WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

คาด SET ยังมีกรอบบวกจำกัดและต้องระวังย้อนลบ จึงน่ารอซื้อช่วงลบ!


  กลยุทธ์ : แม้ SET ยังแกว่งบวกต่อเนื่อง แต่ก็มีลักษณะผันผวนเช่นเดิม ทำให้ยังเสี่ยงต่อการเข้าสู่รอบปรับพักตัวลงจากแรงขายทำกำไรระยะสั้นอยู่ เนื่องจากช่วงนี้ยังไม่ค่อยมีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาหนุน ทำให้ FSS คาดว่ากรอบการขึ้นต่อให้ทำกำไรได้ น่าจะเริ่มจำกัดมากขึ้น จึงยังเน้นแค่เทรดดิ้งช่วงสั้น โดยจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อจริงจัง ยังแนะนำให้รอช่วงตลาดปรับพักตัวลงน่าจะเหมาะสมกว่า

  หุ้นเด่นทางเทคนิค : PLE, AGE, BLA(buy back)

  แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ยังมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันในภาคบ่าย ทำให้ดัชนีย้อนลงมาเล็กน้อย หลังจากที่ช่วงต้นชั่วโมงตลาดขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องได้อีก ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นยุโรปที่ปิดเป็นลบเมื่อคืนนี้ยังกดดันตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องด้วย เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกว่าสถานการณ์ในยูเครนอาจจะส่งผลให้รัสเซียถูกคว่ำบาตรมากขึ้น นอกจากนี้ปัญหาการสู้รบในฉนวนกาซาก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นด้วย ทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีโอกาสที่จะแกว่งตัวผันผวนและย้อนลบอีกได้ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ไม่ได้ตอบสนองในเชิงลบมากนัก โดยยังมีลักษณะแกว่งตัวบวก-ลบแคบๆ ให้เห็นอยู่ ดังนั้น SET วันนี้ก็มีสิทธิที่จะอยู่ในลักษณะแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ อยู่ก่อนได้ แต่กรอบการขึ้นน่าจะค่อนข้างจำกัด ถ้าจะเทรดดิ้งจึงต้องเน้นทำกำไรไวไว้ก่อน ซึ่งเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นเข้าซื้อเฉพาะช่วงตลาดเป็นลบเช่นเดิม

 แนวรับ 1535-1532 , 1530-1526 จุด แนวต้าน 1543-1545 , 1548-1552 จุด

Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องในปริมาณที่ค่อนข้างเบาบาง นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$90.3 ล้าน ไทย US$17.4 ล้าน และเวียดนาม US$0.6 ล้าน ขณะที่ขายในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ US$17.9 ล้าน ไต้หวัน US$2.1 ล้าน และอินโดนีเซีย US$2.0 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้แข็งค่าต่อเนื่อง Flow น่าจะยังไหลเข้าต่อ

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) เงินบาทแข็งค่าที่สุดในรอบ 8 เดือน หลุด 32 บาท/ดอลลาร์ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ แข็งค่า 1.6% MTD แข็งกว่าค่าเงินสกุลเอเชียที่แข็งค่าเฉลี่ย 0.6% MTD สอดคล้องกับเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดไทยซึ่งส่วนใหญ่เข้ามาในตลาดตราสารหนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นได้รับอานิสงส์จากการซื้อต่อเนื่องตั้งแต่ปลาย มิ.ย. ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับตลาดฟิวเจอร์ส ซึ่งเป็นตัวจำกัด downside ของตลาดในรอบนี้ เราย้อนกลับไปดูช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างเร็ว (2-3%) ภายในเวลาสั้นๆ เช่นช่วงต้นเดือน มิ.ย., ต้นปี 2014 และช่วงกลาง ก.ย. ปีก่อน พบว่าทำให้ SET ในรอบนั้นๆปรับขึ้นเฉลี่ย 4-5% หากอิงสถิติดังกล่าว SET รอบนี้อาจขึ้นไปได้ถึง 1550-65 จุด อย่างไรก็ตาม การไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศไม่สามารถประกันได้ว่าเป็นเงินระยะยาว เพราะการซื้อตราสารหนี้ยังเป็นตราสารระยะสั้นๆ การปรับขึ้นของตลาดจึงน่าจะเป็นไปอย่างผันผวน

(+) ผลประกอบการกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่แกร่งกว่าคาด กำไรสุทธิของแบงก์ทั้ง 9 แห่งใน 2Q14 โต 3.4% Q-Q และ 3.5% Y-Y ดีกว่าที่เราคาดว่าน่าจะทรงตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y (TMB มีกำไรโดดเด่นสุด) เนื่องจากแบงก์ขนาดใหญ่ที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าคาด ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ดีกว่าคาดและเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10bps จาก 3.0% ใน 1Q14 เป็น 3.1% ช่วยชดเชยรายได้ที่ค่อนข้างทรงได้ ขณะเดียวกันคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ดีมาก จึงไม่เป็นภาระต่อการตั้งสำรอง ในขณะที่ Coverage ratio สูงเฉลี่ย 140-200% ส่วนแบงก์ขนาดเล็กที่ทำธุรกิจเช่าซื้อมีกำไรที่น่าผิดหวังโดยเฉพาะ KKP และ TCAP จากคุณภาพหนี้ที่แย่ลงและขาดทุนรถยึดที่สูงขึ้น และเป็น 2 แบงก์ที่เราปรับกำไรและราคาเป้าหมายลง ขณะที่ TMB เป็นแบงก์เดียวที่ปรับกำไรและเป้าหมายขึ้น

(-) เชื่อกลุ่มแบงก์น่าจะปรับฐาน เราคาดกำไรของกลุ่มแบงก์ปีนี้โต 0.8% (กำไรของกลุ่มเช่าซื้อ -32% แบงก์ใหญ่ +4%) ปี 2015 โต 9% แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นเฉลี่ยถึง 27% YTD ขณะที่ SET +18% สะท้อนการฟื้นตัวของกำไรแล้วทำให้ upside เทียบกับเป้าหมายปีหน้าเหลือเฉลี่ย 17% สำหรับแบงก์ใหญ่ จาก 2 เดือนก่อนหน้าที่มี upside เฉลี่ย 30% ราคาหุ้นหมดเสน่ห์หลังประกาศกำไร แนะรอซื้อรอบใหม่หลังพักฐาน

(+) M กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q14 เราคาดกำไรจะฟื้นตัวใน 2Q14 +21% Q-Q, +18% Y-Y โดยยอดขายสาขาเดิมน่าจะดีขึ้นเป็น -6% Y-Y จากไตรมาสก่อนที่ -9% Y-Y แนวโน้มผลประกอบการจะฟื้นตัวต่อเนื่องไปจนปีหน้าจากการขยายสาขา และการลดพึ่งพาแรงงานคนมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น (ลูกค้าสั่งอาหารด้วยตัวเอง ปัจจุบันทำไปแล้ว 10 สาขา) เราคาดกำไรสุทธิใน 3 ปีข้างหน้า (ปี 2015-17) โตเฉลี่ย 18% (ไม่รวมแผนซื้อกิจการ) ใกล้เคียงกับ Chain restaurant ชั้นนำระดับโลก เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 78 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ จากเดิมถือ

(0) SPALI เราคาดกำไรปกติ 2Q14 ลด 37% Q-Q แต่เพิ่มขึ้น 54% Y-Y ตามทิศทางของรายได้โอน ส่วน Presales 1H14 ทำได้ 36% ของเป้าทั้งปี เชื่อว่าน่าจะทำได้ตามเป้า เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2014-15 ขึ้น 3.2% และ 3.7% ทำให้กำไรปีนี้โต 40% Y-Y และปี 2015 โต 11% Y-Y และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 28 บาท คงคำแนะนำซื้อ และคาดว่าบริษัทจะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.40 บาท/หุ้น (yield 1.6%)

  ตลาดหุ้นสหรัฐยังกลับมาแกว่งตัวด้านลบ และปิดเป็นลบไป 48.45 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าสถานการณ์ในยูเครนอาจส่งผลให้รัสเซียถูกคว่ำบาตรมากขึ้น หลังมีข้อสงสัยว่ารัสเซียจะมีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซียถูกยิง นอกจากนี้การสู้รบในฉนวนกาซาก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาด
  ตลาดหุ้นยุโรปปิดเป็นลบพอควร จากประเด็นความกังวลเดีวกับตลาดหุ้นสหรัฐ
  ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในลักษณะแกว่งตัวไร้ทิศทาง แต่ก็ยังมีจังหวะแกว่งบวกให้เห็นอยู่ด้วย
ค่าเงินบาทแข็งค่ามาค่อนข้างเร็วตั้งแต่วานนี้ ก่อนที่จะมาแกว่งทรงตัวแคบในกรอบ 31.84-31.90 บาท/ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้
  ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. กลับมาพุ่งขึ้น 1.46 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปิดที่ 104.59 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังนักลงทุนวิตกว่าอุปทานน้ำมันอาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์รุนแรงในยูเครนและฉนวนกาซา
  ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับเพิ่มขึ้น 4.5 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,313.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดทั้งในยูเครนและฉนวนกาซาได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอีกครั้ง



ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22-ก.ค. - สหรัฐ: เงินเฟ้อ (มิ.ย.), ยอดขายบ้านเก่า (มิ.ย.)
23-ก.ค. - ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ค.)
24-ก.ค. - ไทย: ดุลการค้า (มิ.ย.)
- จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ก.ค.)
- เกาหลีใต้: 2Q14 GDP
- ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (มิ.ย.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (มิ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ค.)
25-ก.ค. - ไทย: PTTEP ประกาศผลประกอบการ
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (มิ.ย.)
28-ก.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (มิ.ย.)
- สหรัฐ: Pending Home Sales (มิ.ย.)
29-ก.ค. - ไทย: PDG เริ่มซื้อขาย (ราคา IPO 2.80 บาท)
29-30 ก.ค. - สหรัฐ: การประชุม FOMC
30-ก.ค. - ไทย: SCC ประกาศผลประกอบการ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!