WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“แกว่งไม่หลุด 1555 ยังมีลุ้น 1590-1600”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปิดลบ 4.98 จุด ที่ 1579.18 โดยเป็นการพักตัวหลังปรับขึ้นมาแรง แต่โมเมนตัมบวกยังไม่เสีย เพราะ SET Index ยังยืนเหนือเส้น SMA10 ได้ นักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.นำซื้อสุทธิ 4 พันล้านบาท และ 2 พันล้านบาท ตามลำดับส่วนต่างชาติซื้อ-ขายใกล้เคียงกัน ด้านรายย่อยยังคงขายสุทธิ

       สำหรับวันนี้ คาดว่าจะยังคงแกว่งตัว แต่การซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ และข่าวการเข้าซื้อกิจการ (M&A) คาดว่าจะช่วยพยุงตลาดไว้ ทั้งนี้ในระยะสั้นมองว่ายังไม่มี Asset Class ประเภทอื่นที่น่าสนใจลงทุนมากนัก ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน, ทองคำ หรือตลาดเงิน ดังนั้นเม็ดเงินยังน่าจะวนเวียนอยู่ในตลาดหุ้นเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในการเลือกลงทุนจะต้องใช้ความรอบคอบ และระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นมาแล้วพอสมควร สำหรับTheme การลงทุนในเดือนพ.ย.57 เป็นการทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดีที่มีแนวโน้มเติบโตแกร่งในปี 58 และหุ้นที่มี Stories ในทางบวก (ธุรกิจ Turnaround, มีการทำ M&A, ขยายกำลังการผลิต ฯลฯ) ซึ่งหลักทรัพย์ Top Picks ในเดือนพ.ย.57 คือ AOT, CK, PS, SCC, TUF ส่วนหลักทรัพย์ Dark Horse เป็นMINT, SCB สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำในวันนี้ คือ TUF

     การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดในระยะสั้นมากเป็นบวก โดยมีพื้นที่แนวต้าน 1590, 1600 การอ่อนตัวของ SET ต่ำกว่า 1555 ดูไม่ดี ควร Stoploss หรือลดพอร์ตตาม แต่หากอ่อนไม่มากก็ยังซื้อเก็งกำไร/ถือต่อได้

Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ยูโรโซน : ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนต.ค.ขยับขึ้นเป็น 50.6 ในเดือนต.ค. จาก 50.3 ในเดือนก.ย. แต่อ่อนลงจากตัวเลขเบื้องต้นที่ 50.7 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงเข้าใกล้ภาวะชะงักงัน
• สหรัฐ : ตัวเลข PMI ภาคการผลิตต.ค.ค่อนข้าง Mixed มาร์กิตรายงาน PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค.ลดลงแตะ 55.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จาก 57.5 ในเดือนก.ย. ส่วน ISM รายงานว่าดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.เพิ่มสู่ 59 จาก 56.6 ในเดือนก.ย.
- สหรัฐ : การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย.ลดลง 0.4% สู่ระดับ9.509 แสนล้านดอลลาร์ โดยปรับลงต่อเป็นเดือนที่ 2 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่าจะเพิ่ม 0.7%
• ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งแคบ โดย DJIA ลดลง 24.28 จุด NASDAQ เพิ่ม8.17 จุด S&P500 ลดลง 0.24 จุด หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังราคาน้ำมันดิบดิ่งต่อเนื่อง โดยมีข่าวว่าล่าสุดว่าการปิโตรเลียมซาอุดิอาระเบียปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ส่งออกให้กับสหรัฐ
- สัญญาน้ำมันดิบร่วงต่อ โดย WTI ส่งมอบธ.ค.ร่วง 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่78.78 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ดิ่ง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 84.78ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยกดดัน คือ การที่ซาอุฯส่งออกน้ำมันดิบให้สหรัฐในราคาที่ต่ำลง

• ราคาน้ำมันดิบยังมีโอกาสกลับไปที่ 100-110 US$/bbl ในระยะยาวราคาน้ำมันดิบยังซบเซาในช่วงนี้ที่มีอุปทานจาก Shale gas เข้ามาเพิ่มแต่ในระยะยาวยังมีโอกาสปรับขึ้นจากอุปสงค์น้ำมันดิบที่ขยายตัวตามการใช้พลังงานเพิ่มของประเทศที่มีประชากรจำนวนมากอย่าง จีน อินเดียอย่างไรก็ตาม ความ Bullish ของตลาดน้ำมันอาจจะไม่มากเหมือนในอดีต(BRENT สูงสุดที่ 147.5 US$/bbl) เพราะมีการใช้พลังงานจากธรรมชาติเช่น แสงอาทิตย์ ลม น้ำ เข้ามาทดแทนมากขึ้น แต่โอกาสที่จะดีดกลับไปที่100-110 US$/bbl หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวยังคงมีค่อนข้างสูง
• ราคาทองคำ : ลงเล็กน้อย...ลุ้นจะมีเด้งทางเทคนิค สัญญาทองคำCOMEX ส่งมอบธ.ค.ลดลงอีกเล็กน้อย 1.8 ดอลลาร์ หรือ 0.15% ปิดที่1,169.8 ดอลลาร์/ออนซ์

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
•/- ไทย : การบริโภคระดับกลาง-บนเริ่มฟื้น ส่วนรากหญ้ายังซบเซาธปท.เผยผลสำรวจมุมมองผู้ประกอบการไทยทั่วประเทศว่าแนวโน้มภาวะธุรกิจใน 4Q57 ดีขึ้น การบริโภคเริ่มฟื้นตามความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้มีรายได้ระดับกลาง-บนก่อน ส่วนกลุ่มรายได้น้อยยังไม่กลับสู่ภาวะปกติและต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และหนี้สินภาคครัวเรือนสูง) แนวโน้มส่งออกไปจีนชะลอตัวลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่วนผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์คาดว่าต้นทุนของธุรกิจจะเพิ่มขึ้น แต่การปรับราคาขายทำได้ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะที่พักอาศัยระดับกลาง-ล่าง

+ ผลักดันให้โรงงานเข้าสู่ระบบกำจัดขยะอย่างถูกต้อง...เป็นบวกกับBWG, GENCO นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่ากรอ.อยู่ในช่วงเร่งผลักดันโรงงานที่รับใบอนุญาต รง.4 เข้าสู่ระบบรายงานกากอุตสาหกรรมที่ออกจากโรงงานเพื่อไปสู่การกำจัดที่ถูกต้อง หลังพบว่าผู้ที่ได้รับใบอนุญาต รง.4 จำนวน 8 หมื่นแห่งทั่วประเทศ มีเพียง 1 หมื่นรายที่มาเข้าระบบรายงานกากอุตสาหกรรมที่นำออกจากโรงงานไปกำจัด และในจำนวนนี้มีประมาณ 6 พันรายที่มีกากที่เป็นของเสียอันตรายรวมอยู่ด้วยความเห็น DBS Retail Research : เราเชื่อว่าการกำจัดขยะโรงงานอุตสาหกรรมจะมีความเข้มงวดมากขึ้นนับจากนี้ไป เพราะเป็นประเด็นหนึ่งที่น่าจะอยู่ในการปฎิรูปด้านอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็จะเป็นอานิสงค์ทางบวกกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจกำจัดขยะครบวงจร ซึ่งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดฯ ได้แก่ BWG, GENCO เป็นต้น

• CHG เล็งขยายธุรกิจโรงพยาบาลใกล้นิคมอุตสาหกรรม เพราะมองว่านิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้นใหม่หลายที่ และมีผู้ต้องการใช้บริการโรงพยาบาลมากขึ้น จึงเห็นเป็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจเข้าไปในพื้นที่เหล่านี้โดยขณะนี้เล็งที่จะสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่ปราจีนบุรี และเจรจาเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม สำหรับแผนขยายเตียงผู้ป่วยจาก 414 เป็น 688 เตียงในปี60 เป็นไปตามแผน และเรายังคงคาดการณ์ EPS Growth เฉลี่ย 20% ต่อปีในช่วงปี 56-58 (ไม่รวม M&A ที่จะเกิดใหม่) แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน21.30 บาท อิงกับ DCF (WACC 9.4%, Terminal Growth 3.5%)

+ ROJNA : ซุ่มขายที่ดิน 1.4 พันไร่ให้ลูกค้ารายใหญ่ 2 ราย คาดว่าจะสรุปได้ภายใน 4Q57 นี้ สำหรับกำไร 3Q57 คาดว่าจะสดใสมาก เพราะโอนรับรู้รายได้ที่ดิน 1.6 พันไร่ที่ขายให้ Honda ในไตรมาสนี้ คาดกำไรไว้ที่ 583ล้านบาท (จาก 3Q56 ขาดทุน 120 ล้านบาท และ 2Q57 กำไร 49 ล้านบาท)บริษัทประกาศเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ที่ราคา 7.00บาท ขึ้น XD 7 พ.ย.57 วัตถุประสงค์หลักคือ ซื้อหุ้น TICON ในตลาดฯ เพิ่มสัดส่วนจากเดิม 26% เป็นสูงสุดไม่เกิน 49% ราคาซื้อไม่เกิน 22 บาทภายใน 1 ปี สำหรับ Dilution จากการเพิ่มทุนอยู่ที่ 20% ซึ่งไม่สูงมาก แต่จะได้ส่วนแบ่งกำไรจาก TICON เข้ามาเพิ่ม และมีเม็ดเงินลงทุนในนิคมฯแห่งใหม่ & สร้างโรงไฟฟ้า SPP3 ด้วย เรามองการเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นบวกกับบริษัทในระยะยาว แนะนำซื้อ ROJNA ให้ราคาพื้นฐาน 9 บาท อิงกับวิธีSum-of-parts
นักกลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค-arparporns@th.dbsvickers.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!