WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
      ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับฐานลง 11.03 จุด มาอยู่ที่ 1,567.34 จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,100 ล้านบาท โดยเป็นการปรับฐาน PTT เป็นสำคัญ
        กระแสเงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 823 ล้านบาท กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures อีก 2,252 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 720 ล้านบาท เป็นสัญญาณกลางถึงบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ ทั้งนี้ เราเชื่อว่าต่างชาติรอดูตัวเลข GDP ใน 3Q57 ของไทย ซึ่งจะประกาศในวันจันทร์ที่ 17 พ.ย. เพื่อประเมินภาพการลงทุนตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
ทิศทางการลงทุนในวันนี้ เรายังคงให้น้ำหนัก "กลางถึงบวก" ต่อเนื่อง แม้ว่า SET INDEX จะยังอยู่ในช่วงของการปรับฐานแกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,565 - 1,590 จุด เพื่อรอดูผลการดำเนินงานใน 3Q57 ซึ่งจะสิ้นสุดการรายงานเช้าวันที่ 17 พ.ย. พร้อมกับ GDP ใน 3Q57 ที่ สภาพัฒน์ฯ จะประกาศในเช้าวันที่ 17 พ.ย.เช่นกัน
ขณะที่ปัจจัยช่วงสั้นเป็นการเก็งกำไรรายตัว ต่อผลการดำเนินงานเป็นสำคัญ ด้านหุ้นขนาดเล็กที่มีการซื้อขายร้อนแรงตลอด 1-2 เดือนที่ผ่านมา อาจชะลอตัวลง หลังมีประเด็นการหารือระหว่างสมาคมโบรกเกอร์และตลท. เพื่อหาแนวทางควบคุมความร้อนแรงของราคาหุ้น
       อย่างไรก็ตาม จับตากระแสเงินทุนต่างชาติ หลังทยอยสะสมหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังไม่หนาแน่น แต่เป็นสัญญาณที่น่าสนใจติดตาม
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ "เก็งกำไรกลุ่มธนาคาร / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หรือ หุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q57 เติบโตโดดเด่น" เป็นทางเลือกในรอบสั้น
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" BEAUTY / MFEC

Portfolio
Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: BEAUTY / MFEC

Action and Stock of the Day

SET INDEX ปิดหลุด 1,570 จุด
       ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ HSKI ปิดบวกถึง 0.8% หลังทางการจีน คาดการณ์สัปดาห์หน้า อาจเริ่มการซื้อขายระหว่างตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ และ HSKI ได้
สำหรับตลาดหุ้นไทย กลับปรับตัวลงสวนทางกับภาพรวมของตลาดหุ้นในเอเชีย ด้วยแรงขายหุ้น PTT เป็นสำคัญ หลังจากดีดตัวขึ้นแรงในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างขยับเด่นจาก ITD / CK / STEC ต่อแรงเก็งกำไรแผนการลงทุนขนาดใหญ่ 3.0 ล้านล้านบาท รวมถึงแรงเก็งกำไรเป็นรายตัว ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,567.34 จุด ลบ 11.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 55,100 ล้านบาท
กลุ่มที่ยังปิดบวกสูงสุด ได้แก่ กลุ่ม Home +3.12%, กล่มสื่อและสิ่งพิมพ์ +1.82% และกลุ่มปิโตรเคมี +1.19% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.87%, กลุ่มพลังงาน -1.74% และกลุ่ม ICT -0.55%

คาด SET INDEX สัปดาห์นี้แกว่งแคบ ระหว่าง 1,565 - 1,590 จุด
จับตากระแสเงินทุนต่างชาติ หลังทยอยสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง
หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 3Q57 เติบโตเด่น ได้แก่ AP / BEAUTY / IFEC/ MFEC
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรรายตัว ช่วงสั้น
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้

      ตลาดหุ้นเอเชีย (7.16 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดฟื้นตัวเด่น เนื่องจากขาดดุลการค้าเดือนก.ย.ชะลอตัวและน้อยกว่าคาด ขณะที่ Kospi เปิดลบเพียงเล็กน้อย เพราะปัจจัยสำคัญในเช้าวันนี้ขาดความโดดเด่น
เราคงมุมมองต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็น "กลางถึงบวก" เป็นวันที่ 11 แม้ว่าในสัปดาห์นี้ SET INDEX จะแกว่งในกรอบแคบระหว่าง 1,565-1,590 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น เพราะตลอดสัปดาห์นี้ ปัจจัยเด่นอยู่ที่การทยอยประกาศงบ 3Q57 ของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ประเด็นการลงทุนเชิงปัจจัยพื้นฐานทั้งในและต่างประเทศ ขาดความโดดเด่น
      อย่างไรก็ตาม กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มน่าสนใจ หลังนักลงทุนกลุ่มนี้ทยอยสะสมหุ้นไทยตลอด 5 วันทำการที่ผ่านมา พร้อมกับ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นบางช่วงบางจังหวะ เราประเมินว่า ทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติจะมีความชัดเจนในช่วงต้นสัปดาห์หน้า เนื่องจาก
การประกาศงบ 3Q57 จะสิ้นสุดในช่วงเช้าวันที่ 17 พ.ย. ซึ่งนักลงทุนจะสามารถประเมินภาพผลการดำเนินงานใน 3Q57 และแนวโน้มในไตรมาสสุดท้ายของปีจะสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่ พร้อมประเมินโอกาสของการปรับประมาณการกำไรในปี 2558 ขึ้นมีมากน้อยเพียงใด

      และการประกาศ GDP ใน 3Q57 ของไทย สภาพัฒน์ฯ จะประกาศในเช้าวันที 17 พ.ย. เช่นกัน ซึ่งถือว่าตัวเลขดังกล่าวมีความสำคัญในเชิงปัจจัยพื้นฐาน เพื่อประเมินภาพเศรษฐกิจในโค้งสุดท้ายของปี และโมเมนตัมต่อเนื่องถึงปี 2558 จะเป็นเชิงบวกได้มากน้อยเพียงใด เพราะถือว่าเศรษฐกิจใน 3Q57 ในความเห็นของตลาดถือว่าฟื้นตัวได้ล่าช้า แม้ว่า คสช. จะเข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นนับตั้งแต่เข้าควบคุมการบริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
       ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในรอบสัปดาห์นี้ เราแนะนำ "เน้นเก็งกำไรเป็นรายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผลการดำเนินงานใน 3Q57" เพราะภาพการลงทุนช่วงสั้นขาดความชัดเจน แต่หากนักลงทุนต้องการเก็งกำไรต่อแนวโน้มกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า เราแนะนำให้ นักลงทุน "เข้าเก็งกำไรหุ้น Big Cap ในกลุ่ม ธนาคาร (KBANK / KTB), กลุ่ม ICT (ADVANC / TRUE), กลุ่มอสังหาฯ (AP / LPN) เป็นต้น

 

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1. MSCI ปรับสมาชิกในรอบนี้ : โดยมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 25 พ.ย.นี้
ดัชนี MSCI Thailand:
i. เพิ่ม: DELTA / EA / TUF
ii. ออก: ไม่มี
ดัชนี MSCI Global Small Cap
i. เพิ่ม: AIRA / EFORL / ICHI / KTIS / PCS / SAWAD / SUPER
ii. ออก: CENTEL / DELTA / DRT / EA / MCOT / M / PS/ TFD
2. การประชุม ครม. เพื่อพิจารณาร่างกฎหมาย เลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้
3. การแถลงแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของไทย คาดเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้: เนื่องจาก รมว.คมนาคม พล.อ.อ.ประจิณ จั่นตอง ติดภาระกิจ เข้าร่วมประชุมผู้นำ APEC ที่กรุงปักกิ่ง พร้อมกับนายกฯ ดังนั้นการแถลงรายละเอียดของแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 3.0 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี เพิ่มขึ้นจากเดิม 2.0 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี เพื่อเป็นการปรับปรุงและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ และเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคม AEC ในปลายปีหน้า คาดว่าจะเป็นวันพรุ่งนี้
MBKET มีความเห็นเป็นบวกในระยะกลางถึงยาวต่อเศรษฐกิจไทย และภาพการลงทุน ประเด็นนี้ เป็นบวกในระยะแรกต่อ
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
กลุ่มธนาคาร
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. BEAUTY : ราคาปิด 29.50 บาท ราคาเหมาะสม 37.00 บาท
a) BEAUTY จะรายงานผลประกอบการ 3Q57 ในวันพรุ่งนี้ และคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่ +45% yoy และ +13% qoq เป็น 69.8 ล้านบาท สวนทางภาพรวมของหุ้นกลุ่มค้าปลีกได้ เนื่องจาก BEAUTY มีการขยายสาขาต่อเนื่อง และ SSSG คาดว่าจะเพิ่มขึ้น +12% yoy สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความใส่ใจต่อความสวยงามมากขึ้นแม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว
b) ทิศทางกำไร 4Q57 คาดว่าจะยังเติบโตทั้ง yoy และ qoq พร้อมทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจ และการเปิดสาขาใหม่อีกเป็นจำนวนมากใน 4Q
c) คงประมาณการกำไรปี 2557 เติบโต +34.3% yoy เป็น 284 ล้านบาท และเติบโต +29.8% yoy เป็น 368 ล้านบาท ในปี 2558 เติบโตสูงที่สุดในหุ้นกลุ่มค้าปลีก
d) ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 4% ต่อปี
2. MFEC : ราคาปิด 8.15 บาท ราคาเหมาะสม 9.10 บาท
a) MBKET มีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจวางระบบโทรคมนาคม และพัฒนางานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในปี 2558 เนื่องจากเชื่อว่าจะได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และนโยบาย Digital Economy ของภาครัฐฯ ที่ส่งผลให้เกิดการยกระดับเทคโนโลยีในประเทศ และเป็นบวกให้งานประมูลเพิ่มขึ้น
b) คาดกำไรสุทธิ 3Q57 เติบโต +131% yoy เป็น 75 ล้านบาท แต่ลดลง 33% qoq เนื่องจากกำไร 2Q57 เป็นไตรมาสที่ดีมาก และเป็นระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท
c) หากกำไร 3Q57 ออกมาใกล้กับคาดการณ์จะส่งผลให้กำไร 9M57 คิดเป็น 76% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 291 ล้านบาท (+25% yoy)
d) ราคาหุ้นยัง Laggard เมื่อเทียบกับหุ้นบริษัทวางระบบโทรคมนาคม (SI) โดย YTD หุ้น MFEC +28.3% น้อยกว่า AIT +42.5% และ SAMTEL +53.4%
e) และ Valuation ค่อนข้างถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 10.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ 13.5 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2557 สูงถึง 6.5% (จ่ายปีละ 1 ครั้ง)

What will DJIA move tonight?
คืนนี้ไม่มีประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 10 อีก US$557 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$92 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติน่าสนใจต่อเนื่อง
      นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 อีก 823 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ซื้อสุทธิ 5,195 ล้านบาท และกดดันให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเหลือ 15,658 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 2,252 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Long แม้ว่า S50Z14 ปิดสูงกว่า Set50 Index เป็นวันที่ 7 แต่แคบลงเหลือ 0.18 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 0.69 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 720 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,989 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยขยับขึ้น โดยอายุ 10 ปีผลตอบแทนลดลง 2.23bps ปิดที่ 3.088%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 453 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 683 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 9 เน้นกลุ่ฃธนาคาร และ ICT
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 1,311 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,774 ล้านบาท รวม 9 วันทำการซื้อสุทธิ 11,649 ล้านบาท เน้นสะสมกลุ่มธนาคาร และ ICT อย่างโดดเด่น ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ สูงสุด 463 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 497 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 265 ล้านบาท กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซื้อสุทธิ 237 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 274 ล้านบาท กลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 221 ล้านบาท และกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ซื้อสุทธิ 113 ล้านบาท
2. กลุ่มค้าปลีก ถูกขายสุทธิสูงสุด 180 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 93 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี

ยุโรป
ธนาคารกลางรัสเซียปรับประมาณการ GDP ลง: ภายใต้สมมติฐานมาตรการคว่ำบาตรจะยังคงอยู่ในถึงสิ้นปี 2560 คาดว่าเศรษฐกิจรัสเซียในปีหน้าจะไม่เติบโต ส่วนอัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับ 4% ในปี 2560 จากเดิมคาดปี 2559
การเข้าซื้อ Covered Bond สัปดาห์ที่ 3 เริ่มชะลอ: สัปดาห์ที่ผ่านมา ECB เข้าซื้อ 2.629 พันล้านยูโร รวม 3 สัปดาห์ซื้อ Covered Bond ไปทั้งสิ้น 7.408 พันล้านยูโร ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ซื้อ 3.075 พันล้านยูโร ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการเตรียมเข้าซื้อ ABS ภายในสิ้นเดือนนี้

จีน
รัสเซีย - จีน บรรลุข้อตกลงเรื่องก๊าซ US$4 แสนล้าน: ผู้นำจีน และ ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ลงนามในข้อตกลงการซื้อขายก๊าซ วงเงินราว US$4.0 แสนล้าน โดย OAO Gazprom จะขยายก๊าซ 3.0 หมื่นล้าน ลบ.เมตร ต่อปี ให้แก่ จีน ตลอด 30 ปี นอกจากนี้ บริษัทในรัสเซีย อยู่ระหว่างการหารือเพื่อขายหุ้นใน Siberian ให้แก่รัฐวิสาหกิจของจีน National Petroleum Corp สัดส่วน 10%
เกาหลีใต้ - จีน บรรลุข้อตกลงด้านการค้า: จีนได้ยกเลิกภาษีมูลค่า US$8.7 หมื่นล้าน/ปี กับการค้าเกาหลีใต้ทันที และจะทยอยยกเลิกภาษีการค้าส่งออกกับเกาหลีใต้ US$4.58 หมื่นล้าน ตลอด 10 ปีข้างหน้า ขณะที่เกาหลีใต้จะคงภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร และประมง กับ จีน ที่อัตรา 60% ต่อไป
จีนยืนยันการลงทุนในต่างประเทศ US$1.25 ล้านล้าน: ตลอด 10 ปีข้างหน้า นักท่องเที่ยวจีน 500 ล้านคน และรัฐบาลจะใช้จ่ายการลงทุนเส้นทางสายใหม่ US$4.0 หมื่นล้าน เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางระหว่างเอเชียและยุโรป เพื่อสร้างโอกาศและผลประโยชน์สำหรับ เอเชียแปซิฟิค และโลก
อัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค.ของจีนทรงตัว: เพิ่มขึ้น 1.6% yoy เท่ากับเดือน ก.ย.และ Bloomberg Consensus คาด อย่างไรก็ตามดัชนีราคาผู้ผลิตหดตัวอีก 2.2% yoy ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 32 และเป็นการหดตัวแรงกว่าที่ตลาดคาด -2.0% yoy จากราคาน้ำมัน รวมถึงโลหะที่ปรับตัวลง เปิดโอกาสให้ธนาคารกลางผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี

ไทย
ดึงยักษ์ IT จีน หนุนเศรษฐกิจดิจิทัล: นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่าอยากเห็นการลงทุนจากต่างประเทศที่กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อสร้างงาน ให้มีการกระจายรายได้ และส่งเสริมให้มีการใช้สินค้าและวัตถุดิบภายในประเทศ โดยอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้การสนับสนุน อาทิ พลังงาน โทรคมนาคม เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต ซึ่งทางบริษัท หัวเว่ย สนใจในการลงทุนการพัฒนา บรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้าน นายหยาง ฉู่ กล่าวว่าหัวเว่ย พร้อมปรับนโยบายให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนา พร้อมทั้งพัฒนาทักษะด้านบุคลากร ทั้งนี้เชื่อว่า ภายใต้การบริหารของรัฐบาลไทยสามารถพัฒนาสู่ความเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอทีฮับ) ของภูมิภาคได้ นอกจากนี้ พล.อ. ประยุทธ์ หารือกับ ผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนชั้นนำของจีน 3 ราย คือ บริษัทเพาเวอร์ไชน่า บริษัท แซดทีอี (ZTE) และกลุ่มนักธุรกิจจากมณฑลซานตง

การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ย
ราคาพันธบัตรไทยเริ่มฟื้น
ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย ฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ
อายุ 5 ปี: ผลตอบแทนลดลง 3.86bps ปิดที่ 2.578%
อายุ 10 ปี: ผลตอบแทนลดลง 2.23bps ปิดที่ 3.088%
ราคาพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลง
อายุ 2 ปี: ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 3.64bps ปิดที่ 0.5349%
อายุ 10 ปี: ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 6.28bps ปิดที่ 2.3604%

ภาวะตลาดหุ้น - ตลาดตราสารหนี้ที่สำคัญ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นวันที่ 5 ติดต่อกัน และทำระดับสูงสุดใหม่ จากการไต่ระดับขึ้นของหุ้นที่งบ 3Q57 ออกมาดี
ตลาดต่างประเทศ:
DJIA ปรับตัวขึ้นวันที่ 5 ติดต่อกัน : ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 17,613.74 จุด เพิ่มขึ้น 39.81 จุด หรือ +0.23% ปรับตัวขึ้นวันที่ 5 ติดต่อกัน จากแรงหนุนของผลประกอบการ 3Q57 ที่ออกมาดีกว่าคาด เช่น McDonald's และการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Health-Care และหนุนให้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ อย่างไรก็ตาม การแกว่งตัวของตลาดค่อนข้างแคบเนื่องจากไม่มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ขณะที่ VIX Index ลดลง -3.4% dod เหลือ 12.67 จุด

SET INDEX หลุด 1,570 จุด
ตลาดในประเทศ
SET INDEX หลุด 1,570 จุด: นำโดยการปรับตัวลงแรงของ PTT ขณะที่หุ้นรับเหมาก่อสร้างขยับเด่น เพื่อเก็งกำไรต่อการแถลงแผนการลงทุน 3.0 ล้านล้านบาท เช่น ITD / CK / STEC ปิดตลาดดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,567.34 จุด ลดลง 11.03 จุด หรือ -0.70% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 6.47 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน: คิดเป็นมูลค่า 963 ลบ. จากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิคิดเป็นมูลค่า 1.68 พันลบ. ส่งผลให้ YTD เป็นขายสุทธิอยู่ที่ระดับ 1.41 หมื่นลบ.
นักลงทุนสถาบันขายสุทธิเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน: คิดเป็นมูลค่า 1.71 พันลบ. จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิคิดเป็น 777 ลบ. ส่งผลให้ YTD เป็นซื้อสุทธิอยู่ที่ระดับ 4.59 หมื่นลบ. นักลงทุนบริษัทหลักทรัพย์(Prop Trade) ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9 ติดต่อกัน คิดเป็นมูลค่า 128 พันลบ.
PTT ปรับตัวลงแรง:
กลุ่มพลังงาน -1.7%: PTT -3.1%, BCP -0.7%, PTTEP -0.3%
กลุ่มขนส่ง -1.1%: TTA -1.5%, AOT -1.2%, AAV -0.9%
กลุ่ม ICT -0.6%: ADVANC -1.3%, THCOM -1.3%
กลุ่มธนาคาร -0.9%: LHBANK -3.5%, BBL -1.3%, SCB -1.1%, KTB -0.9%
กลุ่มอสังหาฯ -0.3%: LPN -2.1%, LH -2.0%, AP -1.5%

ภาวะราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX, BRENT ปรับตัวลง แต่ DUBAI ปรับตัวขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลง : ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.2557 ปิดที่ US$77.40/barrel ลดลง US$1.25/barrel หรือ -1.59% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$78.65/barrel และลดลงเช้านี้เหลือ US$77.22/barrel จากปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบได้แก่
Dollar Index แข็งค่าขึ้น +0.33% dod
รัฐมนตรีพลังงานคูเวต ให้ความเห็นว่าโอเปคจะยังไม่ลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวลง : ปิดที่ US$82.34/barrel ลดลง US$1.05/barrel หรือ -1.26% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$83.39/barrel
ราคาน้ำมันดิบ DUBAI ปรับตัวขึ้นวันที่ 2 ติดต่อกัน : ปิดที่ US$80.62/barrel เพิ่มขึ้น US$0.24/barrel หรือ +0.30% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$80.38/barrel

ราคาทองคำปรับตัวลงจาก Dollar Index ที่แข็งค่า
ราคาทองคำ COMEX ปรับตัวลง : ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2557 ปิดที่ US$1,159.80/ounce ลดลง US$10.00/ounce หรือ -0.85% จากวันก่อนหน้าที่ US$1,169.80/ounce จาก Dollar Index ที่แข็งค่าขึ้น

BDI ปรับตัวลง
BDI ปรับตัวลง : ปิดที่ 1,418 จุด ลดลง 19 จุด จากวันก่อนหน้าที่ 1,437 จุด
WTI Crack ปรับตัวลง : ปิดที่ US$16.00/barrel ลดลง -0.79% dod

Soft Commodities ปรับตัวลงได้แก่ ยาง, ฝ้าย, ถั่วเหลือง และน้ำตาล
ราคายางตลาด TOCOM ปรับตัวลงในรอบ 3 วัน : ราคายางตลาดญี่ปุ่น ปิดที่ 199.60 เยน / กิโลกรัม ลดลง -0.60% dod จากวันก่อนหน้าที่ 200.80 เยน / กิโลกรัม
ราคาฝ้าย ปรับตัวลงในรอบ 3 วัน : ราคาฝ้ายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ค ปิดที่ US$0.61/ปอนด์ ลดลง -2.06% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$0.62/ปอนด์
ราคาถั่วเหลืองตลาด CBOT ปรับตัวลงในรอบ 4 วัน : ราคาถั่วเหลือง ตลาด CBOT ปิดที่ US$10.25/bushel ลดลง -1.06% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$10.36/bushel
ราคาน้ำตาล NYMEX ปรับตัวลง : ราคาน้ำตาลตลาด NYMEX ปิดที่ US$15.66 เซนต์/ปอนด์ ลดลง -0.19% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$15.69 เซนต์/ปอนด์

ราคาถ่านหินล่วงหน้าปรับตัวขึ้นทั้ง 3 ตลาด
ราคาถ่านหินล่วงหน้าปรับตัวขึ้นทั้ง 3 ตลาด
ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Rotterdam ปิดที่ US$72.60/ตัน เพิ่มขึ้น +2.47% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$70.85/ตัน
ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Richard Bay ปิดที่ US$64.45/ตัน เพิ่มขึ้น +1.58% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$63.45/ตัน
ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Newcastle ปิดที่ US$63.10/ตัน เพิ่มขึ้น +1.69% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$62.05/ตัน

การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนที่สำคัญ
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ฟื้นตัว
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ฟื้นตัวอีกครั้ง: วานนี้ปิดที่ 87.781 จุด แข็งค่า 0.29% dod เป็นการ Rebound ช่วงสั้น บวกกับตัวเลขการจ้างงานเดือนต.ค.ของสหรัฐฯ ออกมาดี ทำให้นักค้าเงินกลับมาเก็งกำไรในเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้ง
1. Yen/US$: ค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับ Yen114/US$ เป็นวันที่ 2 ปิดที่ Yen114.818/US$ อ่อนค่า 0.25% dod ล่าสุดเช้านี้ ค่าเงินเยนอ่อนค่าเล็กน้อย ซื้อขายที่ Yen114.959/US$
2. US$/Euro: เงินยูโรเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แตะ US$1.24/euro เป็นวันที่ 2 ปิดที่ US$1.2426/euro อ่อนค่า 0.26% dod ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงินยูโรทรงตัว ซื้อขายที่ US$1.2424/euro
3. US$/GBP: เงินปอนด์อังกฤษเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับ US$1.58/GBP เป็นวันที่ 3 ปิดที่ US$1.5847/GBP อ่อนค่า 0.16% dod ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงิน GBP ทรงตัว ซื้อขายที่ US$1.5848/GBP
4. THB/US$: ค่าเงินบาท on shore วานนี้ อ่อนค่าแตะระดับ 32.00 บาท/US$ เป็นวันที่ 45 ปิดที่ 32.81 บาท/US$ อ่อนค่า 0.15% dod ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย ซื้อขายที่ 32.816 บาท/US$
(เวลา 7.14 น.)

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!