WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ MSCI
    ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดบวกเล็กน้อย 3.37 จุด มาอยู่ที่ 1,580.77 จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,487 ล้านบาท
    กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มน่าสนใจ ด้วยการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 286 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures 2,836 สัญญา แม้กลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 320 ล้านบาท
      ผลการประชุม ECB คืนวานนี้ เป็นการให้รายละเอียดของการเข้าซื้อ Covered Bond และ ABS วงเงินไม่เกิน 1.0 ล้านล้านยูโร (ตามที่ตลาดคาด) ในเวลา 2 ปี อย่างไรก็ตาม ECB ส่งสัญญาณพร้อมเพิ่มมาตรการหากจำเป็น ซึ่งตลาดประเมินว่า ECB จะต้องเพิ่มการเข้าซื้อหุ้นกู้เอกชน และพันธบัตรของหน่วยงานราชการในการประชุมเดือนหน้า และท้ายสุดคือการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสมาชิก ในต้นปีหน้า ซึ่งอย่างน้อยเป็นการยืนยันต่อนักลงทุนทั่วโลกว่า ECB จะเพิ่มมาตรการหากจำเป็น ขณะที่เยอรมัน เริ่มผ่อนคลายแผนจัดทำงบประมาณปี 2559 ด้วยการเสนอเพิ่มเงินลงทุน 1.0 หมื่นล้านยูโรทั่วอียู น่าจะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยุโรปได้ไม่น้อย
    ด้านการปรับดัชนี MSCI Thailand รอบ 6 เดือน เพิ่ม DELTA / EA / TUF แต่ไม่มีสมาชิกออก ขณะที่ MSCI Global Small Cap เพิ่ม 6 ออก 7 หลักทรัพย์
      ภาพตลาดวันนี้ เราคาดว่า SET INDEX จะแกว่งกรอบ 1,575-1,590 จุด โดยกลุ่มธนาคาร และรับเหมาก่อสร้างจะยังเป็นกลุ่มสนับสนุนภาพใหญ่ของตลาดหุ้นไทย พร้อมแรงเก็งกำไรในหุ้น MSCI วันนี้
สำหรับปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับปัจจัยในประเทศ ติดตามการแถลงแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 3.0 ล้านล้านบาทในวันจันทร์ที่ 10 พ.ย. ตามมาด้วยการเยือนพม่าของนายกฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำ ASEAN ซึ่งจะมีการลงนามโครงการทวายวันที่ 12-13 พ.ย. ด้วยปัจจัยทั้ง 2 เราเชื่อว่ากลุ่มธนาคาร และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะขยับเด่น นอกเหนือไปจากการเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 3Q57
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ "เก็งกำไรกลุ่มธนาคาร / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หรือ หุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q57 เติบโตโดดเด่น" เป็นทางเลือกในรอบสั้น
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ "เก็งกำไร" KTB/ ITD

Portfolio
Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: ITD / KTB

Action and Stock of the Day
SET INDEX แกว่งแคบ 1,580 จุด+/-
ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ ปิดบวก - ลบ เล็กน้อย คาดว่าเป็นการรอผลการประชุม ECB ในเย็นวานนี้
สำหรับตลาดหุ้นไทย SET INDEX แกว่งแคบระหว่าง 1,575 - 1,585 จุด โดย PTT เป็นหุ้นหลักที่สนับสนุน SET INDEX ตามมาด้วย PTTEP ที่เกิด Technical Rebound ขณะที่การเก็งกำไรหุ้นรายตัวยังคงโดดเด่น เช่น TSE, IFEC, ITD เป็นต้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX เท่ากับ 1,580.77 จุด บวกเล็กน้อย 3.37 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 55,487 ล้านบาท
กลุ่มที่ยังปิดบวกสูงสุด ได้แก่ กลุ่ม Home +4.00%, กลุ่มกระดาษ +3.38% และกลุ่มพลังงาน +2.19% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.08%, กลุ่มอสังหาฯ +0.05% และกลุ่ม ICT -0.44%

คาด SET INDEX วันนี้ฟื้นตัวปิดยืนเหนือ 1,580 จุด
หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 3Q57 เติบโตเด่น ได้แก่ AP / PS / QH / BEAUTY / IFEC
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรรายตัว ระยะสัปดาห์ เน้นกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.32 น.) เช้านี้ Nikkei - Kospi เปิดบวกไปในทิศทางเดียวกับ DJIA คืนวานนี้
เราคงมุมมองต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็น "กลางถึงบวก" เป็นวันที่ 9 ด้วยภาพการเคลื่อนไหวของ SET INDEX วันนี้ แกว่งแคบ 1,575 - 1,590 จุด โดยยังคงสามารถปิดยืนเหนือ 1,580 จุดได้ เป็นวันที่ 2 จากแรงผลักดันของเงินทุนต่างชาติที่คาดว่าจะไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย
ผลของการประชุม ECB วานนี้ แม้ว่าจะไม่มีการเพิ่มมาตรการ แต่เป็นการส่งสัญญาณเพิ่มการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน หรือเข้าเกณฑ์ Base Case ที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ คือ ให้กรอบเวลา 2 ปี และวงเงิน 1.0 ล้านล้านยูโร พร้อมให้ความเห็นต่อทิศทางนโยบายการเงินของ ECB จากนี้ไป แตกต่างจาก BoE และ Fed ที่ยุติการเข้าซื้อสินทรัพย์ ผลที่ตามมาคือ
ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดต่างคาดการณ์ว่า ECB จะต้องเพิ่มประเภทของการเข้าซื้อในการประชุมถัดไป
ทิศทางราคาน้ำมันดิบ และทองคำในตลาดโลก มีแนวโน้มปรับตัวลงจากแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเศรษฐกิจเอเชียจะได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับต่ำ อัตราเงินเฟ้อย่อมอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ธนาคารกลางในเอเชียจะสามารถคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำได้ต่อไป
โอกาสทำ Euro Carry Trade ตามมา เพราะการส่งสัญญาณถึงความแตกต่างของนโยบายการเงินระหว่าง ECB และ Fed - BoE ย่อมเข้าเกณฑ์ดังกล่าว
ทั้งนี้เราให้น้ำหนักกับการเก็งกำไรรอบสั้นเป็นรายกลุ่ม ที่มีประเด็นเชิงบวกสนับสนุนการลงทุน ในรอบสัปดาห์หน้า เราให้น้ำหนักกับกลุ่มธนาคาร และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ต่อประเด็นดังนี้
การแถลงแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3.0 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี โดย รมว.คมนาคม พล.อ.เอก ประจิณ จั่นตอง วันที่ 10 พ.ย.
การลงนามการลงทุน โครงการทวาย ในการประชุมผู้นำ ASEAN ในวันที่ 12-13 พ.ย.
นอกเหนือไปจาก การเก็งกำไรรายตัวต่อผลการดำเนินงานใน 3Q57 ซึ่งจะประกาศผลการดำเนินงานมากขึ้นตั้งแต่สัปดาห์หน้าจนถึงเช้าวันที่ 17 พ.ย.
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ "เน้นเก็งกำไรเป็นรายตัวที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว หลัง Upside gain ของ SET INDEX ณ ปัจจุบัน เริ่มจำกัด เพียง 20 จุด +/- เท่านั้น"
ทั้งนี้หากเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ เราแนะนำ "เข้าเก็งกำไรหุ้น Big Cap ในกลุ่ม ธนาคาร (KBANK / KTB), กลุ่ม ICT (ADVANC / TRUE), กลุ่มอสังหาฯ (AP / LPN) เป็นต้น

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1. ผลการประชุม ECB แค่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม: ประกาศวงเงิน 1.0 ล้านล้านยูโรในการเข้าซื้อตลอด 2 ปีจากนี้ พร้อมส่งสัญญาณเพิ่มมาตรการ หากมีความจำเป็น สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่การส่งสัญญาณยืนยันทิศทางนโยบายการเงินทีผ่อนคลาย ต่อตลาด ย่อมทำให้ downside risk ของตลาดหุ้นทั่วโลกจำกัด แต่เปิดโอกาสของการทำ euro carry trade ตามมา
2. MSCI ปรับสมาชิกในรอบนี้ : โดยมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 25 พ.ย.นี้
ดัชนี MSCI Thailand:
i. เพิ่ม: DELTA / EA / TUF
ii. ออก: ไม่มี
ดัชนี MSCI Global Small Cap
i. เพิ่ม: AIRA / EFORL / ICHI / KASET / PCS / SAWAD / SUPER
ii. ออก: CENTEL / DELTA / DRT / EA / MCOT / M / PS/ TFD

3. ติดตามประเด็นในสหรัฐฯ คืนนี้
ตัวเลขการจ้างงาน
i. การจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือนต.ค. Bloomberg consensus คาด 2.35 แสนตำแหน่ง
ii. การจ้างงานภาคเอกชน เดือนต.ค. Bloomberg consensus คาด 2.25 แสนตำแหน่ง
การปราศรัยของประธานเฟด Janet Yellen ให้น้ำหนักกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ภายใต้เศรษฐกิจโลกที่เติบโตชะลอตัว เพื่อนำมาประเมินทิศทางนโยบายการเงิน
4. ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า ให้น้ำหนักกับปัจจัยภายในประเทศ
ติดตามการแถลงแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3.0 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี โดย รมว. คมนาคม พล.อ.อ. ประจิณ วันที่ 10 พ.ค.
การลงนามลงทุนโครงการทวาย วันที่ 12-13 พ.ย. ที่พม่า
การประกาศผลการดำเนินงานใน 3Q57
ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ การส่งออก - นำเข้า ของจีน, ผลผลิตภาคอุตฯ ของญี่ปุ่น, อัตราเงินเฟ้อ และ GDP ใน 3Q57 ของอียู, ภาวะการจ้างงานของอังกฤษ, ภาวะการจ้างงาน และ ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. KTB : ราคาปิด 23.40 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะได้อานิสงค์บวกจากเงินทุนต่างชาติที่มีแนวโน้มไหลกลับเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย
b) ทิศทางสินเชื่อ 4Q57 จะเติบโตสูง และคาดว่าจะทำใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีของผู้บริหารที่ 6-8% (9M57 เติบโต +6.3% YTD) จากแรงหนุนของการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
c) คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.3 เท่า ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK 1.87x, SCB 1.93x และ BAY 1.99x
d) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.31% และโดดเด่นกว่าธนาคารใหญ่ในกลุ่มเนื่องจาก KTB จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง ขณะที่ธนาคารใหญ่ที่เหลือได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1H57 แล้วส่วนนึง
2. ITD : ราคาปิด 5.70 บาท ราคาเหมาะสม 7.00 บาท
a) MBKET คาดว่าราคาหุ้น ITD และหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะปรับตัว Outperform ตลาดได้ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากกระทรวงคมนาคมจะแถลงแผนลงทุนระยะยาว 10 ปี มูลค่า 3 ล้านล้านบาท ในวันจันทร์นี้
b) และคาดว่ารัฐบาลเมียนมาร์จะมีการลงนามในสัญญาร่วมทุนโครงการทวายกับ ITD ในการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 25 ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ย.ที่กรุงเนปิดอร์
c) ราคาหุ้นยัง Laggard หุ้นกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่ โดย YTD หุ้น ITD +46% น้อยกว่า STEC +98.8% และ CK +75.2%
d) มี Upside Risk จากโครงการการลงทุนในเหมือนโปรแตส ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำ EIA ขั้นสุดท้าย และคาดว่าจะออกใบอนุญาตทำเหมืองได้ในต้นปี 2558 โดยโครงการดังกล่าวมี IRR สูงถึง 35% มูลค่าโครงการ US1,197 ล้าน และหากนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ได้จะเพิ่มมูลค่าทางบัญชีของ ITD ให้เพิ่มขึ้นอีก 15.00 บาท

What will DJIA move tonight?
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ ภาวะการจ้างงาน และการปราศรัยของประธานเฟด Janet Yellen

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 อีก US$162 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$138 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติน่าสนใจ
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 อีก 286 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 3,017 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเหลือ 17,836 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครัง 2,836 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยสะสม Long สุทธิต่อเนื่อง แม้ว่า S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 5 กว้างขึ้นเป็น 2.15 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 1.40 จุด
ทั้งนี้ ต่างชาติซื้อสุทธิ และ Long สุทธิใน SET50 Index Futures พร้อมกัน เป็นสัญญาณที่น่าสนใจต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 320 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 1,236 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลงเล็กน้อ โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ 1.57bps ปิดที่ 3.095%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็น 736 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 563 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 7 เน้นกลุ่มธนาคาร
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 703 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,181 ล้านบาท รวม 7 วันทำการ ซื้อสุทธิ 8,564 ล้านบาท เน้นการสะสมกลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มธนาคาร ถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 678 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 943 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 289 ล้านบาท กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซื้อสุทธิ 106 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิสูงสุด 278 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 256 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 89 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นบวก
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.78 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 2.83 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าหน้า 2.88 แสนตำแหน่ง

ยุโรป
ตัวเลขเศรษฐกิจในอียูเป็นกลาง
คำสั่งซื้อโรงงาน เยอรมัน เดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.8% mom ฟื้นตัวเล็กน้อยจากเดือนส.ค.ที่ -4.2% mom แต่ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 2.3% mom
ผลผลิตภาคอุตฯ อังกฤษ เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด เดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.6% mom จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 0.1% mom และดีกว่า Bloomberg consensus คาด 0.4% mom ส่วนผลผลิตภาคการผลิต เพิ่มขึ้น 0.4% mom
การประชุม ECB ให้ความชัดเจน ไม่มีมาตรการเพิ่มเติม
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย เท่ากับ 0.05% เท่ากับที่คาด
การเข้าซื้อ Covered bond และ ABS จะใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ด้วยวงเงินสูงสุด 1.0 ล้านล้านยูโร ในส่วนของ ABS นั้น ECB จะเริ่มเข้าซื้อในเดือนนี้
พร้อมศึกษาถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ เพิ่มเติม
ECB ยืนยัน นโยบายการเงินจะแตกต่างจาก BoE และ Fed ที่หยุดการเข้าซื้อสินทรัพย์
จากความเห็นดังกล่าว ตลาดต่างประเมินภาพรวมเศรษฐกิจของอียู กำลังแย่ลง และ ECB อาจเข้าซื้อหุ้นกู้เอกชน และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมเดือนหน้า ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเป็นขั้นสุดท้าย
นายกฯ เยอรมัน เสนอเงินลงทุนในอียู 1.0 หมื่นล้านยูโร: พร้อมเริ่มลงทุนในปี 2559 หลังการจัดเก็บภาษีของเยอรมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่เยอรมันจะสามารถจัดทำงบประมาณสมดุลย์ได้ในปี 2558 ดังนั้นเยอรมัน จึงเสนอให้ประเทศสมาชิกในการจัดทำงบประมาณปี 2559 จะสามารถเพิ่มเงินลงทุนได้ราว 1.0 หมื่นล้านยูโร สำหรับแผนงบประมาณในระยะกลาง

จีน
ธนาคารกลางจีนยืนยันอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินต่อเนื่อง: ธนาคารกลางจีน ยืนยันที่จะอัดฉีดเงิน 7.695 แสนล้านหยวนผ่านโครงการ Medium-Term Lending Facility (MTLF) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สินเชื่อระยะเวลา 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.5% จีน จะเข้าร่วมการประชุม APEC ที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 7 พ.ย.นี้ อาจมีการเปิดประเด็นหารือในส่วนนี้

เอเชียแปซิฟิก
การจ้างงานในออสเตรเลียเพิ่มขึ้น: เดือน ต.ค.ยอดจ้างงานเพิ่มขึ้น 24,100 ตำแหน่ง ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดเพียง 20,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้อัตราการว่างงานคงที่อยู่ที่ระดับ 6.2% เป็นผลจากการจ้างงาน Full Time เพิ่มขึ้น 33,400 ตำแหน่ง ในขณะที่ Part Time ลดลง 9,400 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตามอัตราการว่างงานยังไม่ได้ลดลงอย่างมีเสถียรภาพโดยในควีนส์แลนด์อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7% จาก 6.3% ส่วนในแทสมาเนียลดลงอยู่ที่ระดับ 6.9% จาก 7.6%
ธนาคารกลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2: อยู่ที่ระดับ 3.25% ตามที่ตลาดคาด จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลลดการอุดหนุนราคา ส่งผลกระทบต่อการบริโภค นอกจากนี้ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง รวมถึงอุปสงค์ในเอเชียที่ชะลอตัวลงกดดันภาคการส่งออก ทำให้ธนาคารตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป

ไทย
รมว.พลังงาน หนุนขนส่งทางท่อสายเหนือ/อีสาน: รมว.พลังงาน หนุนลงทุนระบบขนส่งทางท่อทั้งน้ำมันและก๊าซ คาดสรุปผลศึกษาเอชไอเอก่อนสิ้นปีนี้ เตรียมหารือ 2 ผู้ประกอบการท่อขนส่ง หากไม่สนใจ พร้อมเปิดประมูลภายในต้นปีหน้า เผยมูลค่าลงทุนบานปลายพุ่งที่ 4 หมื่นล้านบาท เหตุต้องก่อสร้างอ้อมเลี่ยงชุมชน ขณะนี้เตรียมที่จะหารือกับเอกชนซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่อขนส่งน้ำมันอย่าง บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือเอฟพีที และบริษัทท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด หรือแทปไลน์ เนื่องจากที่ผ่านมาเอกชนทั้ง 2 รายแสดงความสนใจลงทุนท่อขนส่งน้ำมันดังกล่าว แต่หากเอกชนรายดังกล่าวไม่ลงทุนก็มีทางเลือกที่จะเปิดประมูลให้เอกชนรายอื่นหรือภาครัฐลงทุนเองต่อไป
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค. ของไทยเพิ่มขึ้น: อยู่ที่ 80.1 จาก 79.2 ในเดือน ก.ย. เป็นผลจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ, ราคาน้ำมันที่ลดลง และ การส่งออกในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังคงกังวลต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึง สศค.ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือ 1.4%

การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ย
ราคาพันธบัตรไทยเริ่มปรับตัวลง
ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ
อายุ 5 ปี: ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 3.19bps ปิดที่ 2.598%
อายุ 10 ปี: ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 1.57bps ปิดที่ 3.095%
ราคาพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นวันที่ 2
อายุ 2 ปี: ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 2.80bps ปิดที่ 0.5497%
อายุ 10 ปี: ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 4.32bps ปิดที่ 2.3856%

ภาวะตลาดหุ้นที่สำคัญ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลัง ECB ยืนยันพร้อมอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ตลาดต่างประเทศ:
DJIA ปรับตัวขึ้นวันที่ 3 ติดต่อกัน : ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 17,554.47 จุด เพิ่มขึ้น 69.94 จุด หรือ +0.40% ปรับตัวขึ้นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลังการประชุม ECB ออกมาเชิงบวก โดยกำหนดวงเงิน QE จำนวน 1 ล้านล้านยูโรภายในระยะเวลา 2 ปี และพร้อมออกมาตรการเพิ่มเติมหากเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว นอกจากนั้น ยังได้ปัจจัยบวกหลังจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 1 หมื่นราย เหลือ 2.78 แสนราย และเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกันที่ต่ำกว่าระดับ 3 แสนราย ส่งผลให้ VIX Index ลดลง -3.5% dod เหลือ 13.67 จุด

SET INDEX กลับมายืนเหนือ 1,580 จุด
ตลาดในประเทศ
SET INDEX กลับมายืนเหนือ 1,580 จุด: ตลาดแกว่งตัวกรอบแคบตลอดชั่วโมงการซื้อขาย เพื่อรอดูผลการประชุม ECB ในวันที่ 6 พ.ย. ทั้งนี้หุ้นหลักอย่าง PTT นำตลาดปรับตัวขึ้น ปิดตลาดดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,580.77 จุด เพิ่มขึ้น 3.37 จุด หรือ +0.21% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 6.79 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน: คิดเป็นมูลค่า 311 ลบ. จากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิคิดเป็นมูลค่า 2.56 พันลบ. ส่งผลให้ YTD เป็นขายสุทธิอยู่ที่ระดับ 1.67 หมื่นลบ.
นักลงทุนสถาบันกลับมาซื้อสุทธิ: คิดเป็นมูลค่า 970 ลบ. จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิคิดเป็น 968 ลบ. ส่งผลให้ YTD เป็นซื้อสุทธิอยู่ที่ระดับ 4.78 หมื่นลบ. นักลงทุนบริษัทหลักทรัพย์(Prop Trade) ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน คิดเป็นมูลค่า 751 ลบ.
PTT นำตลาด:
1. กลุ่มพลังงาน +2.2%: CKP +5.8%, PTT +3.5%, PTTEP +2.5%
2. กลุ่มอสังหาฯ +0.1%: SF +3.0%, SPALI +1.0%
3. กลุ่ม ICT -0.4%: TRUE -4.4%, THCOM -1.3%
4. กลุ่มขนส่ง -0.3%: NOK -2.9%, TTA -1.4%, AOT -0.4%
5. กลุ่มธนาคาร -0.1%: KKP -1.8%, SCB -0.5%

ภาวะราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX, BRENT และ DUBAI ปรับตัวลงทั้ง 3 ตลาด
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลง : ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.2557 ปิดที่ US$77.91/barrel ลดลง US$0.77/barrel หรือ -0.98% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$78.68/barrel และลดลงเช้านี้เหลือ US$77.79/barrel จากปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบได้แก่
1. ลีเบียรายงาน บ่อน้ำมันใหญ่ที่สุดของลิเบียจะกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้งเร็วๆนี้
2. Dollar Index แข็งค่าขึ้น +0.68% dod
ราคาน้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวลง : ปิดที่ US$82.86/barrel ลดลง US$0.09/barrel หรือ -0.11% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$82.95/barrel
ราคาน้ำมันดิบ DUBAI ปรับตัวลง : ปิดที่ US$77.91/barrel ลดลง US$3.10/barrel หรือ -0.08% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$79.93/barrel

ราคาทองคำปรับตัวลง
ราคาทองคำ COMEX ปรับตัวลง : ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2557 ปิดที่ US$1,142.60/ounce ลดลง US$3.10/ounce หรือ -0.27% จากวันก่อนหน้าที่ US$1,145.70/ounce ปรับตัวลงจาก Dollar Index ที่แข็งค่า

BDI ปรับตัวลงวันที่ 2 ติดต่อกัน
BDI ปรับตัวลงวันที่ 2 ติดต่อกัน : ปิดที่ 1,436 จุด ลดลง 28 จุด จากวันก่อนหน้าที่ 1,464 จุด
WTI Crack ปรับตัวขึ้น : ปิดที่ US$16.16/barrel เพิ่มขึ้น +16.32% dod

Soft Commodities ปรับตัวขึ้น ได้แก่ ยาง, ฝ้าย และถั่วเหลือง
ราคายางตลาด TOCOM ปรับตัวขึ้นในรอบ 3 วัน : ราคายางตลาดญี่ปุ่น ปิดที่ 194.40 เยน / กิโลกรัม เพิ่มขึ้น +0.93% dod จากวันก่อนหน้าที่ 192.60 เยน / กิโลกรัม
ราคาฝ้าย ปรับตัวขึ้นในรอบ 6 วัน : ราคาฝ้ายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ค ปิดที่ US$0.63/ปอนด์ เพิ่มขึ้น +0.66% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$0.61/ปอนด์
ราคาถั่วเหลืองตลาด CBOT ปรับตัวขึ้นวันที่ 2 ติดต่อกัน : ราคาถั่วเหลือง ตลาด CBOT ปิดที่ US$10.28/bushel เพิ่มขึ้น +0.86% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$10.19/bushel
ราคาน้ำตาล NYMEX ปรับตัวลงวันที่ 3 ติดต่อกัน : ราคาน้ำตาลตลาด NYMEX ปิดที่ US$15.48 เซนต์/ปอนด์ ลดลง -0.19% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$15.51 เซนต์/ปอนด์

ราคาถ่านหินล่วงหน้าปรับตัวลงทั้ง 3 ตลาด
ราคาถ่านหินล่วงหน้าปรับตัวลงทั้ง 3 ตลาด
1. ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Rotterdam ปิดที่ US$69.70/ตัน ลดลง -0.57% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$70.10/ตัน
2. ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Richard Bay ปิดที่ US$63..25/ตัน ลดลง -0.55% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$63.60/ตัน
3. ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Newcastle ปิดที่ US$61.90/ตัน ลดลง -0.40% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$62.15/ตัน

การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนที่สำคัญ
เงินยูโรอ่อนค่าสุดในรอบ 2 ปี หลัง ECB ยืนยันอาจเพิ่มมาตรการได้อีก หากจำเป็น
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าสุดในรอบ 2 ปี เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ: เมื่อ ECB ยืนยันที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมส่งสัญญญาณ เพิ่มมาตรการให้มีความจำเป็น โดยรอบแรกกำหนดวงเงิน 1.0 ล้านล้านยูโร ภายใน 2 ปี ส่งผลให้นักค้าเงินต่างขายเงินยูโรในอัตราเร่ง ค่าเงินยูโรอ่อนค่าแตะระดับ US$1.230/euro ปิดที่ US$1.2381/euro อ่อนค่าสุดในรอบ 2 ปี
1. Yen/US$: ค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับ Yen115/US$ เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ปิดที่ Yen115.231/US$ อ่อนค่าเป็นวันที่ 2 อีก 0.42% dod ล่าสุดเช้านี้ ค่าเงินเยนแข็งค่าเล็กน้อย ซื้อขายที่ Yen115.147/US$
2. US$/Euro: เงินยูโรเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แตะ US$1.23/euro ครั้งแรกในรอบ 2 ปี ปิดที่ US$1.2381/euro อ่อนค่าเป็นวันที่ 2 อีก 0.79% dod ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงินยูโรทรงตัว ซื้อขายที่ US$1.2382/euro
3. US$/GBP: เงินปอนด์อังกฤษเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับ US$1.58/GBP ครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2556 ปิดที่ US$1.5838/GBP อ่อนค่าเป็นวันที่ 2 อีก 0.83% dod เมื่อ BoE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงิน GBP ฟื้นตัวเล็กน้อย ซื้อขายที่ US$1.5845/GBP
4. THB/US$: ค่าเงินบาท on shore วานนี้ อ่อนค่าแตะระดับ 32.00 บาท/US$ เป็นวันที่ 43 ปิดที่ 32.84 บาท/US อ่อนค่าเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 0.09% dod ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย ซื้อขายที่ 32.834 บาท/US$
(เวลา 7.39 น.)


Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!