WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Test 1550?
     ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้เกิด Technical Rebound ปิดยืนเหนือ 1,540 จุด มาอยู่ที่ 1,541.56 จุด บวก 20.75 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47,607 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 12 วันทำการ 763 ล้านบาท แต่คงการ Long Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 937 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 19 อีก 17,417 ล้านบาท อาจสะท้อนกระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัวอีกครั้ง เมื่อ SET INDEX เข้าใกล้ระดับ 1,550 จุด

     สำหรับ ภาวะการลงทุนในวันนี้ MBKET ประเมิน SET INDEX มีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,550 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย พร้อมกับเผชิญกับแรงขายทำกำไรมากขึ้น ทั้งนี้ SET INDEX จะปิดยืนเหนือ 1,550 จุดได้หรือไม่ในวันนี้ ขึ้นอยู่กับกระแสเงินทุนต่างชาติ ซึ่งนักลงทุนสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หากทรงตัวถึงแข็งค่า อาจเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / PTT Group / น่าจะเป็นเป้าหมายในวันนี้ ขณะเดียวกัน MBKET เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะยังไม่พลิกกลับมาเป็นการขาย/ลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยเช่นกัน
    ปัจจัยต่างประเทศ ยังคงทรงตัวในทุกๆ ภูมิภาค เช้านี้ติดตามตัวเลข HSBC PMI ภาคการผลิตของ จีน หากยืนเหนือ 50 จุดได้ต่อเนื่อง ย่อมเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจจีน และภาวะการลงทุนในเอเชียเช้าวันนี้เช่นกัน

     กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุน “ถือพอร์ตที่สะสมมาตลอด 2 วันทำการก่อนหน้า พร้อมทยอยสะสมหุ้นเพิ่ม หากราคาหุ้นเป้าหมายย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เพราะเชื่อว่า SET INDEX รอบนี้จะทะลุ 1,550 จุด ขึ้นสู่กรอบ 1,580-1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” SPCG/ SIM พร้อม “ขายทำกำไร” AAV

 

Portfolio
Top Pick in 3Q14: AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS
Accumulative Buy: SPCG/ SIM
Profit-Taking: AAV

Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดทะลุ 1,540 จุด

คงมุมมองเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 2 พร้อมเป้าหมายรอบนี้ 1,580-1,600 จุด

กลยุทธ์ ทยอยเข้าสะสมหุ้นหลักต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดบวกเด่นเป็นส่วนใหญ่ สอดคล้องกับภาพรวม DJIA คืนวันก่อนหน้าที่เกิด Technical Rebound บวกกับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวลงต่อเนื่อง ลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
สำหรับตลาดหุ้นไทย เปิดตลาดเกิด Technical Rebound ขึ้นทดสอบด่าน 1,530 จุด ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร อย่าง BBL, SCB, KTB รวมถึงหุ้นหลักในกลุ่มอสังหาฯ และ กลุ่ม ICT ส่งผลให้ SET INDEX ขยับขึ้นทะลุแนว 1,540 จุด ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,541.56 จุด บวก 20.75 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47,607 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดได้แก่ กลุ่มเหมืองแร่ +4.70%, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +3.51% และกลุ่มกระดาษ +2.75% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร +1.30%, กลุ่มพลังงาน +1.27% และกลุ่มอสังหาฯ +1.88%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.33 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวกเล็กน้อยในเช้านี้ แม้ว่าญี่ปุ่นรายงานตัวเลขดุลการค้าออกมาแย่กว่าคาดก็ตาม
MBKET คงมุมมองการลงทุน “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 2 แม้ว่าวานนี้ SET INDEX จะขยับขึ้นทั้งสิ้น 20.75 จุด ชดเชยจากวันก่อนหน้าที่ปรับฐานลง 17.72 จุด บวกกับ นักลงทุนต่างชาติที่กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 12 วันทำการ ก็ตาม โดย MBKET คงเป้าหมายในระลอกใหม่นี้ที่ 1,580-1,600 จุด ด้วยปัจจัยที่สนับสนุนในระลอกใหม่นี้ ได้แก่
•แรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย MBKET เชื่อว่า โอกาสที่จะปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2557-2558 ขึ้นมีความเป็นไปได้สูงกว่า การปรับประมาณการปีนี้ ลง ซึ่งจะเป็นการเปิด Upside ให้แก่หุ้นหลัก และตลาดหุ้นไทย
•ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อการเมืองในประเทศ ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ หลัง คสช.ประกาศใช้ รธน.ฉบับชั่วคราววันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับกรอบเวลาของ คสช. เข้ามาควบคุม และปฎิรูปการเมือง / สังคม ให้กลับเข้าสู่กรอบการเมืองที่ควรจะเป็น เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งในระยะที่ 3 คาดว่าจะเป็นในช่วงปลายปี 2558
•กระแสเงินทุนต่างชาติ ยังคงอยู่กับตลาดหุ้นไทย ในความเห็นของ MBKET การขายสุทธิของนักลงทุนกลุ่มนี้วานนี้ อาจเป็นเพียงการทำ Arbitrage ระหว่างตลาด Spot และตลาด Futures เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างถึง 7.46 จุด
และแน่นอนว่า Downside risk ของ SET INDEX ในระลอกนี้ เป็นไปอย่างจำกัด ตามความเห็นของ MBKET โดยแนวรับบริเวณ 1,515-1,520 จุด จะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งการปรับฐานลงในวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็เพื่อเป็นการปิด Gap ที่เปิดไว้ก่อนหน้านั้นเท่านั้น
ทั้งนี้ ปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ ที่รอความชัดเจนในช่วง 1-2 เดือนจากนี้ไป เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside ของ SET INDEX ซึ่งประเด็นด้านเศรษฐกิจ / การเมือง ที่รอความชัดเจนได้แก่
•การจัดตั้งสภาปฎิรูป และ การจัดตั้งรัฐบาล พร้อมนายกรัฐมนตรี ซึ่งน่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนในเดือนส.ค. หรือ ต้นเดือนก.ย. เพื่อเตรียมความพร้อมไปสู่การเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการปฎิรูป และการบริหารประเทศในช่วงการเตรียมความพร้อม
•รายละเอียดของ Roadmap ในด้านต่างๆ ที่คณะทำงานได้รับนโยบายจากทาง คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นกรอบการทำงานในเดือนส.ค.
•ภาพรวมเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวเด่นใน 2H57 รวมถึงแรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ที่เริ่มทยอยประกาศอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ MBKET แนะนำให้ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นหลัก หรือ หุ้นเป้าหมาย หากมีการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” โดยมีระยะหวังผลราว 40-50 จุด จากระดับปิดวานนี้ ทั้งนี้หุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานใน 2Q57 เติบโต โดดเด่น yoy และ qoq ได้แก่ SAMART, SIM, SPCG, KCE, TUF, GFPT, PTTEP, HMPRO

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ติดตามการประชุม กสทช. วันนี้: เพื่อพิจารณารายละเอียดคูปอง เพื่อแลกซื้อ กล่องรับ สัญญาณทีวีดาวเทียม ซึ่งประเด็นที่ต้องติดตามได้แก่
•ราคาหน้าตั๋วคูปอง ซึ่งตลาดคาดว่าจะกำหนดที่ 1,000 บาท
•การทยอยแจกคูปองในแต่ละเฟส จำกัดเท่าไร
•เงื่อนไขการรับคูปองดังกล่าว
ทั้งนี้ กสทช. จะสรุปแผนดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อ คสช. พิจารณาและอนุมัติ ก่อนที่จะเริ่มต้นการแจกคูปองได้ในช่วงกลางเดือนก.ย. ตามตารางเวลาของกสทช.
MBKET ประเมินว่า หุ้นที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ จะยังขยับขึ้นเด่นอีกวัน เพื่อรอดูรายละเอียดของการแจกคูปองดังกล่าว ซึ่งหุ้นในกลุ่มนี้ SAMART เป็น Top Pick ของ MBKET
2.ติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท และ ราคาหุ้นหลัก: เพื่อประเมินการเคลื่อนไหวของกระแสเงินทุนต่างชาติ ต่อการลงทุนในไทย หาก
•ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
•และ/หรือ ราคาหุ้นหลักในกลุ่มหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มธนาคาร / ที่อยู่อาศัย / PTT / SCC ขยับขึ้นเด่นกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทย
อาจประเมินได้ว่า ต่างชาติ ยังคงเดินหน้าสะสมตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
3.เช้านี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน: ตัวเลข HSBC Flash PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค. ซึ่ง Bloomberg consensus คาด 51.0 จุด ขยับขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 50.7 จุด
•หากออกมาดีกว่าคาด เชื่อว่าภาวะการลงทุนในเอเชียจะเป็นบวก
•แต่หากออกมาต่ำกว่าคาด แต่ยังยืนเหนือ 50.0 จุด คาดว่าตลาดหุ้นเอเชียจะไม่ตอบรับในทางลบ ยกเว้นว่าต่ำกว่าคาด และหลุด 50.0 จุด จะทำให้ภาวะการลงทุนรอบเอเชียเช้านี้เป็นลบได้เช่นกัน

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.20 13.27 14.96 13.05
PSE 19.38 16.81 12.32 16.75
JSE 16.48 14.03 16.46 14.01
KOSPI 10.35 9.01 10.34 9.00
TAIEX 15.53 14.25 15.54 14.24
Straits Time 14.74 13.49 14.62 13.38
SHCOMP 8.26 7.31 8.24 7.29
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.SPCG : ราคาปิด 25.25 บาท ราคาเหมาะสม 27.60 บาท
a)SPCG แจ้งว่าได้รับเงินจากการขายหุ้น PP จำนวน 83.99 ล้านหุ้น ให้กับกัลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสเมนท์ (ฮ่องกง) แล้ว คิดเป็นเงินรวม 1,841.51 ล้านบาท
b)MBKET มุมมองเชิงบวกจากการขายหุ้น PP ดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่า SPCG จะนำเงินมาต่อยอดเพื่อขยายธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ และเป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมอยู่ในประมาณการของเรา
c)คาดกำไรสุทธิ 2Q57 เติบโตทั้ง yoy และ qoq พร้อมทำระดับสูงสุดใหม่ เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่รับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มครบทั้ง 36 แห่ง และทิศทางกำไร 3Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้โซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 แห่งแบบเต็มไตรมาส
d)Valuation ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PER 2557 ที่ 14.1 เท่า และลดลงเหลือ 10.2 เท่า ในปี 2558 ต่ำกว่า EA ที่ 41.4 เท่า และ 22.7 เท่า ในปี 2557 และ 2558 ตามลำดับ
e)และเชื่อว่านโยบายสนับสนุนพลังงานทางเลือกให้เพิ่มขึ้นเป็น 30% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในปี 10 ข้างหน้า เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศจะเป็นปัจจัยผลักดันกำไรของบริษัทในระยะยาว
2.SIM : ราคาปิด 3.20 บาท ราคาเหมาะสม 4.60 บาท
a)MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 290 – 300 ล้านบาท เติบโตทั้ง yoy และ qoq พร้อมทำระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท จากแรงหนุนของยอดขายโทรศัพท์ Digital TV และ Smartphone ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่เทคโนโลยี 3G
b)หากกำไร 2Q57 ออกมาใกล้กับที่คาด จะส่งผลให้กำไร 1H57 คิดเป็น 45.8% ของประมาณการทั้งปี ดังนั้น เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2557 ที่ 1,046 ล้านบาท +24.8% yoy และคาดว่ากำไร 2H57 จะดีขึ้นกว่า 1H57 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
c)ราคาหุ้นมี Valuation ที่ยังไม่แพง โดยซื้อขายระดับ PER 2557 เพียง 13.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ราว 15-16 เท่า
d)และราคาหุ้นยังต่ำกว่าระดับบริเวณ 3.40 บาท ซึ่งเป็นระดับก่อนหน้าที่จะปรับตัวลงจากความกังวลว่า Axiata จะลดสัดส่วนการลงทุน ดังนั้น คาดว่าราคามีโอกาสดีดกลับขึ้นสู่บริเวณดังกล่าว เนื่องจากได้ความชัดเจนแล้วว่า SAMART จะซื้อหุ้นทั้งจำนวนจาก Axiata

What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิ US$85 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$409 ล้าน

ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX Closed 231.2 11,075.6 9,188.0
KOSPI 73.1 135.9 5,209.9 4,875.1
JSE 44.0 0.5 4,906.4 -1,806.4
PSE -9.0 -13.9 1,020.0 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 0.7 1.8 290.7 263.2
SET INDEX -24.0 53.8 -687.9 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงเดินหน้าสะสมพันธบัตรไทย
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -763 +1,716
SET50 Index Futures (สัญญา) +937 +4,465
SSF (สัญญา) +1,071 +379
Metal Futures (สัญญา) -351 -813
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +17,417 +23,635

นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 12 วันทำการ 763 ล้านบาท เทียบกับตลอด 11 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 16,015 ล้านบาท ถือว่าการขายสุทธิวานนี้เป็นเพียงการปรับพอร์ตระยะสั้นเท่านั้น ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิขยับขึ้นเล็กน้อย เป็น 23,030 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 937 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 5,402 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยเปิดสถานะ Long สุทธิต่อเนื่อง เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 7.46 จุด จากวันก่อนหน้า Discount แคบเพียง 5.62 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short เป็นวันที่ 3 อีก 351 สัญญา รวม 3 วันทำการ Short สุทธิ 1,391 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 1,356 สัญญา น่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้าทั้งจำนวน แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะแกว่งแคบ US$1,300-1,310 ตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงเลือกเข้าเก็งกำไรค่าเงินบาท ผ่านตลาดตราสารหนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 19 มากถึง 17,417 ล้านบาท รวม 19 วันทำการซื้อสุทธิ 157,594 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลดลง โดยผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 1.31bps ปิดที่ 3.612%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการเหลือ 338 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 947 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
SPALI 40.76 11.58% 25.32
ADVANC 38.59 2.18% 208.59
INTUCH 31.08 4.89% 69.84
PTTGC 26.60 3.67% 66.50
KBANK 24.39 3.79% 214.31


NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 22 ลักษณะ Basket orders
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 22 อีก 1,189 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,002 ล้านบาท รวม 22 วันทำการ ซื้อสุทธิ 37,358 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 อีก 605 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,627 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 214 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 741 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 205 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 228 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 107 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 569 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่มประกันภัย ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 77 ล้านบาทเท่านั้น

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
BBL 473.56 30.31 KTB -110.67 15.33
SCC 200.32 24.57 PTTGC -62.85 12.79
KBANK 192.00 38.01 BLA -60.45 39.96
TRUE 137.40 8.20 MINT -52.64 14.96
PTTEP 94.65 21.19 LPN -51.40 15.06

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Linrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!