WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้  Selective Buy

ตลาดหุ้นวานนี้:

       ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปรับฐานลงแรงทดสอบแนว 1,500 จุด ก่อนเกิด Technical Rebound ในช่วงท้ายตลาด ปิด ณ สิ้นวันที่ 1,514.95 จุด ลบเป็นวันที่ 3 อีก 11.86 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51,028 ล้านบาท โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ ยังคงปรับฐานลงแรงต่อเนื่อง

       ทั้งนี้ ต่างชาติ ยังคงลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 หนาแน่น 2,928 ล้านบาท และ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 8 อีก 5,808 สัญญา ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ขายสุทธิเล็กน้อย 82 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้

•ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดที่ US$57.81/barrel ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ที่มีต้นทุนเฉลี่ย US$60/barrel เราเชื่อว่า Downside risk ของราคาน้ำมันดิบเริ่มจำกัด

•ราคาน้ำมันดิบที่ลดลง สร้างความเสี่ยงต่อภาวะเงินฝืดให้แก่ ยุโรป และ ญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น แต่กลับสร้างโอกาสที่จะทำให้ ECB / BoJ เพิ่มมาตรการกระตุ้นเงินเฟ้อได้เช่นกัน ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน เปิดโอกาส Carry Trade

•ผลการเลือกตั้งทั่วไปในญี่ปุ่น เบื้องต้น พรรคของนาย LDP ชนะ และครองเสียงข้างมากในสภาล่าง เชื่อว่า นาย Abe จะสานต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจ

•สภาสูง – สภาล่าง สหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ US$1.1 ล้านล้าน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดี โอบามา มีงบประมาณบริหารประเทศไปจนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า

มุมมองต่อตลาด

เราให้มุมมองต่อการลงทุน เป็น “กลางถึงบวก” อีกครั้ง หลัง SET INDEX เกิดปรับฐานลง 6.25% จากระดับสูงสุด 1,600 จุดในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกลุ่มพลังงาน เป็นตัวกดดันภาพรวมของ SET INDEX แต่หากพิจารณาลงในรายละเอียดด้านปัจจัยพื้นฐาน การที่ราคาน้ำมันดิบลดลงกลับเป็นตัวช่วยต่อเศรษฐกิจในไทย ทั้งในแง่ของอำนาจการใช้จ่ายภาคประชาชน, ภาคการท่องเที่ยว ต้นทุนการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน

เราประเมินว่า SET INDEX จะเริ่มทรงตัวได้ดีขึ้น และพร้อมเกิด Technical Rebound หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้นตัว เพียงแต่ในช่วงสั้น Upside gain ของ SET INDEX ยังคงจำกัดบริเวณ 1,525-1,530 จุดเท่านั้น ขณะที่แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติเราเชื่อว่าจำกัด เพราะเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวขอนักลงทุนกลุ่มนี้ แต่หากประเมินภาพระยะถัดไป เราเชื่อว่า โอกาสเกิด January Effect ในเดือนหน้าจะมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ตลาด Nikkei เช้านี้ เปิดลบ 1.71% (7.19 น) เป็นการขายสะท้อนผลการเลือกตั้ง อีกทั้ง DJIA คืนวันศุกร์ปรับตัวลงถึง 1.79% ขณะที่ราคาน้ำมัน NYMEX ปรับตัวลงต่อในเช้าวันนี้

กลยุทธ์การลงทุน

เราแนะนำให้ “เก็งกำไรต่อหุ้นขนาดกลาง – ใหญ่ ที่ผลการดำเนินงานใน 4Q57 เติบโตเด่น และมีแนวโน้มเป็นบวกต่อเนื่องในปีหน้า” เป็นทางเลือกของการเก็งกำไร

Portfolio      Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI

HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB

Speculative Buy: AAV / IFEC

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่

1.AAV : ราคาปิด 4.82 บาท ราคาเหมาะสม 4.90 บาท

a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสายการบินจะได้รับ Sentiment บวกต่อเนื่อง จากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบที่ลดลงเหลือ US$57.81/barrel ทำระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี

b)คาดผลประกอบการ 4Q57 จะพลิกเป็นกำไรสุทธิ เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจท่องเที่ยว จึงส่งผลบวกโดยตรงต่อ Loading Factor ของ AAV ทั้งเส้นทางในประเทศ และเส้นทางต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญของบริษัท

c)และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวลงมากถึง -36.6% QTD ใน 4Q57 เหลือ US$57.81/barrel (สิ้นสุดวันที่ 12 ธ.ค.) ย่อมส่งผลบวกโดยตรงต่อต้นทุนเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญใน 4Q57 – 1Q58 และมีโอกาสที่จะเป็น Positive Surprise ให้กับตลาด

d)ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ที่ระดับเพียง PBV 2558 เพียง 0.86 เท่า และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโตสูงถึง +873.5% yoy เป็น 1,577 ล้านบาท

2.IFEC : ราคาปิด 13.00 บาท ราคาเหมาะสม 11.40 บาท (อยู่ระหว่างทบทวน)

a)MBKET คาดว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มตอบรับเชิงบวก และมีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการกำไร และเป้าหมายให้ IFEC หลัง Consensus ได้เข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าพลังลมในเกาหลีใต้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

b)เนื่องจาก IFEC อยู่ระหว่างพิจารณาที่จะเข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังลม Samdal บนเกาะเจจู ขนาด 33MW ซึ่งขายไฟแล้วตั้งแต่ปี 2552 ที่ผ่านมา และมี IRR สูงถึง 30% ขึ้นไป

c)และได้ลงนาม MOU กับ DoArm Engineering เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมนอกชายฝั่ง Gwideok ขนาด 100 MW ที่เกาหลีใต้ ซึ่งจะมีราคาขายไฟราว 9 บาทต่อหน่วยเป็นเวลา 15 ปี และหลังจากนั้นจะใช้ราคาไฟฐานที่ 10 บาท

a)ประเมินเบื้องต้น คาดว่าโรงไฟฟ้า Samdel จะเพิ่ม Upside ให้กับเป้าหมายราว 2-3 บาทต่อหุ้น และโรงไฟฟ้า Gwindeok จะเพิ่ม Upside ให้เป้าหมายอีก 4-5 บาทต่อหุ้น จึงคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” จาก Momentum บวก เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังลงเป็น Upside Risk ที่มีนัยสำคัญต่อราคาเหมาะสมของเรา

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets

เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิมากถึง US$488 ล้าน ลดลงจากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$933 ล้าน

ตลาดหุ้น    วานนี้(US$ ล้าน)    วันก่อนหน้า(US$ ล้าน)    YTD(US$ ล้าน)    2556(US$ ล้าน)

TAIEX    -157.5     -114.7    13,392.0     9,188.0

KOSPI    -223.5     -664.0    7,422.2     4,875.1

JSE    3.4     -41.4    4,224.3     -1,806.4

PSE    -20.6     -9.1    1,216.1     678.4

ตลาดหุ้นเวียดนาม    0.1     -0.7    121.4     263.2

SET INDEX    -89.3     -103.2    -474.8     -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้

ต่างชาติยังคงลดน้ำหนักการลงทุนในไทย   

    วานนี้    วันก่อนหน้า

ตลาดหุ้น (ล้านบาท)    -2,928    -3,382

SET50 Index Futures (สัญญา)    -5,808    -4,332

SSF  (สัญญา)    +1,213    -98

Metal Futures (สัญญา)    +20    +992

ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท)    -82    +4,934

นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 มากถึง 2,928 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ขายสุทธิ 6,471 ล้านบาท และทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิ YTD มากถึง 16,264 ล้านบาท

ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 8 อีก 5,805 สัญญา รวม 8 วันทำการ Short สุทธิ 45,493 สัญญา เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 24,505 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long ทั้งหมด และกลับมามีสถานะ Short เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่า S50Z14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เท่ากับ 1.52 จุด ก็ตาม

ด้านตลาด Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 7 อีกเล็กน้อย 20 สัญญา รวม 7 วันทำการ Long สุทธิ 3,817 สัญญา เมื่อราคาทองคำในตลาดโลกเริ่มทรงตัวดีขึ้น เนื่อง US$1,200/ounce

ขณะที่นักลงทุนกลุ่มนี้ กลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง แต่ก็เพียง 82 ล้านบาทก็ตาม เมื่อราคาพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 2.807 bps ปิดที่ 2.807%

Short-Selling วานนี้

มูลค่า Short-selling เร่งขึ้นเป็น 1,281 ล้านบาท    

Stock    Total Value(mn Bt)    % of trading Volume    Avg.Price(Bt)

PTT    270.70    7.47%    331.78

PTTEP    121.75    6.68%    113.77

KBANK    116.56    11.01%    237.11

SCC    71.12    11.43%    460.30

SCB    61.42    8.16%    185.06

NVDR Movement

NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 3

การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ขายสุทธิอีก 564 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ขายสุทธิ 1,942 ล้านบาท ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้

1.กลุ่ม ICT ถูกซื้อสูงสุด 200 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มไฟแนนซ์ ซื้อสุทธิ 40 ล้านบาท

2.ส่วนกลุ่มธนาคาร ถูกขายสุทธิสูงสุด 258 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 188 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 174 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 117 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด    มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท)    % มูลค่าการซื้อขาย    ขายสุทธิสูงสุด    มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท)    % มูลค่าการขาย

INTUCH    229.38              24.93     PTTEP    -142.32                6.50

TRUE    93.44                5.38     AOT    -107.63              10.63

SCC    55.14              31.82     BBL    -104.67              32.08

DTAC    47.42              15.83     SCB    -83.91              11.08

AAV    45.29                4.01     JAS    -78.34              12.33

Strategist Team Maybank KimEng

Mayuree Chowvikran, CISA

Strategist / Analyst

662-6586300 x 1440

Padon Vannarat

Equity Analyst

662-6586300 x 1450

Rinrada Lianghathaitham

Assistant Analyst

662-6586300 x 1530

Twitter Channel

http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!