WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Property Day
    ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งในกรอบแคบ ปิดที่ 1,577.55 จุด ลบเล็กน้อย 3.72 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือ 40,278 ล้านบาท
      ด้านเงินทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 493 ล้านบาท คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 3,821 สัญญา เมื่อ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 14 กว้างถึง 6.04 จุด ด้านตลาดตราสารหนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2,492 ล้านบาท
มาตรการควบคุมหุ้นที่มีการซื้อขายร้อนแรงยังคงต้องรอผลการพิจารณาจากทาง กลต. ทั้งนี้ ตลท. คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในปีหน้า เราประเมินว่า หุ้นเล็กที่มีการซื้อขายร้อนแรง อาจชะลอตัวต่อเนื่องอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อรอดูท่าทีจากทางกลต.
     ขณะที่หุ้นใหญ่ Big Cap จะยังโดดเด่น จากเงินทุนต่างชาติที่ทยอยสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง จากสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินโลก บวกกับ เป็นช่วงปลายปี ผู้จัดการกองทุนต่างชาติ ต้องเร่งปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อให้สอดรับกับแผนการลงทุนในปีหน้า ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเดือนธ.ค. เราเชื่อว่าหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มอสังหาฯ จะเป็นเป้าหมายการลงทุนของนักลงทุนกลุ่มนี้ ซึ่งผลการดำเนินงานใน 3Q57 ออกมาน่าประทับใจเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงได้อานิสงค์จากการฟื้นตัวของภาคการบริโภคภายในประเทศ และการเร่งการใช้จ่ายของภาครัฐ
   วันนี้ ติดตามการแถลงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเป็นของขวัญของปีใหม่ โดยรมว.คลัง คาดว่าเป็นแนวทางกระตุ้นภาคการบริโภคภายในประเทศให้ฟื้นตัวต่อเนื่องและในอัตราเร่ง
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุนอาจพิจารณาขายทำกำไรหุ้น Big Cap บางส่วนบริเวณ 1,590 จุด +/-“ และ เข้าเก็งกำไรหุ้นที่ Laggard หรือ ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q57 ไปแล้ว
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” ANAN / GOLD
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: ANAN/ GOLD

Action and Stock of the Day
SET INDEX แกว่งแคบ 1,580 จุด +/-

คาด SET INDEX แกว่งด้านข้าง ด่าน 1,580-1,585 จุด ยังแข็งแกร่ง
กลุ่มอสังหาฯ น่าจับตามอง
      กลยุทธ์การลงทุน ขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,590 จุด +/- ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวานนี้ ปิดบวก – ลบ สลับกันไป โดย TAIEX ปิดบวกเด่น 1.18% ขณะที่ HSKI -0.66% จากความกังวลด้านเศรษฐกิจในจีน
สำหรับตลาดหุ้นไทย SET INDEX แกว่งในกรอบแคบ 1,580 จุด +/- โดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK / KTB ช่วยจำกัด Downside risk ของตลาดหุ้นไทยโดยรวม ส่วนหุ้นขนาดเล็กแกว่งในกรอบแคบ แม้ว่ามาตรการสกัดหุ้นร้อนจะต้องรอ กลต.พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,577.55 จุด ลบเล็กน้อย 3.72 จุด มูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือ 40,278 ล้านบาท
      กลุ่มที่ยังปิดบวกมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มกระดาษ +2.23%, กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +0.57% และกลุ่มธนาคาร +0.53% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มพลังงาน -0.38%, กลุ่มอสังหาฯ -0.93% และกลุ่ม ICT -0.60saq

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
      ตลาดหุ้นเอเชีย (7.46 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวก จากตัวเลขการส่งออกเดือนต.ค.ที่ขยายตัวได้ดีกว่าคาด ขณะที่ Kospi เปิดย่อตัวลงเล็กน้อย
     ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ เราประเมินว่า SET INDEX จะแกว่งในกรอบแคบ 1,570-1,580/85 จุด หุ้น Big Cap จะยังเป็นกลุ่มที่ช่วยจำกัด downside risk และ ผลักดัน SET INDEX ในรอบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Domestic Play เราให้น้ำหนักกับกลุ่มธนาคาร / กลุ่มที่อยู่อาศัย เป็นเป้าหมายสำคัญของรอบนี้ เนื่องจาก
•สภาพคล่องทางการเงินที่ล้นอยู่ในระบบการเงินทั่วโลก พร้อมเปิดโอกาสทำ Yen Carry Trade และ Euro Carry Trade แม้ว่าตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER14-15 ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 1SD ย้อนหลัง 1 ปี ก็ตาม แต่ก็เป็นสถานการณ์เช่นเดียวกันในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ และ ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เช่นกัน
•ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี วานนี้ยังคงปิดต่ำกว่า 3.00% ปิดที่ 2.989% ผลตอบแทนลดลง 0.45bps เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยทั้งทางตรง และ ทางอ้อม จาก Risk Free Rate ที่ลดลง
•คาดกองทุนต่างชาติ ทยอยปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับแผนการลงทุนในปี 2558 เพราะ ปัจจุบัน อยู่ในช่วงครึ่งหลังของเดือนพ.ย. กองทุนเหล่านี้จะต้องเร่งทำให้เสร็จ ก่อนสู่ช่วงวันหยุดยาวในเดือนธ.ค.
•สศค.ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทย เติบโต 4.0% yoy ใน 4Q57 คาดภาพรวมปี 2557 GDP จะเติบโต 1.4% เป็นประเด็นที่น่าสนใจ
      ขณะที่มาตรการควบคุมหุ้นที่มีการซื้อขายร้อนแรง หลังตลท. หารือ กับ สมาคมโบรกเกอร์ วานนี้ เป็นการมุ่งเน้นไปยังหุ้นที่ติด Trading Alert เป็นสำคัญ แต่จะต้องมีการหารือกับ กลต. ถึงข้อสรุปดังกล่าว คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในปี 2558 ทำให้กรณีดังกล่าวในช่วงสั้นเป็น “กลาง” ในความเห็นของเรา เพราะยังต้องใช้เวลาในการพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวทางการกำหนดขึ้นเครื่องหมาย Trading Alert ที่เป็นมาตรฐานกลาง เพื่อความโปร่งใส เป็นสำคัญ
ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุน ทยอยขายทำกำไรบางส่วน ในหุ้นหลักที่แนะนำเข้าสะสม / เก็งกำไร บริเวณ 1,590 จุด +/-“ พร้อมปรับพอร์ตบางส่วนมาสะสมหุ้น Laggard หรือ หุ้นที่ผลการดำเนินงาน ผ่านจุดต่ำสุดใน 3Q57 โอกาสที่ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวเด่นใน 4Q57 เป็นทางเลือก

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.MSCI ปรับสมาชิกในรอบนี้ : โดยมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 25 พ.ย.นี้
•ดัชนี MSCI Thailand:
i.เพิ่ม: DELTA / EA / TUF
ii.ออก: ไม่มี
•ดัชนี MSCI Global Small Cap
i.เพิ่ม: AIRA / EFORL / ICHI / KTIS / PCS / SAWAD / SUPER
ii.ออก: CENTEL / DELTA / DRT / EA / MCOT / M / PS/ TFD
2.ติดตามการแถลงมาตรการเสริมด้านเศรษฐกิจวันนี้: รมว.คลัง เตรียมแถลงมาตรการเสริมทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ให้แก่ประชาชนชาวไทย ตามนโยบายของนายกฯ ที่กล่าวในที่ประชุมครม.ต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
MBKET ให้น้ำหนักเป็นกลางถึงบวก ต่อประเด็นนี้ และคาดว่าน่าจะเป็นมาตรการที่ช่วยกระตุ้นภาคการบริโภคภายในประเทศ หลัง รัฐบาล พยายามเพิ่มอำนาจการใช้จ่ายให้แก่กลุ่มรากหญ้าและชาวเกษตรกร รวมถึงล่าสุดการปรับเงินเดือนข้าราชการชั้นผู้น้อย
3.มาตรการสกัดหุ้นร้อนยังไม่มีผลบังคับใช้ทันที: วานนี้มีการประกาศใน 2 ส่วนด้วยกันดังนี้
•หลักเกณฑ์การคำนวณ Cash Balance ของ กลต. ปรับเพิ่มบางส่วน และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 พ.ย.เป็นต้นไป
i.หุ้นใน MAI จะไม่จำกัดที่ 5 อันดับแรก หุ้นใดเข้าเกณฑ์ ก็จะต้องติด Cash Balance
ii.เมื่อหลักทรัพย์ใดติด Cash balance แล้ว warrant ในหลักทรัพย์นั้นๆ จะต้องติด Cash Balance ไปด้วย
iii.แต่ Warrant ของหลักทรัพย์ใดๆ ติด Cash Balance หลักทรัพย์ที่ใช้อ้างอิง จะไม่ถือว่าติด Cash balance อัตโนมัติ
•หลักเกณฑ์การสกัดกั้นหุ้นร้อง จากการหารือระหว่าง ตลท. และ สมาคมโบรกเกอร์ จะให้น้ำหนักกับหุ้นที่ขึ้น Trading Alert ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอ เพื่อนำไปหารือกับ กลต. คาดว่าจะได้ข้อสรุป และเริ่มใช้ในปี 2559
i.หุ้นที่ขึ้น Trading Alert ครั้งที่ 1 จะถูกติด Cash balance เป็นเวลา 3 สัปดาห์
ii.หุ้นที่ขึ้น Trading Alert ครั้งที่ 2 จะไม่สามารถนำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
iii.หุ้นที่ขึ้น Trading Alert ครั้งที่ 3 จะไม่สามารถทำ Net Settlement ได้
4.กิจกรรมของตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มต้นแล้ว
•SET in The City ระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย. คาดเม็ดเงินจากกองทุน LTF / RMF จะเริ่มทยอยเข้าตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า
•งานโรดโชว์ที่มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 19-21 พ.ย. คาดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศจะเริ่มเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าเช่นกัน

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.53 14.08 16.56 14.52
PSE 20.58 17.82 20.59 17.83
JSE 16.94 14.51 16.85 14.41
KOSPI 13.25 10.79 13.07 10.73
TAIEX 14.00 12.91 13.96 12.85
Straits Time 14.50 13.42 14.42 13.35
SHCOMP 9.97 8.88 10.00 8.90
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “เก็งกำไร” ได้แก่
1.GOLD: ราคาปิด 8.65 บาท ราคาเหมาะสม 11.00 บาท
a)ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา SET INDEX +3.19% กลุ่มอสังหาฯ เพิ่มขึ้น 2.88% น้อยกว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทย GOLD -2.26% สวนทางกับภาพรวมของกลุ่ม
b)ยอด Presales ใน 10M57 ทำได้แล้ว 2,402 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของเป้าหมายที่ GOLD ตั้งไว้ที่ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 450% yoy และในช่วงที่เหลือของปีนี้ GOLD เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ากว่า 5,500 ล้านบาท เราเชื่อว่า GOLD จะสามารถทำยอด Presale ได้ดีกว่าคาด 10-15%
c)ภาพรวมทั้งปี 2557 เราเชื่อว่า GOLD อาจทำผลการดำเนินงานได้ดีกว่าที่เราประเมินไว้ ด้านรายได้ 3,145 ล้านบาท เติบโต 100% yoy เป็นราว 3,600 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 477 ล้านบาท หรืออาจสูงกว่าที่เราคาด ทำให้ผลการดำเนินงานใน 4Q57 จะเห็นกำไรที่เติบโต qoq ต่อเนื่อง
d)ปีหน้า การควบรวมกับ KLAND จะสร้างปัจจัยบวกอย่างชัดเจน โดยจะต้องขอมติจากผู้ถือหุ้นวันที่ 9 ธ.ค. เพื่อเข้าซื้อหุ้น KLAND จำนวน 1,780 ล้านหุ้นหรือ 100% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วหรือขั้นต่ำที่ทำให้ GOLD สามารถถือหุ้นใน KLAND ได้ไม่น้อยกว่า 51% โดยเสนอซื้อที่ราคา 2 บาท/หุ้น เบื้องต้นเราคาดขั้นตอนการเข้าเสนอซื้อและควบรวมจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2558 เป็นการรวมเอาธุรกิจที่คล้ายกับ GOLD คือพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบเข้าไว้ด้วยกัน รวมทั้งเป็นการสร้างความแข็งแกร่งขยาย Segment ให้ครอบคลุมและต่อยอดให้กับธุรกิจกลุ่มที่อยู่อาศัยของ GOLD มากขึ้น
e)พร้อมออกกองทุน REIT ใน 3Q58 เป็นการจัดตั้งร่วมกับบอาคาร Park Venture ของ UV ขนาดกองทุน 8,000 – 10,000 ล้านบาท (ส่วนของ GOLD +/-5,000 ล้านบาท) โดยคาดสามารถจัดตั้งได้ช่วง 3Q58 ซึ่งสินทรัพย์ที่ GOLD นำไปจัดตั้ง REIT คืออาคารสำนักงาน Sathorn Square พื้นที่เช่า 75,000 ตร.ม คาดจะทำให้ GOLD มีกำไรพิเศษสุทธิประมาณ 1,400 ล้านบาท
f)อย่างไรก็ตาม ประเด็นบวกทั้ง KLAND และ REIT ยังไม่รวมไว้ในประมาณการกำไรสุทธิในปี 2558 ของเราที่ 290 ล้านบาท และถือเป็น Upside risk ที่สำคัญต่อประมาณการของเรา ราคา ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย P/BV 58 เท่ากับ 1.75x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.84x
2.ANAN: ราคาปิด 3.82 บาท ราคาเหมาะสม 4.60 บาท
a)ANAN เป็นอีกหุ้นในกลุ่มที่อยู่อาศัยที่มีความเป็น Laggard สูง ราคาหุ้นตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา -0.52%
b)ผลการดำเนินงานใน 3Q57 เป็นจุดที่ต่ำสุดในรอบปีไปแล้ว จากการเลื่อนรับรู้โครงการ Idoe Del Ray สุขุมวิท 64
c)แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q57 คาดเติบโต qoq จากการเริ่มทยอยรับรู้โครงการ Idoe Del Ray สุขุมวิท 64 ที่เลื่อนจาก 3Q57 รวมถึงมี Backlog ที่รอรับรู้รายได้กว่า 3,900 ล้านบาท ทำให้ภาพทั้งปี 2557 คาดรายได้ของ ANAN จะเติบโต 14.4% yoy เป็น 10,821 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,113 ล้านบาท
d)เราคาด ANAN จะเป็นหนึ่งใน 11 หลักทรัพย์ ที่จะได้รับการคัดเลือกเข้าสู่ SET100 ซึ่ง ตลทฯ จะประกาศอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนธ.ค. และมีผลตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.2558

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ และ ดัชนี PMI ภาคการผลิต

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$528 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$181 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 450.9 112.7 13,188.6 9,188.0
KOSPI n.a n.a 6,392.2 4,875.1
JSE 35.5 20.1 4,303.1 -1,806.4
PSE 28.2 14.3 835.9 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -1.2 -10.2 150.9 263.2
SET INDEX 15.1 43.6 -366.6 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
นักลงทุนต่างชาติทำ Arbitrage ระหว่างตลาดหุ้น และ SET50 Index Futures ต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +493 +1,428
SET50 Index Futures (สัญญา) -3,821 -7,501
SSF (สัญญา) +51 +1,369
Metal Futures (สัญญา) +579 +368
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -2,492 +3,612

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 493 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,921 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิลดลงเหลื 13,578 ล้านบาท
ขณะที่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 3,821 สัญญา รวม 2 วันทำการ short สุทธิ 11,322 สัญญา เมื่อ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 14 กว้างถึง 6.04 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เป็น 3.53 จุด
เราประเมินว่า นักลงทุนต่างชาติ น่าจะใช้กลยุทธ์ Arbitrage ระหว่างตลาด spot และ ตลาด Futures เพราะ S50Z14 แพงกว่า SET50 Index อย่างมีนัยยะสำคัญ
ด้านตลาด Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคง Long สุทธิเป็นวันที่ 8 อีก 579 สัญญา รวม 8 วันทำการ Long สุทธิ 6,525 สัญญา เมื่อราคาทองคำในตลาดโลก แกว่งเหนือ US$1,190/ounce ได้อย่างแข็งแกร่ง
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2,492 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 4,266 ล้านบาท กดดันให้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี ปิดต่ำกว่า 3.00% เป็นวันที่ 2 เท่ากับ 2.989% ผลตอบแทนลดลงอีกเล็กน้อย 0.45bps
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 302 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 299 ล้านบาท

Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
INTUCH 51.09 10.84% 73.51
ITD 40.06 5.51% 6.79
ADVANC 38.33 4.62% 238.96
PTT 32.56 3.08% 386.21
KBANK 30.71 2.91% 243.36


NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 16 น่าสนใจที่สะสม MAI สูงสุด
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 837 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,055 ล้านบาท รวม 16 วันทำการซื้อสุทธิ 18,212 ล้านบาท ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่ม MAI ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 205 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 193 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 319 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 176 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 206 ล้านบาท กลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 167 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 133 ล้านบาท และกลุ่มไฟแนนซ์ ซื้อสุทธิ 134 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ถูกขายสุทธิสูงสุด เป็นวันที่ 2 อีก 138 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 118 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 67 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
SAWAD 121.12 8.93 ADVANC -111.26 33.56
EA 93.61 26.81 CK -59.28 9.01
BBL 83.50 22.52 STEC -58.43 17.41
FSMART 82.68 10.19 PTTEP -44.66 14.97
TUF 81.63 18.52 HEMRAJ -42.75 16.10

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!