดินบริเวณถนนพหลโยธิน และบจ.ก้ามกุ้ง พร็อพเพอร์ตี้ เจ้าของที่ดินบริเวณพญาไท โดยที่ดินทั้ง 2 แปลงรวมกันประมาณ 18 ไร่
b)เพื่อแลกกับผลตอบแทนจาก NPARK ได้แก่
1.หุ้นสามัญ (PP) จำนวนไม่เกิน 2.13 แสนล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นใน NPARK ราว 37%
2.ใบแสดงสำคัญสิทธิ (Warrant) ในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญต่อ 1 Warrant โดยไมคิดมูลค่า และมีราคาใช้สิทธิที่ 0.047 บาท
3.และอาจได้รับเงินอีกส่วนหนึ่งเป็นเงินสด หากมีความเหมาะสมและขึ้นอยู่กับการเจรจาตกลง
c)MBKET มีมุมมองเชิงบวกต่อการขาย Asset ดังกล่าว และเบื้องต้นคาดว่า BTS จะบันทึกกำไรพิเศษจากการขาย Asset ดังกล่าวราว 2.5 พันล้านบาท (หลังภาษี)
d)และเป็นบวกต่อราคาเหมาะสมโดยวิธี Sum of the part เนื่องจากเป็นการ Unlock Asset Value โดยตรง จากเดิมที่ตลาดให้มูลค่าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ BTS ใกล้เคียงมูลค่าทางบัญชี ดังนั้น การขายสินทรัพย์ออก และเปลี่ยนมาถือหุ้นใน NPARK จะส่งผลบวกเนื่องจากสามารถสะท้อนผ่านมูลค่าโดยอิงราคาตลาดของหุ้น NPARK ได้โดยตรง

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานการประชุมเฟดในเดือนก.ย.

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 12 อีก US$313 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$348 ล้าน

ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -5.6 -117.9 10,749.9 9,188.0
KOSPI -174.3 -228.5 7,140.6 4,875.1
JSE 8.5 -7.8 4,002.5 -1,806.4
PSE -135.6 Closed 1,144.2 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -1.1 0.2 212.9 263.2
SET INDEX -4.4 5.6 -95.6 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคง Short สุทธิใน SET50 Index Futures หนาแน่นเป็นวันที่ 4
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -145 +184
SET50 Index Futures (สัญญา) -7,953 -5,528
SSF (สัญญา) -12,398 -10,921
Metal Futures (สัญญา) +1,352 -926
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -248 -3,427

นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่ก็เพียง 145 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4,863 ล้านบาท
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติคงการ Short ใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 มากถึง 7,953 สัญญา รวม 4 วันทำการ Short สุทธิมากถึง 30,495 สัญญา กดดันให้ S50Z14 กลับมาปิดต่ำกว่า SET50 Index มากถึง 3.67 สัญญา เทียบกับวันก่อนหน้าที่ Premium ราว 1.38 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 7 เหลือเพียง 248 ล้านบาท รวม 7 วันทำการ ขายสุทธิ 15,674 ล้านบาท แม้ว่าราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย ขยับขึ้นอีกเล็กน้อย โดยพันธบัตรอายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงอีก 1.63bps ปิดที่ 3.427%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 1,202 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 591 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 194.97 14.60% 365.93
KBANK 160.51 9.91% 224.31
TRUE 128.96 3.47% 10.83
ADVANC 85.22 10.44% 221.11
SCC 50.78 6.12% 438.12

NVDR กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง เน้นลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง 493 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 661 ล้านบาท โดยกลุ่มธนาคารยังคงเป็นเป้าหมายของการลดน้ำหนักการลงทุนต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนผ่าน NVDR ได้ดังนี้
1.ด้านกลุ่มธนาคารขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 9 อีก 531 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 636 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 202 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 26 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิ 101 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มอาหาร ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 327 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 84 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
TUF 324.20 29.78 BBL -428.30 15.64
PTT 139.83 12.26 BTS -178.91 7.66
TRUE 71.20 3.10 ADVANC -129.85 16.62
QH 62.13 32.97 TMB -115.13 15.95
KTB 39.76 8.69 SCC -104.38 17.36

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!