WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.กรุงศรี : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้
ขายระยะสั้น
  ตลาดหุ้นเอเซียปรับขึ้นลงไร้ทิศทางวานนี้ ขณะที่SET รีบาวด์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 และขึ้นสวนทางกับตลาดกลุ่ม TIPs ปิดตลาดที่ 1556.53 จุด (+8.64 จุด, +0.56%) ขึ้นสูงสุดเป็นกลุ่มขนส่ง (+2.5%) สื่อสาร (+2.3%) และยานยนต์ (+1.8%) และลดลงได้แก่กลุ่มพลังงาน วัสดุฯ เกษตร มีเดียส์ และโรงพยาบาล มูล ค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 51,139 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น 2,321 ล้านบาทต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 (เดือนต.ค.ขายสุทธิ 1.72 หมื่นล้านบาท, ทั้งปีขายสุทธิ 2.1 หมื่นล้านบาท) และกองทุนซื้อสุทธิต่อเนื่องวันที่ 4 อีก 2,327 ล้านบาท (เดือนต.ค.ซื้อสุทธิ 8.8 พันล้านบาท, และทั้งปีซื้อสุทธิ 4.03 หมื่นล้านบาท)

ปัจจัยการลงทุนวันนี้
  จีนรายงานบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนมีผลกำไรในเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น +0.4%YoY หรือ5.63แสนล้านหยวน(US$9.236 หมื่นล้าน) เทียบกับลดลง -0.6%MoM และงวด 9 เดือนแรกปีนี้มีผลกำไรรวม 4.37 ล้านล้านหยวน +7.9%YoY
  ธปท. รายงานข้อมูลหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินทั้งระบบ ณ สิ้นไตรมาส 3 มียอดคงค้างทั้งสิ้น 2.90 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.52% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 1.09 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 3.93% เทียบกับไตรมาส 2 ธปท.กำลังจับตาปัญหาหนี้ครัวเรือนจากสิ้นสุดไตรมาส 2/57 สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นเป็น 83% แต่ยังคงยืนยันว่ายังไม่สร้างกังวลมากเกินไปเพราะเป็นการเติบโตเริ่มทยอยลงจากกลางปี 56 และยังไม่เห็นสัญญาณคุณภาพสิน เชื่อจะมีปัญหา
  ก.คลังยังเชื่อมั่นว่าจีดีพีไทยขยายตัวได้เกิน 1.5% ในปีนี้ แม้ว่าการส่งออกของไทยปีนี้จะไม่ขยายตัว หรืออาจจะขยายตัวติดลบ เพราะจะได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ในขณะนี้ก็ขยายตัวได้ดีสะท้อนภาพการ ขยายตัวได้ดีขึ้นแล้ว รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ประมาณเดือน ธ.ค.57 ซึ่งจะมีทั้งมาตรการกระตุ้นให้เศรษฐกิจปีหน้าวันที่ 30 ต.ค.นี้ สศค.จะพิจารณาปรับตัวเลขจีดีพี และตัวเลขทางเศรษฐกิจทั้งหมด คาดว่าจะมีการปรับลดจีดีพีไม่ถึง 2% หรือในช่วงคาดการณ์ 1.5-2.5% จากคาดการณ์เดิมที่ 2%

  เข้าสู่วันที่ 2 การประชุม FOMC ตลาดหุ้นดาวน์โจนส์และยุโรปปรับตัวขึ้นวานนี้รวมถึงภูมิภาคเช้านี้ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังอยู่ฝั่งขายสุทธิจากตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง เรายังคงประเมินหาก SET ปรับตัวขึ้นต่อมีโอกาสจะพบกับแรงขายและตลาดมีเสี่ยงทางลงมากขึ้น SET กำลังเข้าซื้อขายพรีเมี่ยมสูงถึง Prospective P/E 18 เท่าหรือ 1560 จุดซึ่งเป็นทั้งแนวต้านสำคัญระยะสั้นทางปัจจัยเชิงเทคนิค แนะนำขายเพื่อระยะสั้น (หุ้นขายเชิงเทคนิค: KTB, BMCL, AOT)

แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง
ลดพอร์ตหุ้นลงเหลือ 10%

  เราถือครองหุ้นเหลือ 10% และถือเงินสด 90% โดยจำนวนหุ้นที่ถือครองอยู่ 2 บริษัทคือ HMPRO, และ ADVANC

  Accumulate : -- รอสะสมหุ้น

  Trading : เลือกซื้อหุ้นเก็งกำไรเหนือ 1555 จุด ต่ำกว่า รอ

  เปรียบเทียบดัชนี

  สถานะพอร์ตจำลอง (เริ่มวันที่ 25 พ.ย. 56)
  พอร์ตหุ้น 10% ถือเงินสด 90%

ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (30%) = +0.6%
ผลตอบแทนถือเงินสด (70%) = +1.8%
ผลตอบแทนรวม (100%) = +2.4%
ผลตอบแทนตลาด SET = +15.1%

  พอร์ตลงทุน KSS ได้รับรู้กำไรจากการลดพอร์ต 5 ครั้งในวันที่ 2 ก.ย. ลดจาก 70% เหลือ 60% (ส่วนต่างขาดทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก -0.7%)
  วันที่ 5 ก.ย. จาก 60% เหลือ 50% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +3.3%)
  วันที่ 16 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 50% เหลือ 30% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +5.9%)
  วันที่ 24 ก.ย. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 30% เหลือ 20% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก +1.7%)
  วันที่ 15 ต.ค. ขายหุ้นลดพอร์ตจาก 200% เหลือ 10% (ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 0%)
  รวมการรับรู้ส่วนต่างกำไรเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากการลดพอร์ต 4 ครั้งคิดเป็น +10.2%

Analysts :
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!