WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ 1,570 +/-
     ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งในกรอบแคบ ปิดลบเล็กน้อย 4.98 จุด มาอยู่ที่ 1,579.18 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,759 ล้านบาท
    กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงเป็นกลางในมุมมองของเรา นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เพียง 108 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 7 อีก 6,387 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ในช่วงเดือนต.ค.หมดแล้ว ขณะที่ตลาดตราสารหนี้เป็นการขายสุทธิวันที่ 2 เพียง 109 ล้านบาท
     ภาวะการลงทุนในวันนี้ เราคาด SET INDEX มีโอกาสซึมตัวลงทดสอบแนว 1,570 จุด +/- เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ อีกทั้งกระแสเงินทุนต่างชาติไม่ชัดเจน นักลงทุนในประเทศรอทยอยซื้อหุ้นเป้าหมายกลับในด้านล่าง บริเวณ 1,570 / 1,560 จุดตามลำดับ เพื่อให้ได้ Gap ที่ขายไปก่อนหน้านี้ สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ประเมิน Downside risk ของ SET INDEX ในรอบนี้จำกัด ปัจจัยบวกที่รออยู่คือ การประชุม ECB ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ ECB จะตัดสินใจเพิ่มพันธบัตรเข้าไปในการซื้อสินทรัพย์รอบนี้หรือไม่ หากเพิ่ม จะกลายเป็นปัจจัยบวกผลักดันตลาดหุ้นทั่วโลก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าในอัตราเร่ง กดดันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งจะเป็นบวกต่อเศรษฐกิจในเอเชียทางอ้อม
      ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็น กลางถึงบวก จากสัญญาณเศรษฐกิจเดือนก.ย.ที่ฟื้นตัวในระดับอ่อนๆ อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.ลดลงต่อเนื่อง เปิดทางให้ กนง. พิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2.0% ได้จนถึงต้นปีหน้า ผลการดำเนินงานของบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นไทยออกมาเท่ากับหรือดีกว่าคาดเล็กน้อย เป็นตัวแปรจำกัด Downside risk เช่นกัน
      กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายกลับบริเวณ 1,570 / 1,560 จุด ตามลำดับ” โดยมีระยะหวังผลรอบใหม่ราว 30-40 จุด

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” PCA และ “ทยอยสะสม” KTB
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEUATY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: PCA
Accumulative Buy: KTB

Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดย่อตัว หลุด 1,580 จุดเล็กน้อย

SET INDEX วันนี้แกว่งซึมตัวลง แนวรับ 1,570/ 1,560 จุด ในช่วงสั้น จะทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง
ติดตามกระแสเงินทุนต่างชาติในช่วงสั้นนี้ เพื่อประเมินภาพรวม

หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง อย่าง BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI ยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจ หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
กลยุทธ์การลงทุน สะสมหุ้นเป้าหมาย 1,570 จุดและ 1,560 จุดตามลำดับ ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ปิดบวก – ลบ สลับกันไปไม่โดดเด่นในตลาดใด ตลาดหนึ่ง ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของจีนชะลอตัว
ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX เปิดบวกขึ้นไปทดสอบแนว 1,590 จุด แต่ก็เผชิญกับแรงขายทำกำไรมากยิ่งขึ้น แม้ว่า SCB / INTUCH จะช่วยประคอง SET INDEX ในภาพรวมก็ตาม แต่ SET INDEX ที่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรมากขึ้น เมื่อ SET INDEX ไม่สามารถยืนเหนือ 1,590 จุดได้ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,579.18 จุด ลบเป็นวันแรกในรอบ 8 วันทำการ 4.98 จุด มูลค่าการซื้อขายมากถึง 56,759 ล้านบาท
กลุ่มที่ยังปิดบวกดีสุด ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +1.14%, กลุ่ม Home +1.03% และกลุ่ม IMM +0.68% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +0.27%, กลุ่มอสังหาฯ -1.32% และกลุ่ม ICT -0.80%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.45 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวกเด่นถึง 3.34% คาดเป็นผลต่อเนื่องจากการประชุม BoJ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ Kospi เปิดย่อตัวลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เราคงมุมมองต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 6 หลัง SET INDEX ขึ้นไปทดสอบ 1,590 จุด และเกิดแรงขายทำกำไร ปิดต่ำกว่า 1,580 จุดเล็กน้อยวานนี้ ตามที่เราประเมินไว้ แนวโน้ม SET INDEX จะยังซึมตัวลงในช่วง 1-2 วันทำการก่อนการประชุม ECB แนวรับ 1,570 / 1,560 จุด จะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่งในความเห็นของเรา
ทั้งนี้ติดตามกระแสเงินทุนต่างชาติเป็นสำคัญในช่วงสั้น หลังนักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่เป็นไปอย่างเบาบาง ขณะที่ Long สุทธิใน SET50 Index Futures ตลอด 7 วันทำการ รวม xxx สัญญา เราเชื่อว่าเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ระหว่างเดือนต.ค. เสร็จสิ้นลงแล้ว ดังนั้น การตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติจากนี้ไปจึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
•หากนักลงทุนต่างชาติกลับมาปรับพอร์ตการลงทุน และเลือกเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ย่อมเป็นปัจจัยบวกที่ผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นทดสอบและปิดยืนเหนือ 1,600 จุดในเดือนพ.ย.ได้ไม่ยาก แน่นอนว่า หุ้นหลักในกลุ่ม domestic play จะเป็นเป้าหมายของการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร / ICT / ที่อยู่อาศัย / ท่องเที่ยว ที่ได้อานิสงค์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและเติบโตเด่นต่อเนื่องในปีหน้า
•แต่หากนักลงทุนต่างชาติ คงมุมมองต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นกลาง เน้นเลือกการลงทุนเป็นรายตัว ที่มีประเด็นบวกเฉพาะด้าน แรงผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นทดสอบ และปิดยืนเหนือ 1,600 จุด ภายในเดือนนี้ ต้องขึ้นอยู่กับ เม็ดเงินภายในประเทศ และ LTF เป็นสำคัญ ในมุมมองของเรา
ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมในสัปดาห์นี้ ดูเหมือนจะเอื้อให้ SET INDEX ที่ซึมตัวลงใน 1-2 วันนี้ จะฟื้นตัวกลับขึ้นทดสอบกรอบ 1,580-1,600 จุดได้ นั่นคือ
•การประชุม ECB ในวันที่ 6 พ.ย. ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจในเยอรมัน และภาพรวมในอียู ส่งสัญญาณสูญเสียโมเมนตัม การเติบโต อย่างเห็นได้ชัด อาจทำให้ ECB ต้องตัดสินใจเพิ่มมาตรการเข้ากระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและนอก กลุ่มอียู
•เม็ดเงินใหม่จากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ คาดเริ่มทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วานนี้
oUBOAM 3+3 #9 ทริกเกอร์ฟันด์ วงเงิน 3.0 พันล้านบาท ปิดการขาย IPO วันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา
oMFC กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นยุโรป สิ้นสุดการขาย IPO วันนี้ วงเงิน 2.0 พันล้านบาท
•การเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 3Q57 ของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย ต่อเนื่องจนถึงกลางเดือนพ.ย.
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายรอบแรกบริเวณ 1,570 จุด และ 1,560 จุด ตามลำดับ” เพราะการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยในรอบนี้ จะเป็นไปอย่างจำกัด แนวรับ 1,550 จุด จะทำงานได้อย่างแข็งแกร่งในมุมมองของเรา
ทั้งนี้หากเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ เราแนะนำ “เข้าเก็งกำไรหุ้น Big Cap ในกลุ่ม ธนาคาร (KBANK / KTB), กลุ่ม ICT (ADVANC / TRUE), กลุ่มอสังหาฯ (SPALI / LPN) เป็นต้น

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.เงินเฟ้อไทยเดือนต.ค.ต่ำกว่าคาด: เพิ่มขึ้นเพียง 1.48% yoy ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.75% yoy และต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดการณ์ 1.60% yoy
MBKET มีความเห็นเป็นกลางถึงบวก และแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อไทยจะอยู่ในระดับต่ำต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ยังทรงตัวในระดับต่ำ จากแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และ การลดราคาขายของผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก อย่างซาอุดิอาราเบีย ย่อมทำให้ กนง. จะสามารถคงอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2.0% ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวแบบอ่อนๆ
2.กลุ่มพลังงานมีแนวโน้มปรับฐานลง แต่กลุ่ม Domestic Play กลับแข็งแกร่ง: ผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง และในอัตราเร่ง จากผลกระทบของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่า เทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ และการลดราคาน้ำมันดิบของซาอุดิอาราเบีย ส่งผลให้
•กลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้น PTTEP และหุ้นโรงกลั่น จะได้รับผลกระทบจากราคาจำหน่ายที่ลดลง รวมถึงสร้างความเสี่ยงต่อการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันดิบได้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ของกลุ่มโรงกลั่น โดยปกติ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะฟื้นตัวตามผลฤดูกาลของอากาศที่หนาวเย็น
•กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค / ลงทุน ภายในประเทศจะฟื้นตัว จากประเด็นดังกล่าว จับตากลุ่มธนาคาร / กลุ่มที่อยู่อาศัย / กลุ่ม ICT จะทรงตัวถึงขยับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง
3.Money Game ระหว่างธนาคารกลางสำคัญของโลก เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง:
•BoJ เพิ่มเป้าหมายปริมาณเงินในระบบขึ้นเป็น Yen80 ล้านล้าน/ปี ในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา
•ECB เข้าซื้อ Covered bond ในสัปดาห์ที่ 2 สูงถึง 3.075 พันล้านยูโร เทียบกับสัปดาห์แรกของการเข้าซื้อที่ 1.704 พันล้านยูโร
•FED ยุติโครงการ QE และแนวโน้มจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า
MBKET ให้ความเห็นเป็นกลางถึงบวก เพราะด้วยปริมาณเงินที่ล้นในระบบการเงินโลกในปัจจุบัน ทำให้นักลงทุน / hedge fund ยังสามารถหาโอกาสของการเข้าเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง จากส่วนต่างของนโยบายการเงินในธนาคารกลางที่สำคัญของโลก การทำ Carry Trade ในสกุลเงินเยนญี่ปุ่น และเงินยูโร จะช่วยจำกัด Downside risk ของตลาดหุ้นทั่วโลกในรอบสั้น เพราะเชื่อว่าเฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ ยากมากขึ้น จากส่วนต่างของนโยบายการเงินระหว่างธนาคารกลางโลกที่สำคัญ
4.มาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจรอบ 2 ของไทยยังมีความขัดแย้ง: วานนี้
•รองนายกฯ เชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 4.0% จึงไม่มีความจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2
•ขณะที่ รมว.คลัง กลับยืนยันว่าอยู่ระหว่างการจัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 คาดว่าจะเสนอต่อ ครม.เพื่อพิจารณาได้ภายในสิ้นเดือนพ.ย. และเริ่มดำเนินการในต้นเดือนธ.ค. จึงเป็น

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.29 13.96 16.28 13.95
PSE 20.53 17.74 20.96 17.51
JSE 16.51 14.12 16.51 14.11
KOSPI 12.66 10.49 12.58 10.51
TAIEX 14.20 13.02 14.17 12.99
Straits Time 14.31 13.24 14.30 13.24
SHCOMP 9.84 8.76 9.79 8.71
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.KTB : ราคาปิด 23.30 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะได้อานิสงค์บวกจากเงินทุนต่างชาติที่มีแนวโน้มไหลกลับเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย
b)ทิศทางสินเชื่อ 4Q57 จะเติบโตสูง และคาดว่าจะทำใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีของผู้บริหารที่ 6-8% (9M57 เติบโต +6.3% YTD) จากแรงหนุนของการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
c)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.3 เท่า ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK 1.87x, SCB 1.93x และ BAY 1.99x
d)ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.31% และโดดเด่นกว่าธนาคารใหญ่ในกลุ่มเนื่องจาก KTB จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง ขณะที่ธนาคารใหญ่ที่เหลือได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1H57 แล้วส่วนนึง
และ “ซื้อเก็งกำไร”
2.PCA : ราคาปิด 7.45 บาท ราคาเหมาะสม 14.50 บาท
a)ราคาหุ้นรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลง 8.02% เทียบกับ MAI +4.27% และ SET INDEX +2.02% ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของ PCA ยังคงแข็งแกร่ง
b)MBKET ประมาณการผลการดำเนินงานใน 3Q57 ของ PCA ทำกำไรได้ราว 28 ล้านบาท เติบโต 100% qoq และสูงกว่า 1H57 กำไรสุทธิ 27 ล้านบาทเท่านั้น จากปัจจัยทางการเมืองที่กลับสู่ระดับปกติ ทำให้การส่งมอบงานกลับมาอยู่ในระดับปกติอีกครั้ง
c)แนวโน้มปี 2557 เราคาดกำไรของ PCA จะเติบโต 93% yoy เป็น 94 ล้านบาท จากยอดขายกล่อง STB จำนวน 1 แสนกล่อง และแนวโน้ม PCA จะยังสามารถรักษาระดับการเติบโตของธุรกิจได้ต่อเนื่องไปในปี 2558 เราคาดกำไรสุทธิขยายตัว 78% yoy เป็น 168 ล้านบาท จากยอดขาย STB และเสาอากาศ ซึ่ง PCA เป็น 1 ใน 3 รายที่สามารถผลิตเสาอากาศรับสัญญาณทีวีดิจิตอลได้
d)ราคา ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER15 ที่ 11.12x คิดเป็น PEG ต่ำเพียง 0.14x เท่านั้น ขณะที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลงวดปี 2557 เท่ากับ 4.56%

What will DJIA move tonight? ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ คำสั่งซื้อโรงงาน และ ดุลการค้า

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก US$278 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$317 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้
(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า
(US$ ล้าน) YTD
(US$ ล้าน) 2556
(US$ ล้าน)
TAIEX 264.2 272.2 11,460.7 9,188.0
KOSPI n.a n.a 6,097.0 4,875.1
JSE 18.6 27.0 3,984.9 -1,806.4
PSE -6.0 15.5 777.0 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 4.3 5.2 176.6 263.2
SET INDEX -3.3 -2.6 -588.4 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
คาดต่างชาติปิด Short ใน SET50 Index Futures หมดแล้ว
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -108 -86
SET50 Index Futures (สัญญา) +6,387 +9,564
SSF (สัญญา) -98 +74
Metal Futures (สัญญา) -508 -1,236
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -109 -524

นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เพียง 108 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิเพียง 194 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเท่ากับ 20,853 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 7 อีก 6,387 สัญญา รวม 7 วันทำการ Long สุทธิ 45,633 สัญญา น่าจะยังคงเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดระหว่างเดือนต.ค. หมดลง ส่งผลให้ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 1.52 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 1.68 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 2 เพียง 109 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 633 ล้านบาท แม้ว่าราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 2 มากถึง 8.42bps ปิดที่ 3.157%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 195 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 101.93 6.87% 365.72
KBANK 84.80 5.88% 235.11
ADVANC 71.76 4.69% 239.05
PTTEP 14.74 1.39% 146.08
JAS 14.65 1.76% 7.33

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 4 เป็นแบบ Basket orders
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 2,399 ล้านบาท รวม 4 วันทำการซื้อสุทธิ 5,960 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการซื้อกระจายไปตามกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทย อย่างเห็นได้ชัด ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 378 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 376 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 435 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 353 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 340 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 203 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม Home ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 69 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
SCB 496.18 27.35 KBANK -164.36 45.86
ADVANC 272.69 12.66 TCAP -70.70 35.60
AOT 237.38 33.03 THCOM -48.32 24.98
PTT 147.18 25.20 AMATA -48.19 26.67
CPALL 144.14 21.18 AJD -47.80 8.05

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!