WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

รอบด้านตลาดหุ้น 12 พฤศจิกายน 2557
ซื้อเมื่ออ่อนตัว 5
คาดวันนี้ดัชนีฯ แกว่งในกรอบ 1,560 - 1,576 จุด
      ระยะสัปดาห์ 10-14 พย. ยังเป็นช่วงของการพักฐาน ต่อเนื่องจากการรีบาวด์เมื่อสัปดาห์ก่อน แนะนำ Buy on dips หุ้นบูลชิพที่ Undervalue และหุ้นกลาง-เล็กที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว ปัจจัยลบ บจ.ส่วนใหญ่รายงานกำไร 3Q14 ต่ำกว่าคาดการณ์, ตลท.เล็งออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรหุ้นร้อน, ปัจจัยบวก คาด GDP ยุโรปฟื้นตัวปลายสัปดาห์นี้, MSCI standard และ Small Cap index เพิ่มหุ้นไทย มีผล 25 พย.เป็นต้นไป
แนวโน้มเดือน พย.คาดดัชนีฯจะเริ่มฟื้นตัว แนวรับ 1,555 จุด แนวต้าน 1,600 จุด (ซื้อเมื่ออ่อนตัว) แนะนำ แบงก์ ค้าปลีก สื่อสาร บ้าน กลุ่มน้ำมัน เน้นหุ้นบูลชิพที่ Undervalue (PBV, PE ต่ำ, Upside สูง) เช่น BBL PTTEP (น้ำมันลุ้นรีบาวด์ก่อนการประชุม OPEC 27 พย.) และ หุ้นกลาง-เล็ก ที่มีประเด็นสนับสนุน
หุ้นแนะนำ TRC (แนวรับ 4 บาท) เรามีแนวโน้มปรับประมาณการณ์กำไรขึ้น, SPALI (แนวรับ 25.25 บาท) กำไรดีกว่าคาด


       Update เมื่อวานบ่ายแนะขายตัดขาดทุน MIDA หลังราคาหลุด Stop loss 1.80 บาท (กระแสข่าว ตลท.ออกมาตรการสกัดหุ้นเก็งกำไร กลางเดือนนี้)

BLS รายงานพื้นฐานวันนี้ (ดูรายละเอียดฉบับเต็ม)
       (0) CK คาดกำไร 3Q14 ที่ 1.2 พันล้านบาท ทรงตัว เราคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 31.25 บาท Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 9.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าไม่รวมงานใหม่ปีหน้ารายได้รับเหมาจะไม่โต แต่เราคาดว่าจะมีงานรับเหมาเพิ่มขึ้น โดยปลายปีนี้คาดจะมี การขายซอง งานรถไฟรางคู่ (จิระ-ขอนแก่น) คาดรู้ผลประมูล 2Q15 และ 1Q15 คาดรู้ผลการประมูลงาน รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วน 2H15 คาดมีงาน MRT สายสีส้ม และ งานประมูลสุวรรณภูมิเฟส 2
(+) TRC ข่าว Backlog เพิ่มจากสิ้นปีนี้ราว 9 พันล้านบาท (ดีกว่าที่เราคาดและ เราจะขอพบผู้บริหารเพื่อขอข้อมูลเพิ่มอีกครั้ง ซึ่งมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรขึ้น)
(-) CFERSH รายงานกำไรสุทธิ 3Q14 ที่ 69 ล้านบาท กำไรแย่กว่าคาด เรามีแนวโน้มจะมีการทบทวนกำไรปีนี้ลง หลังพบผู้บริหารเพื่อขอข้อมูลเพิ่ม
(-) RCL รายงานกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท พลิกมีกำไร y-y, แต่ -80% q-q กำไรแย่กว่าเราคาด เราปรับกำไรปีนี้ลง 9% เหลือ 267 ล้านบาท จากค่าระวางเรือตู้ที่แย่กว่าคาดเหลือ $218/TUE และเราปรับลดคำแนะนำลงจาก Trading buy เหลือ Hold ราคาเป้าหมาย 11.4 บาท
(+) TSE รายงานกำไรหลัก 111 ล้านบาท (+44% q-q) ดีกว่าคาด 49% คำแนะนำ และ ราคาเป้าหมายใหม่ อยู่ระหว่างการปรับมาณการณ์หลังขอข้อมูลเพิ่มจากผู้บริหาร
(+) ERW รายงานขาดทุน 3Q14 91 ล้านบาท (ตามคาด) ขาดทุนน้อยลงจาก 2Q14 ที่ -133 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นเทียบ 3Q13 ที่ -6 ล้านบาท, เราคงประมาณการ และราคาเป้าหมายที่ 7.2 บาท คงแนะนำ ซื้อ
(+) M รายงานกำไรหลัก 3Q14 ที่ 522 ล้านบาท -2% y-y , +30% q-q กำไรดีตามคาดแต่ SSS ยังลดลงต่อเนื่อง ทำให้เราต้องปรับกำไรปี 2014-15 ลง 3% และราคาเป้าหมายใหม่ปรับลงเหลือ 61 บาท จาก 64 บาท คงคำแนะนำ ถือ
(+) SPALI กำไรหลัก 3Q14 ที่ 1.6 พันล้านบาท +351% y-y และ 198% q-q ดีกว่าคาด 16% เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 32 บาท
(+) LH กำไรหลัก 3Q14 ที่ 1.7 พันล้านบาท ทรงตัว y-y และ -13%q-q ตามคาด ราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 บาท
(+) PCSGH เราคงมุมมองเชิงบวกหลังจากพบผู้บริหารในการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวาน เราคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.3 บาท 1

 

หุ้นมีข่าว
(-) SVI ไฟไฟม้โรงงาน เช้านี้ ยังไม่สามารถระบุความเสียหายได้ / คาดว่ามีประกันชดเชย แต่ถ้าไม่สามารถกลับมาดำเนินการผลิตตาม Order ที่รอส่งมอบ คาดมีปัญหาต่อผลการดำเนินงานระยะยาว
(+) BANPU ร่วมลงทุนพัฒนาสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในจีน
(+) MSCI review (มีผล 25 พย.เป็นต้นไป) หุ้นเพิ่มคำนวณในดัชนี MSCI Thailand รอบนี้ได้แก่ DELTA EA และ TUF (ไม่มีหุ้นถูกถอดออก) ส่วนหุ้นที่น้ำหนักลงทุนเพิ่มขึ้น ได้แก่ PTT (เพิ่ม +1.17%) และหุ้นที่น้ำหนักลงได้แก่ KBANK-F (-0.43%), SCB (-0.42%), ADVANC (-0.36%), PTTEP (-0.31%), CPALL (-0.30%), KBANK (-0.23%), SCC-F (-0.20%) / BBL ไม่ได้กลับมาเพิ่มน้ำหนัก อย่างที่คาด แต่ก็ไม่โดนลด น้ำหนัก ขณะที่ KBANK SCB กลับโดนลดน้ำหนัก คาด BBL ที่โดนลดน้ำหนักไปก่อนหน้าจะ Outperform กลุ่ม จากแรงซื้อทดแทน KBANK SCB
MSCI THAILAND Small Cap เพิ่มหุ้น AIRA EFORL ICHI DRT KTIS PCSGH SAWAD SUPER ถอดออก DELTA EA (ย้ายไป Standard) CENTEL M MCOT PS TFD DRT

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) GPIF (Japan's government pension fund) รายงานการเปลี่ยนแปลงนโยบายเงินลงทุนรอบใหม่ / ผลกระทบคาดเงินในพันธบัตรญี่ปุ่นราว 68.3 ล้านล้านเยน (ณ.สิ้นเดือน กย.) และเงินที่ครบอายุไถ่ถอนจะไหลออกราวปีละ 10 ล้านล้านเยน และจะมีสัดส่วนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นใน และต่างประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ จากนำหนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น (ดูตาราง) Overseas ต่างประเทศมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเดิม 12% เท่ากับสัดส่วนหุ้นญี่ปุ่นที่ 25% (จาก 12%)
(+) วันพุธ US Wholesale inventory (กย.) คาด +0.2% m-m จาก 0.7%, EU Industrial production (กย.) คาด พลิกบวก +0.7% จาก -1.8% m-m
(0) วันพฤหัส ธ.กลางเกาหลีใต้ และ อินโด คาดคงดอกเบี้ย ที่ 2% และ 7.5% ตามลำดับ, US Budget statement (ตค) คาด $bn-111.7 จาก $bn+105.8
(+) วันศุกร์ EU GDP 3Q14 รอบแรก คาดกลับมาบวก +0.1% จาก 0% q-q sa. เยอรมนี GDP +0.1% จาก -0.2%, US retail sale (ตค.) +0.4% จาก -0.2% m-m, US import price (ตค.) คาด -1.8% จาก -0.5% m-m, มาเลเซีย GDP 3Q14 คาด +5.6% จาก 6.4% ส่วน HK GDP 3Q14 คาด +1.5% จาก 1.8% กระทบจากเหตุการณ์ประท้วง

 

หุ้นในกระแส
(*) Earnings play 3Q14: เติบโตสูง AP BLA พลิกมีกำไร IFEC
(+) MSCI add DELTA EA TUF เพิ่มน้ำหนัก PTT มีผล 25 พย.เป็นต้นไป
(+) กระแสข่าว M&A: SST IFEC

 

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาด
คลังยอมธปท.ใช้เงินเฟ้อทั่วไปดูแลเศรษฐกิจ
คลังยอมธปท. ใช้กรอบเงินเฟ้อทั่วไปกำหนดนโยบายการเงินแล้ว นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงเรื่องการกำหนดกรอบเงินเฟ้อของประเทศโดยได้เห็นสอดคล้องกับ ธปท.ที่จะให้นำเอาเงินเฟ้อพื้นฐานทั่วไปมาเป็นตัวกำหนดนโยบายการเงินการคลัง จากที่ได้ใช้กรอบเงินเฟ้อพื้นฐานมานานแล้ว (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)

 

กรมบังคับคดีลุยไกล่เกลี่ยหนี้ครัวเรือน-เอสเอ็มอี
      กรมบังคับคดีจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้รายย่อยกว่า 1 แสนราย รวมทั้งกลุ่มเอสเอ็มอี น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวถึงการไกล่เกลี่ยหนี้ที่ถูกบังคับคดีว่า กรมจะจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ครัวเรือนที่เป็นลูกหนี้รายย่อย ทั้งหนี้บัตรเครดิต หนี้เช่าซื้อรถยนต์ หนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) รวมแล้วประมาณ 1.83 แสนราย (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)

บจ.กำไรลดตามคาด 120 บริษัททำได้1.18 แสนล้านในไตรมาส3
     วิเคราะห์ 120 บริษัทกำไรเพียง 1.18 แสนล้าน บจ.ดาหน้าลดเป้าปีนี้ หลังงานรัฐอืด เศรษฐกิจฟื้นช้าสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ต้องส่งผลประกอบการงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนปี 2557 ภายในเวลาที่กำหนด 45 วันหลังปิดงบการเงิน (หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)

ออร์เดอร์ใหม่ปีหน้าทะลัก สัญญาณบวกส่งออกไทย/คู่ค้าทยอยสั่งซื้อ /สินค้าอุตฯ-เกษตรสดใส
       โฟกัสกว่า 10 กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม-เกษตรรายสาขา พบสัญญาณบวกออร์เดอร์ ปี 58 เริ่มทะลัก บางกลุ่มฟันธงยอดขายขยายตัวเฉลี่ย 5-10% ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ไก่ ฉายแววสดใส ได้อานิสงส์เศรษฐกิจอเมริกาฟื้น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าของรัฐบาลประยุทธ์ รวมถึงแผนใช้งบปี 58 ปลุกกำลังซื้อ (หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ)

หนี้ค้างบัตรพุ่ง 28% เข้มให้กู้คนรายได้ต่ำ
       เผยเดือนก.ย.ยอดค้างหนี้บัตรเครดิตเกิน 3 เดือนพุ่ง 28.07% "ประสาร" ชี้สะท้อนการก่อหนี้ของครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ยันยังไม่น่าห่วง เคทีซีทวงลูกค้าทันทีหลังครบกำหนด 1 วัน ด้านแบงก์-นอนแบงก์ รุกจัดโปรแกรมต่อลมหายใจทั้งขยายเวลา-ลดดอกเบี้ย-ปรับโครงสร้างหนี้ เตือนกลุ่มเสี่ยงรายได้ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท/เดือน มีสิทธิ์สูงถูกปฏิเสธให้สินเชื่อ (หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ)
ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ Tel. (662) 618-1330-1
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

รายงานวันนี้
หุ้น: RCL คำแนะนำ: ถือ ราคาเป้าหมาย (บาท): 11.40
RCL รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 3/57 ที่ 60 ล้านบาท พลิกฟื้นจากขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/56 แต่ลดลง 80% QoQ
กำไรหลักอยู่ที่ 81 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนหลักในไตรมาส 3/56 แต่ลดลง 70% QoQ
กำไรหลักที่ปรับตัวดีขึ้น YoY เป็นผลมาจากต้นทุนในการดำเนินงานที่ลดลง ส่วนสาเหตุที่ทำให้กำไรหลักลดลง QoQ เนื่องจากอัตราค่าระวางเรือและปริมาณการขนส่งที่ลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น
เราคาดว่ากำไรหลักของ RCL จะปรับตัวลดลง QoQ ในไตรมาส 4/57 (แต่คาดจะปรับตัวดีขึ้น YoY) เนื่องจากโดยปกติแล้วไตรมาสที่สี่จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นสำหรับการขนส่งทางเรือคอนเทนเนอร์
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2557 ลง 9% เป็น 267 ล้านบาทเพื่อสะท้อนสมมติฐานอัตราค่าระวางเรือที่ลดลง 2%
และปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อเก็งกำไร เป็น ถือ เนื่องจากราคาหุ้นได้สะท้อนกำไรสุทธิที่ดีขึ้น YoY สำหรับไตรมาส 3/57 ไปแล้ว รวมถึงกำไรไตรมาส 4/57 มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัว QoQ
นักวิเคราะห์: สุพพตา ศรีสุข, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

หุ้น: LH คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 12.00
LH รายงานผลกำไรหลักที่ 1.7 พันล้านบาทสำหรับไตรมาส 3/57 ทรงตัว YoY และลดลง 13% QoQ ตรงตามคาดการณ์ของเราและตลาด
อัตรากำไรขั้นต้นโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจาก 35.4% ในไตรมาส 3/56 เป็น 36.3% ในไตรมาส 3/57 กลบผลกระทบยอดขายที่ลดลง 5% YoY เป็น 6 พันล้านบาททั้งหมด
คาดกำไรในไตรมาส 4/57 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ (มีโอกาสขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่)
กำไรช่วง 9 เดือนปี 2557 คิดเป็น 72% ของประมาณการทั้งปี 2557 ของเราซึ่งยังคงเดิม และมองว่า LH จะสามารถบรรลุเป้ารายได้โครงการที่อยู่อาศัยในปีเดียวกันที่ 25,000 ล้านบาทได้
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจาก LH เป็นหุ้นเพียงตัวเดียวภายใต้กลุ่มอสังหาฯที่อยู่อาศัยที่เราวิเคราะห์อยู่ซึ่งมีค่า PER ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว แต่เราปรับลดราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2558 ลงจาก 12.2 บาทเป็น 12 บาท
นักวิเคราะห์: นฤมล เอกสมุทร, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

หุ้น: SPALI คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 32.00
SPALI รายงานผลกำไรหลักที่ 1.6 พันล้านบาทสำหรับไตรมาส 3/57 เพิ่มขึ้นถึง 351% YoY และ 198% QoQ สูงกว่าคาดการณ์ของเราและตลาด 16% และ 15% ตามลำดับ
กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY มีปัจจัยหนุนจากรายได้โครงการที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวเป็น 5.8 พันล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นโครงการที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น 4.3% เป็น 44.3% และสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ต่ำเพียง 9.5%
คาดกำไรของ SPALI จะเติบโต QoQ ในไตรมาส 4/57 หนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่อาจหดตัว YoY จากที่ขึ้นทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 4/56 ที่ 1.8 พันล้านบาท
กำไรช่วง 9 เดือนปี 2557 คิดเป็น 67% ของประมาณการทั้งปี 2557 ของเราซึ่งยังคงเดิม โดยยอดจองซื้อรอรับรู้เป็นรายได้ได้ประกันสมมติฐานรายได้โครงการที่อยู่อาศัยในปีนี้เต็มมูลค่า และ 76% ของประมาณการในปีหน้า
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ จากค่า PER ที่ 9.3 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 11 เท่า รวมถึงจากความชัดเจนของรายได้
นักวิเคราะห์: นฤมล เอกสมุทร, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

หุ้น: M คำแนะนำ: ถือ ราคาเป้าหมาย (บาท): 61.00
M รายงานผลกำไรหลักที่ 522 ล้านบาทสำหรับไตรมาส 3/57 ลดลง 2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 30% QoQ ตรงตามคาดการณ์ของเราและตลาด
กำไรหลักที่ลง YoY เป็นผลมาจากยอดขายที่เติบโตไม่มากพอที่จะกลบผลกระทบอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นได้
เรามองว่ากำไรของ M จะทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากช่วงฤดูกาล
เราปรับลดประมาณการกำไรหลักลง 3% สำหรับปี 2557 และ 2558 เพื่อสะท้อนยอดขายสาขาเดิมที่อ่อนตัว
การปรับลดประมาณการของตลาดอาจกระทบราคาหุ้นในระยะสั้น เราแนะนำให้นักลงทุนรอสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายสาขาเดิมก่อนเข้าซื้อหลักทรัพย์ และปรับลดราคาเป้าหมายลงจาก 64 บาทเป็น 61 บาท
นักวิเคราะห์: นฤมล เอกสมุทร, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

หุ้น: ERW คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 6.00
ERW รายงานขาดทุนหลักที่ 91 ล้านบาทสำหรับไตรมาส 3/57 (เทียบกับขาดทุนหลัก 6 ล้านบาทในไตรมาส 3/56 และ 133 ล้านบาทในไตรมาส 2/57) และขาดทุนสุทธิที่ 83 ล้านบาท
รายได้ธุรกิจโรงแรมลดลง YoY เป็น 960 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นหดตัวจาก 50.2% ในไตรมาส 3/56 เป็น 44.9% ในไตรมาส 3/57 และสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้น 1% YoY เป็น 28.8% ซึ่งรายได้ขั้นต้นไม่สามารถกลบค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้
คาดขาดทุนสุทธิจะพลิกฟื้นมาทำกำไรได้ในไตรมาส 4/57 จากช่วงฤดูกาล แต่จะลดลง YoY จากค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงานในโรงแรมใหม่
เราคาดว่าขาดทุนหลักไตรมาส 4/57 จะอยู่ที่ 169 ล้านบาท และกำไรหลักที่ 148 ล้านบาทในปีหน้า อย่างไรก็ตามอาจมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการ
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2558 ที่ 6 บาท จากแนวโน้มการพลิกมาทำกำไรในปีหน้า
นักวิเคราะห์: นฤมล เอกสมุทร, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

หุ้น: PSCGH คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 11.30
เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ หนุนจากอัตรากำไรกลุ่มยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงอัพไซด์จากการขยายสายธุรกิจไปยังรถยนต์ผู้โดยสาร
บริษัทคาดว่าการผลิตยานยนต์ในไตรมาส 4/57 จะเพิ่มขึ้น 10% QoQ หนุนจากการออกโปรโมชั่นเชิงรุกและยอดส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น
ผู้บริหารมีแผนจะขยายธุรกิจชิ้นส่วนไปยังยานยนต์ซึ่งมีเครื่องยนต์ที่ใช้แก๊สโซลีน โดยเฉพาะรถยนต์ผู้โดยสาร
และยังมีแผนที่จะเข้าลงทุนติดตั้งไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โซลาร์เซลล์บนหลังคาอาคารมูลค่า 180 ล้านบาทในปีหน้า
งลบลงทุนของบริษัทอยู่ที่ 420 ล้านบาทในปี 2557 และ 580 ล้านบาทในปีหน้า โดยจะงบลงทุนจะมาจากเงินสดของบริษัททั้งหมดโดยปราศจากหนี้สิน

นักวิเคราะห์: สุวัฒน์ บำรุงชาติอุดม, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์

หมายเหตุ: รายงานดังกล่าวเป็นเพียงเนื้อหาโดยสรุป สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานฉบับเต็ม

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!