WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

คาดระยะสั้นยังลุ้นปรับพักตัวลง ก่อนวิ่งขึ้นครั้งใหม่ ดังนั้นรอซื้อช่วงลบ!
      กลยุทธ์ : เนื่องจาก SET ยังมีแรงขายกดดันในช่วงบวกให้เห็น ทำให้คาดว่ายังมีลุ้นโอกาสปรับพักตัวลงจริงจัง ก่อนที่จะกลับไปแกว่งตัวบวกต่อเนื่องครั้งใหม่ ดังนั้นแนะนำให้รอจังหวะเลือกหุ้นซื้อในช่วงลบดีกว่า ส่วนพอร์ตลงทุนกลาง-ยาว ยังสามารถเน้นถือต่อเนื่องไว้ได้ เพราะคาดว่ากรอบลงจำกัด และยังมีสิทธิแกว่งขึ้นรอบใหม่ได้อีก
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BCH, PSL, CK(buy back)


       แนวโน้ม : เมื่อวานนี้แม้ว่า SET จะยังขยับบวกขึ้นก่อนในช่วงต้นชั่วโมง แต่หลังจากนั้นก็มีแรงขายออกมากดดันให้ดัชนีค่อยๆ ซึมลงมาตลอดช่วงเช้า ก่อนจะมาไหลลงเป็นลบในช่วงบ่ายและกลายเป็นแกว่งทรงตัวในด้านลบตลอดครึ่งวันหลัง คาดว่าที่ตลาดค่อยๆ ถอยลงมาเนื่องจากก่อนหน้านี้ดัชนีขยับขึ้นมาตอบรับข่าวบวกต่างๆ ในช่วงนี้ไปพอควรแล้ว ขณะที่ระยะนี้ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุนเพิ่มเติม ส่วนในด้านของตลาดหุ้นต่างประเทศที่แม้ว่าจะยังแกว่งตัวบวกกันต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นที่ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังฟื้นตัวขึ้น หลังสหรัฐ จีนและญี่ปุ่นได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด แต่ก็มีกรอบการขึ้นที่ยังค่อนข้างจำกัด และตลาดหุ้นในเอเชียบางแห่งก็เริ่มมีจังหวะแกว่งย้อนลบให้เห็นด้วย นอกจากนี้แผนเศรษฐกิจของ คสช. ที่เป็นตัวกระตุ้น SET ในช่วงนี้ก็ยังไม่มีประเด็นใหม่เพิ่มเติมมากนัก ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีลุ้นโอกาสแกว่งพักตัวลงอีกครั้งก่อนกลับไปวิ่งขึ้นจริงจังต่อไปได้ ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นเข้าซื้อเพิ่มในช่วงตลาดย้อนลงจะปลอดภัยกว่า


แนวรับ 1450-1445 , 1442-1438 จุด แนวต้าน 1460-1463 , 1466-1470 จุด
      Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 แต่ปริมาณเบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$139.7 ล้าน เกาหลีใต้ US$26.4 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$12.8 ล้าน ไทย US$4.0 ล้าน และเวียดนาม US$0.4 ล้าน และขายสุทธิในตลาดหุ้นอินโดนีเชีย US$65.8 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะเบาบางต่อ

 

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
        (-) TRUE เพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 2.5725 : 1 ราคาหุ้นละ 6.45 บาท XR 31 ก.ค. (ชำระเงิน 22-28 ส.ค.) จากนั้นเพิ่มทุนอีก 4,429 ล้านหุ้นให้ China Mobile International Holdings Ltd. หุ้นละ 6.45 บาท (ชำระเงิน 28-30 ส.ค.) ทำให้ทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 14,530 ล้านหุ้นเป็น 24,608 ล้านหุ้น (ประชุมผู้ถือหุ้น 25 ก.ค.) โดย China Mobile จะเข้าถือหุ้น 18% ขณะที่สัดส่วนของ CP Group จะลดลงจากปัจจุบัน 60% เป็น 49.2% เงินที่ได้จากการเพิ่มทุน 6.5 หมื่นล้านบาท จะนำไปคืนหนี้ 5.2 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือเก็บไว้ลงทุน โครงสร้างทางการเงินจะดีขึ้นมาก สัดส่วนหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยต่อทุนจะลดลงจาก 11 เท่าเหลือเพียง 0.6 เท่า ดอกเบี้ยจ่ายลดลงเกือบครึ่ง หรือปีละประมาณ 2.5-3 พันล้านบาท ทำให้มีกำไรเร็วขึ้นเป็นปี 2015 จากเดิมที่เราคาดเริ่มกำไรในปี 2016 ส่วนปี 2014 คาดขาดทุนลดลงเหลือ 2.9 พันล้านบาทจากเดิมที่คาดขาดทุน 4.7 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม EPS จะถูก dilute 41% และราคาเป้าหมายหลัง XR และ PP จะลดเหลือ 6.30 บาทจาก 7 บาท ยังคงแนะนำขาย ราคาหุ้นเต็มมูลค่า
     (+) KSL เราคาดกำไรสุทธิใน 2Q14 (ก.พ.-เม.ย.) ฟื้นตัว 16% Q-Q ตามฤดูกาล แต่ลดลง 11% Y-Y เพราะปริมาณขายลดลง 26% Y-Y จากการที่ลูกค้าเลื่อนการรับมอบน้ำตาลมาตั้งแต่ 1Q14 บริษัทคาดว่าจะส่งมอบได้ใน 2H14 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทจะได้รับค่าปรับหากลูกค้าเลื่อนการรับมอบเกินกว่าเงื่อนไขตามที่ระบุในสัญญา เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาน้ำตาลในปีหน้าเพราะคาดว่าปริมาณน้ำตาลของโลกจะเข้าสู่ภาวะขาดดุลราว 1 ล้านตัน จากที่เกินดุลในปีนี้ 3-4 ล้านตัน ล่าสุดอนท.เริ่มล็อกราคาขายสำหรับปีหน้าแล้วราว 5% ที่ราคาสูงกว่าปีนี้ 2-8% เป็นแนวโน้มที่ดีต่อกำไรปีหน้า เรายังคงคาดกำไรสุทธิปีนี้โต 24% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 15 บาท แนะซื้อเก็งกำไรผลประกอบการที่จะฟื้นตัว
      (0) SAWAD จากงาน Opportunity day วานนี้ ผู้บริหารคงเป้าการเติบโตของรายได้และกำไรปี 2014 ที่ 30% แต่คาด NPL ปรับขึ้นเล็กน้อยจาก 1Q14 ตามภาวะเศรษฐกิจ สำหรับแนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q14 เราคาดลดลง 11% Q-Q เนื่องจาก 2Q มีวันหยุดยาวทำให้ปริมาณการทำธุรกรรมน้อยลง และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการ IPO อย่างไรก็ตาม เราปรับกำไรสุทธิปี 2014 ขึ้น 10% เป็น 769 ล้านบาท +34% Y-Y โดยปรับสินเชื่อปีนี้และปีหน้าขึ้นเป็น 25% และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 17.90 บาท จากเดิม 8.75 บาท อิง PE 21 เท่าสอดคล้องกับการเติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้าที่เฉลี่ย 21% แม้เป้าหมายใหม่จะมี upside กว่า 10% แต่แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัวเพราะ 2Q14 ไม่ใช่ไตรมาสที่ดีนัก
  RS วันนี้ (10 มิ.ย.) ลุ้นคำตัดสินศาลปกครองสูงสุด

  ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมายังคงขยับขึ้นอีกเล็กน้อย 18.82 จุดทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยบรรยากาศการลงทุนยังคงเป็นบวกจากกระแสที่คาดว่าเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังฟื้นตัวขึ้น

  ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้ต่อเนื่องเช่นตามตลาดหุ้นทั่วโลกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว รวมถึงควันหลงหลัง ECB ลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
   ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเช้านี้ปรับตัวในแดนได้ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่น โดยประเด็นที่ต้องจับตาเช้านี้คือตัวเลขเงินเฟ้อจีนเดือน พ.ค.
  ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งตัวออกทางข้างหลังจากแข็งค่าแรงในช่วง 2 วันก่อนหน้า คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.34-32.55 บาท/ดอลลาร์
   ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. พุ่งขึ้น 1.75 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 104.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขเศรษฐกิจของ 2 เศรษฐกิจใหญ่อย่างจีนและสหรัฐออกมาแข็งแกร่งซึ่งช่วยหนุนอุปสงค์ของน้ำมัน
   ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับขึ้นเล็กน้อย 1.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,253.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยคาดว่าการที่ ECB ออกมาลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้มีเม็ดเงินในระบบมากขึ้นซึ่งเป็นผลดีต่อราคาทองคำ
Contact person : Somchai Anektaweepon Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!