WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ MPC Meeting
      ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งในกรอบแคบ ปิดที่ 1,585.15 จุด บวก 5.97 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,502 ล้านบาท
      กระแสเงินทุนต่างชาติยังเป็นกลางในมุมมองของเรา แต่เริ่มน่าสนใจมากขึ้น กับการกลับมาซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง แม้ต่างชาติจะกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 271 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 8 อีก 2,150 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 888 ล้านบาท

      ปัจจัยเด่นในวันนี้คือ การประชุม กนง. เช้าวันนี้ MBKET และตลาดต่างคาดการณ์ กนง.จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00% และน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า ด้วยแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าของประเทศได้เช่นกัน รวมถึงเป็นกลางต่อตลาดหุ้นไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม
     ขณะที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่างรอดูผลการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้เป็นสำคัญ
     •หาก ECB คงประเภทสินทรัพย์เข้าซื้อ คาดตลาดหุ้นทั่วโลกอาจเกิด Sell on Fact
     •แต่หาก ECB ตัดสินใจเพิ่มการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลประเทศสมาชิก คาดตลาดหุ้นทั่วโลกจะตอบรับเชิงบวก แต่จะเป็นลบต่อราคาน้ำมันดิบ / ราคาทองคำ จากแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะแข็งค่าในอัตราเร่ง
      กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายที่ราคาหุ้นย่อตัวลง หรือ “เข้าเก็งกำไรหุ้น Laggard ที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q57 เติบโตโดดเด่น”

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” KTB และ “เก็งกำไร” AP
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Accumulative Buy: KTB
Speculative Buy: AP

Action and Stock of the Day
SET INDEX แกว่งแคบ 1,580 จุด+/-

SET INDEX วันนี้แกว่งแคบ รอผลประชุม ECB
หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง BEAUTY / IFEC / LPN / TTA เป็นหุ้นที่น่าสนใจ หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
กลยุทธ์การลงทุน ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ปิดบวก – ลบ สลับกัน เช่นเดียวกับวันก่อนหน้า ยกเว้น Nikkei ปิดบวกเด่น 2.73% หลังกองทุนบำเหน็จบำนาญ ญี่ปุ่น เตรียมเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX ไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,590 จุด แต่เผชิญกับแรงขายทำกำไรมากขึ้น อีกทั้งบรรยากาศรอบเอเชียไม่เอื้อเช่นกัน ส่งผลให้ SET INDEX ย่อตัวมาแกว่ง 1,580 จุด +/- ตลอดชั่วโมงการซื้อขาย และเป็นที่น่าสังเกตว่าหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารทรงตัวถึงขยับขึ้นเล็กน้อย ช่วยประคองภาพ SET INDEX ได้ทั้งวัน ปิด ณ สิ้นวันที่ 1,585.15 จุด บวก 5.97 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,502 ล้านบาท
กลุ่มที่ยังปิดบวกดีสุด ได้แก่ กลุ่มขนส่ง +1.27%, กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +1.23% และกลุ่มโรงพยาบาล +1.18% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +0.86%, กลุ่มอสังหาฯ +0.16% และกลุ่ม ICT +0.27%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.14 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดย่อตัวลงเล็กน้อย ส่วน Kospi เปิดบวกเล็กน้อย คาดว่านักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุม ECB ในเย็นวันพรุ่งนี้
เราคงมุมมองต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 7 พร้อมประเมินภาพ SET INDEX วันนี้จะยังแกว่งแคบ รอผลการประชุม ECB ในเย็นวันพรุ่งนี้ แนวต้าน 1,590 จุด จะยังเผชิญกับแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง เพียงแต่ Downside risk ของ SET INDEX ในช่วงสั้นยังคงจำกัดในความเห็นของเรา
อย่างไรก็ตาม กระแสเงินทุนต่างชาติเป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง แม้ว่าวานนี้ ต่างชาติจะซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดอย่างเบาบาง แต่ การ Long สุทธิใน SET50 Index Futures ตลอด 8 วันทำการ 47,773 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ระหว่างเดือนต.ค. และน่าจะเหลือกลับมาเป็นการ Long สุทธิแล้วเช่นกัน ดังนั้น
•หากทิศทางค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อาจเป็นสัญญาณของเงินทุนต่างชาติไหลเข้าการลงทุนในไทย
•หากราคาหุ้นหลักในกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทย อย่างกลุ่มธนาคาร / กลุ่ม ICT / กลุ่มที่อยู่อาศัย แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม หรือขยับขึ้นเด่น อาจเป็นสัญญาณบวกของเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ได้เช่นกัน
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” หรือหากพิจารณาถึงแนวรับ 1,570 จุด +/- เพราะในช่วงสั้น Downside risk ของตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นไปอย่างจำกัด
ทั้งนี้หากเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ เราแนะนำ “เข้าเก็งกำไรหุ้น Big Cap ในกลุ่ม ธนาคาร (KBANK / KTB), กลุ่ม ICT (ADVANC / TRUE), กลุ่มอสังหาฯ (SPALI / LPN) เป็นต้น

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.การประชุมกนง.วันนี้คาด คงอัตราดอกเบี้ย: ทั้ง MBKET และ Bloomberg consensus คาด กนง.พิจารณาคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 2.00% และมีความเป็นไปได้สูงที่จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า หลังแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับต่ำ จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ทรงตัวในระดับต่ำ
2.ติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ คืนนี้: Bloomberg consensus คาดการณ์ การจ้างงานภาคเอกชน เพิ่มขึ้น 2.20 แสนตำแหน่ง เพิ่มขึ้นสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 2.13 แสนตำแหน่ง
3.ติดตามการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ: เพราะจะมีผลต่อความมั่นคงของประธานาธิบดีโอบามา ต่อการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะ, การใช้จ่ายงบประมาณ และการประกันสุขภาพ (Obama Care)
4.ตลาดให้น้ำหนักกับการประชุม ECB วันพรุ่งนี้: ณ ปัจจุบัน Bloomberg consensus คาดการณ์ ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.05% เช่นเดิม แต่ประเด็นที่ตลาดรอความชัดเจนได้แก่
•วงเงินในการเข้าซื้อ Covered bond และ ABS หลังประกาศและเริ่มเข้าซื้อ Covered Bond ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา
•ระยะเวลาในการใช้โครงการนี้ เพราะการประชุมครั้งก่อนไม่ได้ให้รายละเอียดในส่วนนี้
•ECB จะพิจารณาเพิ่มประเภทของสินทรัพย์เข้าซื้อหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธบัตรรัฐบาลประเทศสมาชิกในกลุ่มอียู เหมือนที่เคยใช้ใน 3 ครั้งที่ผ่านมา
i.หาก ECB ตัดสินใจเพิ่มพันธบัตรรัฐบาล ในการเข้าซื้อสินทรัพย์ครั้งนี้ คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะตอบรับในเชิงบวก แต่กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน และทองคำ เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าในอัตราเร่ง
ii.แต่หาก ECB ยังไม่ตัดสินใจเพิ่มประเภทของสินทรัพย์ในการเข้าซื้อ คาดว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกจะตอบรับเป็นกลาง

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.39 14.02 16.29 13.96
PSE 20.28 17.52 20.53 17.74
JSE 16.47 14.08 16.51 14.12
KOSPI 12.60 10.32 12.66 10.49
TAIEX 14.17 13.00 14.20 13.02
Straits Time 14.27 13.21 14.31 13.24
SHCOMP 9.83 8.76 9.84 8.76
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.KTB : ราคาปิด 23.60 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะได้อานิสงค์บวกจากเงินทุนต่างชาติที่มีแนวโน้มไหลกลับเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย
b)ทิศทางสินเชื่อ 4Q57 จะเติบโตสูง และคาดว่าจะทำใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีของผู้บริหารที่ 6-8% (9M57 เติบโต +6.3% YTD) จากแรงหนุนของการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
c)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.3 เท่า ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK 1.87x, SCB 1.93x และ BAY 1.99x
d)ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.31% และโดดเด่นกว่าธนาคารใหญ่ในกลุ่มเนื่องจาก KTB จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง ขณะที่ธนาคารใหญ่ที่เหลือได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1H57 แล้วส่วนนึง
และ “ซื้อเก็งกำไร”
2.AP : ราคาปิด 6.60 บาท ราคาเหมาะสม 8.20 บาท
a)AP จะรายงานผลประกอบการ 3Q57 ในวันที่ 12 พ.ย. โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q57 จะเติบโตสูง +134.5% yoy และ +33.6% qoq เป็น 951 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้โครงการ Asipire สุขุมวิท 48 และ Aspire พระราม 9 และคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่งบ 3Q57 จะออกมาดีกว่าคาดการณ์และเป็น Catalyst ให้กับราคาหุ้น
b)Presales สิ้นสุด 3Q57 ที่ 17,490 ล้านบาท คิดเป็น 83% ของเป้าทั้งปีที่ 21,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงคาดว่าบริษัทจะทำยอด Presales ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องทั้งแนวราบและแนวสูง
c)Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2558 เพียง 7.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ 10.4 เท่า และให้ Dividend Yield ในเกณฑ์ดีที่ 5.3% ในปี 2558 และเพิ่มขึ้นเป็น 6.3% ในปี 2559

What will DJIA move tonight? ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชน

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 US$185 ล้าน ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$278 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 247.9 264.2 11,708.4 9,188.0
KOSPI -48.7 n.a 6,048.3 4,875.1
JSE -16.3 18.6 3,968.6 -1,806.4
PSE -4.9 -6.0 772.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -1.2 4.3 175.3 263.2
SET INDEX 8.3 -3.3 -580.1 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มน่าสนใจ
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +271 -108
SET50 Index Futures (สัญญา) +2,150 +6,387
SSF (สัญญา) -47 -98
Metal Futures (สัญญา) -113 -508
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +888 -109

นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 271 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 194 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเท่ากับ 20,582 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 8 อีก 2,150 สัญญา รวม 8 วันทำการ Long สุทธิ 47,783 สัญญา คาดว่าสถานะสุทธิกลับมาเป็นการถือสถานะ Long อีกครั้ง หลังก่อนหน้าเป็นการเร่งปิดสถานะ Short ที่เปิดระหว่างเดือนต.ค.อย่างหนาแน่น ส่งผลให้ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 กว้างขึ้นเป็น 2.46 จุด จากวันก่อนหน้า Premiumd เท่ากับ 1.52 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 888 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 633 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 3 อีก 1.25bps ปิดที่ 3.144%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็น 302 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 400 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 72.58 9.63% 366.03
IRPC 44.83 35.59% 3.39
TRUE 36.80 4.82% 11.50
VGI 30.27 15.21% 12.41
KBANK 10.46 1.53% 232.44


NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 5 เป็นแบบ Basket orders
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิ 540 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,399 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 6,500 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการซื้อกระจายไปตามกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทย อย่างเห็นได้ชัด ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มอสังหาฯ ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 195 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 151 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 340 ล้านบาท กลุ่มอาหารซื้อสุทธิ 138 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 103 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม Home ถูกขายสุทธิสูงสุด เป็นวันที่ 2 อีก 117 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 69 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
SCB 486.54 17.64 KBANK -297.12 49.19
AOT 233.14 12.91 BBL -175.25 39.52
DEMCO 112.81 19.82 PTTEP -171.76 13.23
PTT 111.32 18.32 ADVANC -120.23 32.51
CPN 105.81 14.54 AJD -118.59 7.01

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!