WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,565 จุด
      คาด SET INDEX ใน 1-2 วันนี้ เผชิญกับแรงขายทำกำไรมากขึ้น ด่านสำคัญ 1,570 จุด ยังไม่น่าปิดยืนเหนือได้ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้
     จับตาหุ้นขนาดเล็ก อาจเกิดการพักฐานช่วงสั้น อาจส่งผลต่อบรรยากาศเก็งกำไรโดยรวมในตลาดหุ้นไทย
หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง อย่าง BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI ยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจ หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
     กลยุทธ์การลงทุน รอกลับเข้าสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นย่อตัวในช่วง 1-2 วันนี้ ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ปิดบวกโดดเด่น สอดคล้องกับ DJIA คืนวันก่อนหน้าที่ปิดยืนเหนือ 17,000 จุด รวมถึงการเก็งกำไรต่อการประชุมเฟดในคืนวันที่ 29 ต.ค.นี้
     ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX เปิดทะลุ 1,560 จุด ขึ้นไปแกว่งแคบบริเวณ 1,565 จุด +/- นำโดย SCB บวกโดดเด่น และเป็นที่น่าสังเกตว่า การปรับตัวขึ้นของ SET INDEX วานนี้เป็นการกระจายตัวไปยังหุ้นหลักหลายตัว ขณะที่ขนาดเล็ก เริ่มเห็นการปรับพอร์ตมากขึ้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเป็นวันที่ 5 อีก 6.14 จุด มาอยู่ที่ 1,562.67 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 51,148 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกดีสุด ได้แก่ กลุ่ม Professional +4.46%, กลุ่มปิโตรเคมี +2.43% และกลุ่ม IMM +2.42% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +0.61%, กลุ่มอสังหาฯ +0.60% และกลุ่มพลังงาน +0.24%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
     ตลาดหุ้นเอเชีย (7.18 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวกต่อเนื่อง ขณะที่ Kospi เปิดย่อตัวลงเล็กน้อย หลังผลการประชุมเฟดคืนวานนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาด
      เราคงมุมมองต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็ฯ “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 3 หลัง SET INDEX วานนี้ปิดยืนเหนือ 1,560 จุด แต่อย่างไรก็ตาม ด่านสำคัญ 1,570 จุด เราเชื่อว่าจะยังไม่น่าผ่านในช่วง 1-2 วันนี้ หลัง SET INDEX ฟื้นตัวราว 50% จากระลอกการปรับฐานครั้งนี้ SET INDEX ควรพักฐานช่วงสั้นๆ แต่แน่นอนว่า Downside risk ของ SET INDEX จำกัดมากยิ่งขึ้น แนว 1,550 จุด +/- จะกลายเป็นแนวรับที่สำคัญในรอบการพักฐานรอบสั้นครั้งนี้ และเป็นการพักฐานเพื่อขึ้นต่อในช่วงที่เหลือของปีนี้
      ทั้งนี้ เราให้จับตาการเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดเล็ก ที่มีการเก็งกำไรอย่างหนาแน่นตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา อาจเข้าสู่ช่วงการพักฐาน / ปรับพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากเป็นไปตามที่เราประเมิน จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมของตลาดหุ้นไทย ให้ฉีกออกจากตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภาพรวม SET INDEX มีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,580-1,600 จุด อาจเห็นในสัปดาห์หน้า เนื่องจาก
     •การประชุม ECB ในวันที่ 6 พ.ย. ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจในเยอรมัน และภาพรวมในอียู ส่งสัญญาณสูญเสียโมเมนตัม การเติบโต อย่างเห็นได้ชัด อาจทำให้ ECB ต้องตัดสินใจเพิ่มมาตรการเข้ากระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและนอก กลุ่มอียู
•เม็ดเงินทุนต่างชาติ ต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังสิ้นสุดโรดโชว์ที่ สหรัฐฯ ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ จับตาหุ้นหลัก / Big Cap ของตลาดหุ้นไทย น่าจะเป็นเป้าหมายของการลงทุน
•เม็ดเงินใหม่จากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ที่รอการปิดการขาย
oUBOAM 3+3 #9 ทริกเกอร์ฟันด์ ออกขาย IPO วันที่ 29-31 ต.ค. วงเงิน 3.0 พันล้านบาท
oMFC กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นยุโรป สิ้นสุดการขาย IPO วันที่ 4 พ.ย. วงเงิน 2.0 พันล้านบาท
      ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้ “นักลงทุนรอทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายอีกครั้ง หากราคาหุ้นเป้าหมาย เกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เพราะภาพ SET INDEX พักฐานเพียงช่วงสั้นๆ เพื่อขึ้นต่อในช่วงที่เหลือของปีนี้

 

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ผลการประชุมเฟดวานนี้ตามคาด:
•ยุติโครงการ QE พร้อมยืนยันนำผลตอบแทนจากตราสารหนี้ที่เฟดถืออยู่มาลงทุนต่อเนื่องเช่นเดิม
•คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
•ตลาดการจ้างงานปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ
ผลการประชุมเฟดเป็นไปตามที่เราและตลาดคาดการณ์ ดังนั้นการเกิดแรงขายเพื่อสะท้อนผลที่แท้จริง (Sell on Fact) ในตลาดหุ้นทั่วโลก ย่อมเป็นไปได้ในวันนี้
2.จับตาการปราศรัยของประธานเฟดคืนนี้: ประเด็นที่น่าสนใจติดตามได้แก่
•มุมมองตลาดการจ้างงานในสหรัฐฯ กับภาพรวมเศรษฐกิจ หลังสิ้นสุดโครงการ QE
•ทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่เฟดส่งสัญญาณชะลอตัวลงอีกในช่วงสั้น จากราคาน้ำมันที่ลดลง จะมีน้ำหนักต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของเฟดต่อจากนี้ไปหรือไม่
•มุมมองต่อเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เศรษฐกิจในอียู
3.ติดตามการเยือนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรี: วันที่ 30-31 ต.ค.นี้ นายกฯ เยือนกัมพูชา เพื่อหารือประเด็นด้านเศรษฐกิจและสังคมการท่องเที่ยว ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจหากมีการเจรจาหารือได้แก่
•การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยระหว่าง ไทย และ กัมพูชา จะมีข้อตกลงอย่างไร เพื่อเปิดทางนำไปสู่การเปิดสัมปทานปิโตรเลียม
•การเจรจาซื้อไฟฟ้าจากกัมพูชา หากกัมพูชาตัดสินใจสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ จากถ่านหิน

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.04 13.73 15.96 13.66
PSE 19.93 17.22 19.85 17.14
JSE 16.54 14.13 16.25 13.87
KOSPI 12.46 10.38 12.20 10.17
TAIEX 14.11 12.93 13.91 12.74
Straits Time 14.17 13.08 14.12 13.03
SHCOMP 9.54 8.49 9.39 8.35
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.ITD : ราคาปิด 5.65 บาท ราคาเหมาะสม 7.00 บาท
a)MBKET คาดว่าราคาหุ้น ITD จะ Outperform ตลาดได้ใน 4Q57 จากความคืบหน้าของโครงการทวาย และคาดว่าบริษัทจะได้สิทธิสัมปทาน 75 ปี เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมพื้นที่ 35 ตรม. รวมทั้งระบบสาธารณูปโภค ได้แก่ ท่าเรือ, โรงไฟฟ้า, ระบบขนส่ง และระบบโทรคมนาคม
b)โดยคาดว่ารัฐบาบเมียนมาร์จะมีการลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ ITD ในการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 25 ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ย. ที่กรุงเนปิดอว์
c)ราคาหุ้นยัง Laggard หุ้นกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่ โดย YTD หุ้น ITD +45% น้อยกว่า STEC +96% และ CK +71%
d)คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในปี 2558 เนื่องจากมีปัจจัยบวกรออยู่คือการประมูลงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้ารางคู่ 2 เส้นทาง และรถไฟฟ้าอย่างน้อย 4 เส้นทาง
2.SCB : ราคาปิด 176.50 บาท ราคาเหมาะสม 220.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคาร จะได้อานิสงค์บวกจากการไหลเข้าของเม็ดเงินต่างชาติ หลังสิ้นสุดการไป Roadshow ของตลท. ที่สหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 27-31 ต.ค.
b)เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงโดยตรงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่เริ่มเห็นสัญญาณบวกมากขึ้น หลังตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย.กลับมาขยายตัว yoy และดีกว่าคาดการณ์ของตลาด ดังนั้น เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนุนสินเชื่อ Corporate ให้ขยายตัวโดดเด่นใน 4Q57
c)Valuation น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับ KBANK ที่มีขนาดสินทรัพย์ใกล้เคียงกัน โดย YTD ราคาหุ้น SCB ปรับตัวขึ้นเพียง +23% เทียบกับ KBANK +52.5% และน้อยกว่า SETBANK +31.9%
d)และ SCB ซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 10.1 เท่า และ PBV 2558 ที่ 1.8 เท่า ถูกกว่า KBANK ที่ 11.1 เท่า และ 1.9 เท่าตามลำดับ

What will DJIA move tonight? คืนนี้ติดตามการปราศรัยของประธานเฟด

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$587 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$238 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 320.7 422.2 10,716.1 9,188.0
KOSPI 76.8 -114.3 5,850.6 4,875.1
JSE 158.6 -52.7 3,917.3 -1,806.4
PSE -4.5 -0.4 769.9 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 5.2 1.6 161.8 263.2
SET INDEX 30.2 -71.6 -586.5 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดอีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +980 -2,321
SET50 Index Futures (สัญญา) +14,607 +7,582
SSF (สัญญา) -42 +214
Metal Futures (สัญญา) +464 +1
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +3,749 +3,199

นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 980 ล้านบาท เทียบกับตลอด 3 วันทำการก่อนหน้า ขายสุทธิ 6,428 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเหลือ 20,791 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 14,607 สัญญา รวม 4 วันทำการ Long สุทธิทั้งสิ้น 23,715 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ หมดลง ส่งผลให้ S50Z14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 3.09 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 1.93 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 3,749 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 6,948 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลง อายุ 10 ปีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอีก 2.14bps ปิดที่ 3.257%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 541 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 344 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
ADVANC 101.64 4.74% 239.31
TRUE 98.29 5.72% 11.55
BMCL 76.71 5.60% 1.97
PTT 76.17 6.38% 355.26
AOT 28.81 7.76% 240.64


NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิ โดยเน้นสะสม ICT และลดน้ำหนักในกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาซื้อสุทธิ 995 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 405 ล้านบาท เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มธนาคารยังคงเป็นเป้าหมายของการลดน้ำหนักต่อเนื่อง อาจเป็นเพราะช่วงสั้นขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุนในกลุ่มนี้ ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 249 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 329 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 45 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 มากถึง 791 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 155 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสทุธิ 213 ล้านบาท และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 80 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ
(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ
(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
INTUCH 455.35 20.94 BBL -505.99 28.87
ADVANC 416.05 17.14 DTAC -100.54 18.14
PTTGC 224.52 19.18 PTTEP -59.38 25.06
SCB 121.52 9.48 AMATA -58.04 34.04
KTB 111.98 19.41 AOT -50.33 11.67

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!