WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์คลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
      ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับฐานลงเป็นวันที่ 2 อีก 5.72 จุด มาอยู่ที่ 1,538.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,462 ล้านบาท
      ด้านกระแสเงินทุนต่างชาติชะลอต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้กลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยแต่ก็เพียง 147 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 1,578 สัญญา ขณะที่ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 22 วันทำการ เพียง 242 ล้านบาท เทียบกับยอดซื้อสุทธิตลอด 21 วันทำการก่อนหน้าสูงถึง 1.79 แสนล้านบาท
      MBKET ประเมินภาวะการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลก เป็นลักษณะของการแกว่งในกรอบ ปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ สะท้อนมายังตลาดหุ้นนั้นๆ ไปค่อนข้างมากแล้ว ทำให้บรรยากาศการลงทุนรอบโลกขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดนั้นๆ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่ ณ ปัจจุบัน แรงเก็งกำไรเกิดขึ้นเฉพาะบางบริษัทที่มีประเด็นการลงทุนเด่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลการดำเนินงาน 2Q57, โอกาสของการได้รับงานใหม่ที่อาจบรรจุในแผนเศรษฐกิจระยะยาว หรือ Valuation ถูก เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มเป็นต้น
       ขณะที่สัญญาณเชิงบวกด้านเศรษฐกิจในประเทศเริ่มชัดมากขึ้น หลังตัวเลขการส่งออกเดือนมิ.ย. ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน 3.90% yoy และทำให้ดุลการค้าเกินดุลถึง US$1.79 พันล้าน สะท้อนกลับมายังทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ และหากวันพฤหัสบดีนี้ ธปท. รายงานตัวเลขเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งสัญญาณการฟื้นตัว ย่อมเป็นปัจจัยเอื้อต่อการผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,545-1,550 จุด และทะลุผ่านก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
คาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เด่นในวันนี้ หลัง สนข.เตรียมยื่นแผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท ต่อคสช.เพื่อพิจารณา หัวหน้าคสช.ต้องการสรุปก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่น่าเกินกลางเดือนส.ค.นี้
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุน “ทยอยสะสมหุ้น หากราคาหุ้นเป้าหมายย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เพราะเชื่อว่า SET INDEX รอบนี้จะทะลุ 1,550 จุด ขึ้นสู่กรอบ 1,580-1,600 จุด
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” SAMART/ “ซื้อเก็งกำไร” BLAND

Portfolio
Top Pick in 3Q14: AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO
Accumulative Buy: SAMART
Speculative Buy: BLAND

Technical View
แนวรับ 1530 จุด แนวต้าน 1545 / 1550 จุด ประเมินว่าน่าจะเป็นการแกว่งตัวสร้างฐานออกด้านข้าง
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปรับฐานเป็นวันที่ 2

SET INDEX ปรับฐานช่วงสั้น และเป็นการขายจากกองทุน เช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนไม่เปลี่ยนแปลง
การส่งออกส่งสัญญาณฟื้นตัว รอดูตัวเลขเดือนมิ.ย. ประกาศวันพฤหัสบดีนี้ หากฟื้น จะเป็นตัวแปรผลักดัน SET INDEX ในรอบนี้

กลยุทธ์ ทยอยเข้าสะสมหุ้นหลักต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดบวก –ลบ สลับกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในของแต่ละตลาดมากกว่าที่จะเป็นภาพของการลงทุนรอบเอเชีย
ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX ปรับฐานลงหลุดแนว 1,538 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย โดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / ICT ถูกลดน้ำหนักการลงทุนอย่างโดดเด่น กดดัน SET INDEX วานนี้ นำโดย INTUCH / SCB / KTB ขณะที่หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นบวกเฉพาะ กลับขยับขึ้นเด่น เช่น BLAND, CK, THAI เป็นต้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,538.13 จุด ลบเป็นวันที่ 2 อีก 5.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,462 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดในรอบวันได้แก่ กลุ่มเกษตร +2.00%, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +1.85% และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +1.72% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร -0.46%, กลุ่มพลังงาน -1.26% และ กลุ่ม ICT -1.13%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.40 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวกเล็กน้อย เพราะขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน ขณะที่อัตราการว่างงานในญี่ปุ่นออกมาสูงกว่าคาดในเช้านี้
MBKET คงมุมมองการลงทุน “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 5 แม้ SET INDEX จะปรับฐานลงแรงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย คล้ายคลึงกับสัปดาห์ก่อน แต่ก็เกิดการฟื้นตัว ปิดยืนเหนือแนวรับ 1,538 จุด ทำให้มุมมองต่อ SET INDEX ลักษณะของการขยับแบบ Sideways-to-Sideways-Up เพื่อทดสอบแนว 1,545-1,550 จุด ยังคงเป็นเช่นเดิม เพราะ
•แรงขายที่กดดัน SET INDEX ทั้งสัปดาห์ที่แล้ว และวานนี้ เป็นการขายปิดกองทุน Trigger Fund และ การขาย Lock-in Profit ของกองทุน มิใช่เกิดจากปัจจัยพื้นฐานการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป
•เป็นที่น่าสังเกตว่า UOBAM ประกาศขายกองทุน Trigger Fund เริ่มวันนี้ ย่อมเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อทิศทาง SET INDEX ช่วงสั้น
•ตัวเลขการส่งออกเดือนมิ.ย. ฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน 3.90% yoy และทำให้ดุลการค้าเกินดุล US$1.79 พันล้าน หากตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.ของธปท. ประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ ส่งสัญญาณฟื้นตัว ทั้งจากการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนภายในประเทศ MBKET เชื่อว่าจะเป็นตัวแปรด้านพื้นฐานที่สำคัญของตลาดหุ้นไทย
•ติดตามการประกาศผลการดำเนินงาน และเงินปันผลระหว่างกาลของ SCC ประกาศในวันพรุ่งนี้ หลังตลาดหุ้นไทยปิดรอบเช้า ตลาดประเมินกำไรสุทธิไว้ราว 8.5-8.7 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ ที่รอความชัดเจนในช่วง 1-2 เดือนจากนี้ไป เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside ของ SET INDEX ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้แก่
•การประกาศรายชื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช) คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเปิดทางให้มีการนำเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี และ ครม โดย คสช.ตั้งเป้าเปิดประชุม สนช.เพื่อแต่งตั้งนายกฯ ได้ไม่เกินวันที่ 10 ส.ค.
•กำหนดให้เตรียมคำแถลงนโยบายรัฐบาล และงบประมาณต่อ สนช.ให้เสร็จภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเริ่มเข้าสู่ Roadmap ระยะที่ 2 ของคสช.แบบเต็มตัว
•รายละเอียด Roadmap ในด้านต่างๆ ที่คณะทำงานได้รับมอบนโยบายจากทาง คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นกรอบการทำงานภายในเดือนส.ค. พร้อมสรุปผลงานทุกๆ ไตรมาส
•แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท จะต้องให้แล้วเสร็จก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่น่าเกินกลางเดือนส.ค. จะมีรายละเอียดเพิ่มเติม
•ภาพรวมเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวเด่นใน 2H57 รวมถึงแรงเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ที่เริ่มทยอยประกาศอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ MBKET คงคำแนะนำ “นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นหลัก / หุ้นเป้าหมายที่ราคาย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เพื่อรอผลตอบแทนในระลอกนี้ราว 30-40 จุด ทั้งนี้หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q57 เติบโต โดดเด่น yoy และ qoq ได้แก่ SAMART, SIM, SPCG, KCE, TUF, GFPT, PTTEP, HMPRO อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจระยะ 2-3 สัปดาห์จากนี้

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.สัญญาณบวกด้านเศรษฐกิจจากการฟื้นตัวของการส่งออก: กระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขการส่งออกเดือนมิ.ย. ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์
•การส่งออก เดือนมิ.ย.ขยายตัว 3.90% yoy สูงกว่า Bloomberg consensus คาด +3.1% yoy จากเดือนก่อนหน้า -2.14% yoy
•การนำเข้า เดือนมิ.ย. กลับหดตัวลงแรง 14.03% yoy มากกว่า Bloomberg consensus คาด -3.35% yoy จากเดือนก่อนหน้า -9.32% yoy
•ทำให้ดุลการค้าเดือนมิ.ย. เกินดุล US$1.79 พันล้าน ขณะที่ Bloomberg consensus คาดขาดดุล US$570 ล้าน จากเดือนก่อนหน้าขาดดุล US$809 ล้าน
2.กลุ่มรับเหมาเด่นในวันนี้: หลัง สจข.เตรียมสรุปแผนการลงทุนขนาดใหญ่ 2.4 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 8 ปี เพื่อนำเสนอต่อ คสช.เพื่อพิจารณา ซึ่ง หัวหน้าคสช. ต้องการให้ได้ข้อสรุปก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล เพราะต้องการให้ ครม. ดำเนินการเรื่องนี้ได้ทันที หลังเข้ารับตำแหน่งบริหารประเทศในปลายเดือนส.ค.นี้
MBKET มีความเห็นเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าว เพราะถือว่า กรอบเวลาของการทำงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ของ คสช. เร่งดำเนินการ เพื่อให้ได้แผนระยะยาว และเป็นกรอบในการทำงานของ ครม.ที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนส.ค. แน่นอนว่า ประเด็นนี้ ถือว่าเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงสถาบันการเงิน และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง MBKET ให้น้ำหนักกับหุ้น CK / STEC / KTB / SCC เป็นทางเลือกของการเก็งกำไร
3.UOBAM ประกาศขาย Trigger Fund เริ่มขายวันนี้: ตั้งเป้าหมาย 3.0% และ 3.00% เป็น 2 ขั้น เทียบกับระดับปิดของ SET INDEX วานนี้ที่ 1,538.13 จุด สะท้อนมุมมองของ UOBAM ต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยที่บริเวณ 1,630 จุด

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.18 13.24 15.23 13.29
PSE 19.28 16.70 19.39 16.80
JSE Closed Closed 16.43 13.98
KOSPI 10.48 9.13 10.41 9.06
TAIEX 15.45 14.10 15.45 14.13
Straits Time Closed Closed 14.78 13.53
SHCOMP 8.65 7.66 8.46 7.49
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.SAMART : ราคาปิด 23.60 บาท ราคาเหมาะสม 26.00 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวก หลังเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารบริษัทวานนี้ และคาดว่ากำไรปกติ 2Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 405 ล้านบาท +13.4% yoy และ +3.1% qoq จากแรงหนุนของธุรกิจจำหน่ายมือถือของ SIM ที่คาดว่าปกติ 2Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่เช่นกันที่ 285 ล้านบาท +62.2% yoy และ +45.8% qoq
b)แนวโน้มผลประกอบการ 2H57 คาดว่าจะเติบโตสูงกว่า 1H57 เนื่องจาก SAMART จะเริ่มรับรู้รายได้จากการจัดจำหน่ายกล่อง Set Top box และ เสาของทีวีดิจิตอลเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย. 2557 หลังภาคครัวเรือนได้รับคูปอง และรับรู้เต็มไตรมาสใน 4Q57
c)ขณะที่กำไรของ SIM คาดว่าจะทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องใน 3Q57 และผลประกอบการของ SAMTEL จะฟื้นตัวใน 2H57 เนื่องจากมีการรับรู้รายได้โครงการเป็นจำนวนมากใน 3Q และ 4Q57
d)คงประมาณการกำไรปกติปี 2557 ที่ 1,860 ล้านบาท +29.4% yoy และ +11.6% yoy เป็น 2,076 ล้านบาท ในปี 2558 และคาดการณ์เงินปันผล 1H57 หุ้นละ 0.45 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.9%
และ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
2.BLAND : ราคาปิด 2.28 บาท ราคาเหมาะสม 2.80 บาท
a)ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้น ได้แก่
1.จะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ค.) เพื่อขออนุมัติการซื้อหุ้นคืน หรือ Treasury Stock สัดส่วน 10% ของทุนชำระแล้ว (หรือเทียบเท่าราว 2,000 ล้านหุ้น) และตั้งเป้าวงเงินซื้อคืนที่ 5,000 ล้านบาท
2.คาดการจัดตั้งกอง IMPACT REIT จะเกิดขึ้นใน 3Q57 เพื่อปลดล็อก Asset Value และส่งผลให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อขยายกิจการ
b)เบื้องต้นคาดว่ากองทุน IMPACT REIT จะมีขนาดกองทุนราว 20,000 ล้านบาท และ BLAND จะถือหุ้นในสัดส่วน 50% ดังนั้น คาดว่าบริษัทจะได้รับเงินสดสุทธิหลังภาษีราว 8-9 พันล้านบาท และมีกำไรพิเศษจากการจัดตั้งกองทุนราว 2.5 – 2.8 พันล้านบาท
c)ส่งผลให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนก้อนใหญ่ เพื่อรุกขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวสูง และแนวราบ โดย BLAND มีจุดเด่นคือมี Land bank เป็นจำนวนมากในมือ ซึ่งสะสมไว้ในอดีต จึงมีต้นทุนในการพัฒนาโครงการที่ต่ำกว่าคู่แข่งขันในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
*** บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีธุรกิจกับบริษัทในเครือหรือบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND)

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ดัชนี S&P CS ราคาบ้าน, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, การเริ่มประชุม FOMC

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ US$110 ล้าน จากวันก่อนหน้า ขายสุทธิ US$99 ล้าน

ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 99.4 -61.7 11,166.3 9,188.0
KOSPI n.a n.a 5,574.6 4,875.1
JSE Closed Closed 4,955.4 -1,806.4
PSE 4.7 -7.5 1,015.7 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 1.3 1.6 299.2 263.2
SET INDEX 4.6 -31.4 -678.0 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติชะลอการลงทุนในไทย
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +147 -998
SET50 Index Futures (สัญญา) +1,578 +1,476
SSF (สัญญา) +91 +132
Metal Futures (สัญญา) +92 -850
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -242 +8,552

นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง แต่ก็เพียง 147 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 22,718 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 1,578 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 3,054 สัญญา คาดว่าเป็นการทยอยเปิดสถานะ Long สุทธิต่อเนื่อง แม้ว่า S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 6.97 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 7.82 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิเป็นนวันแรกในรอบ 6 วันทำการ แต่ก็เพียง 92 สัญญา เทียบกับตลอด 5 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 2,338 สัญญา และ 2 วันทำการก่อนที่ Long สุทธิ 1,356 สัญญา น่าจะเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Long อีกครั้ง แต่ก็เพียงเล็กน้อย แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะขยับขึ้นมายืนเหนือ US$1,300 นับตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ตาม
ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มทยอยขายทำกำไรค่าเงินบาทผ่านตลาดตราสารหนี้ แต่ด้วยมูลค่าที่เบาบาง โดยนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 22 วันทำการ เพียง 242 ล้านบาท เทียบกับตลอด 21 วันทำการก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 178,652 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ โดยผลตอบแทนลดลง 0.75bps ปิดที่ 3.6395%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เป็น 411 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 685 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
ADVANC 70.40 6.16% 204.05
SCB 55.11 4.15% 180.14
KBANK 44.74 8.43% 210.54
SCCC 30.71 69.76% 439.35
INTUCH 27.85 1.53% 67.76


NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 25 ยังคงเป็นการปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลัก
.การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 25 อีก 775 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 416 ล้านบาท รวม 25 วันทำการ ซื้อสุทธิ 39,705 ล้านบาท ถือเป็นการซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 590 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 443 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 150 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 271 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 148 ล้านบาท และกลุ่มโรงพยาบาล ซื้อสุทธิ 129 ล้านบาท
2.กลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 3 มากถึง 593 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 81 ล้านบาท ตามมาด้วย MAI ขายสุทธิ 150 ล้านบาท และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ขายสุทธิ 126 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
PTTEP 408.32 29.21 INTUCH -348.36 12.94
BBL 300.53 39.14 THCOM -143.49 18.31
SCC 270.03 45.35 STEC -119.55 4.55
TMB 124.68 6.31 EA -98.60 6.15
BGH 121.58 5.14 DTAC -67.76 11.69

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!