WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“แกว่งรอข่าวใหม่ เลือกซื้อ/ถือเหนือ 1535”
      • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PTTGC, SIRI (จากซื้อเป็นถือ)ภาพตลาดวันก่อน : พักตัว เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลง ปิดตลาด -5.72 จุด มาอยู่ที่ 1538.13 จุด มูลค่าซื้อขายเกือบ 5 หมื่นล้านบาท นักลงทุนส่วนใหญ่รอดูปัจจัยใหม่ๆ เช่น ผลประชุม FOMC ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ค., ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ คือ GDP Growth ไตรมาส 2 ของสหรัฐ(ประมาณการครั้งที่ 1), ตัวเลขจ้างงานและเงินเฟ้อของยุโรป, การพิจารณาลงทุนในโครงการขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมของไทย, รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบจ. เป็นต้น นักลงทุนต่างชาติซื้อ-ขายใกล้เคียงกัน, พอร์ตบล.และรายย่อยซื้อสุทธิ ส่วนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1.9 พันล้านบาท
    ปัจจัยและกลยุทธ์ : คาดระยะสั้นมากยังแกว่งรอปัจจัยใหม่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าโมเมนตัมของตลาดยังเป็นบวก เพราะมีความหวังว่าเศรษฐกิจและผลประกอบการบจ.จะดีขึ้นใน 2H57 และในปี 58 ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการลงทุน (หุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีก & สื่อในชีวิตประจำวันเป็น CPALL และ VGI) แม้ว่าในช่วงนี้จะมีแรงกดดันจากเงินบาทแข็งค่าบ้าง แต่ไม่รุนแรง เพราะโดยปกติไตรมาส 3 เป็นช่วง High season ของการส่งออก ดังนั้นผลกระทบจากบาทแข็งจะถูกชดเชยด้วยปริมาณขายที่ดีขึ้น (หุ้นเด่นในกลุ่มส่งออกของเรา คือ GFPT, KCE) ขณะเดียวกันบาทแข็งเป็นบวกกับกลุ่มนำเข้า (หุ้นเด่น คือ TVO) ส่วนผลประชุมเฟด ขณะนี้หลายฝ่ายประเมินว่าเฟดอาจยังไม่ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเพราะตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนมิ.ย.และก.ค.ค่อนข้าง Mixed รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อก็ยังไม่ได้มีแรงกดดันมาก สำหรับการทยอยลด QE ตลาดประเมินไว้ว่าจะลดอีก 1 หมื่นล้านUS$/เดือนเป็น 2.5 หมื่นล้านUS$/เดือนในการประชุมครั้งนี้

กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ดัชนีต่ำกว่า 1535 จุดดูไม่ค่อยดี มีสิทธิอ่อนตัวไปยังแนวเด้ง 1510-1500, 1480 จุด ส่วนการรีบาวด์มีแนวต้าน 1550-1560 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น VGI

Fundamental Pick
VGI แนะนำซื้อราคาปิด 13.10 บาท เป้าหมาย 14.96 บาท
* คาดการณ์กำไร 1Q57-58 (สิ้นสุด มิ.ย.57) ฟื้นตัวขึ้น 21% q-o-q เป็น 233 ล้านบาท สืบเนื่องจากรายได้โฆษณาที่ฟื้นตัวดีขึ้น (+18% เป็น 754 ล้านบาท - เป็นรายได้จากส่วนธุรกิจ BTSสูงสุดที่ 59% รองลงมาเป็นโมเดิร์นเทรด 36% และอาคารสำนักงานที่ 5%) ซึ่งเป็นไปตามเศรษฐกิจและการเมือง อัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจโมเดิร์นเทรดมากขึ้นและฟุตบอลโลกช่วยหนุนคาดอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาสนี้ 53.6% ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 50.8% แนวโน้มไตรมาสต่อไปจะดีขึ้นไปอีก (คาด 1Q58 ต่ำสุดในรอบปีผลประกอบการนี้) ทั้งนี้บริษัทยังเน้นการเป็นผู้นำสื่อนอกบ้าน มีการเจรจากับบริษัทอื่นๆหลายรายที่อาจจะควบรวมกิจการกันในอนาคต แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีการซื้อหุ้นในลักษณะ Big Lot ของหุ้น TH ในช่วงที่ผ่านมา แนะนำซื้อ เราเห็นว่า VGI น่าสนใจในลักษณะการเป็นหุ้นที่ฟื้นตัวดี (Turnaround Story) อัตราการเติบโตกำไรสูงมีฐานะการเงินดีมาก จึงมีโอกาสไปซื้อกิจการเพื่อเติบโตเร็ว ราคาพื้นฐาน 14.96 บาท ประเมินด้วย SOTP

ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ค.ทรงตัวแต่อยู่ในระดับแข็งแกร่งมากที่ 61
* มาร์กิต อิโคโนมิกส์ เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 61.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจข้อมูลในเดือนต.ค.2552 และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลงแตะ 59.8

- สหรัฐ : ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายมิ.ย.แย่กว่าคาด
* สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) เปิดเผยว่าดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายประจำเดือนมิ.ย.ลดลง 1.1%MoM สู่ระดับ 102.7 สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%MoM ปัจจัยที่กดดันยอดขายบ้าน คือ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ความยุ่งยากในการขออนุมัติเงินกู้ และอัตราค่าแรงงานของผู้ซื้อบ้านที่ไม่กระเตื้องขึ้น

• ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งแคบ
* ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเล็กน้อย แต่ดัชนี NASDAQ ปรับลง นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุม FOMC ในวันพุธที่ 30 ก.ค.นี้ (ประชุม 29-30 ก.ค.) รวมทั้งรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐด้วย ปิดตลาดดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 16,982.59 จุดเพิ่มขึ้น 22.02 จุด หรือ +0.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,444.91 จุด ลดลง 4.65 จุด หรือ -0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,978.91 จุด เพิ่มขึ้น 0.57 จุด หรือ +0.03%

-/• สัญญาน้ำมันดิบอ่อนลง แต่ยังไม่หลุด100 US$/bbl
* สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 42 เซนต์ ปิดที่ 101.67 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 82 เซนต์ ปิดที่107.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

• สัญญาทองคำ COMEX ปิดทรงตัว
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ทรงตัวที่ 1,303.3ดอลลาร์/ออนซ์

ปัจจัยในประเทศ
+ ส่งออก 2Q57 พลิกเป็น +0.3%YoY จากที่หดตัวมาแล้ว 4 ไตรมาส คาด 2H57 ดีขึ้นต่อแต่ทั้งปีอาจโตไม่ถึง 3.5%
* มูลค่าส่งออก 2Q57 พลิกเป็น +0.3%YoY จากติดลบมา 4 ไตรมาสต่อเนื่อง อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเปิดเผยมูลค่าส่งออกเดือนมิ.ย.56 เท่ากับ 19,842.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (+3.9%YoY) ส่วนมูลค่านำเข้า 18,049.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (-14.03%YoY)ส่งผลให้ดุลการค้ามิ.ย.57 เกินดุล 1,792.9 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับทั้ง 2Q57 มูลค่าส่งออกพลิกกลับเป็น +0.3%YoY จากที่ติดลบมาแล้ว 4 ไตรมาส ส่วน 1H57 ส่งออกยัง -0.35%YoY
* สินค้าอุตสาหกรรมส่งออกที่เติบโตสูง คือ อัญมณี & เครื่องประดับ และเม็ด &ผลิตภัณฑ์พลาสติก ส่วนกลุ่มอิเลคทรอนิกส์ & เครื่องใช้ไฟฟ้าเติบโตปานกลาง ขณะที่กลุ่ยานยนต์ & ชิ้นส่วนกระเตื้องขึ้น ส่วนสินค้าที่หดตัวลง คือ เครื่องปรับอากาศ & ชิ้นส่วน เพราะหมดฤดูร้อน, ทีวี เนื่องจากจบเทศกาลบอลโลกและแผงวงจรไฟฟ้า ซึ่งมาจากอุปสงค์ในตลาดหลักลดลง
* ความเห็น Retail Research DBS : แนวโน้ม 2H57 คาดว่าจะดีขึ้นเป็นลำดับ แต่อาจจะไม่ถึงเป้าหมายของทางการไทยที่ตั้งไว้ที่ 3.5% เนื่องจากในบางเดือนมูลค่าส่งออกอาจจะยังต่ำกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/เดือนใน 2H57 (ถ้าจะถึงเป้าหมาย 3.5% ต้องส่งออกให้ได้ 2.06หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/เดือน) นอกจากนั้นราคาสินค้าเกษตรอย่าง ยางพารา และน้ำตาลที่ต่ำยังเป็นปัจจัยกดดันด้วย อย่างไรก็ดี คาดว่ามูลค่าส่งออกในปี 58 จะขยายตัวสูงขึ้นเป็น 7% โดยมาจากการเติบโตที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกในระยะสั้นเรายังมีมุมมอง Neutral กับกลุ่มส่งออก โดยในระยะสั้นมองว่าปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นใน 3Q ซึ่งเป็น High season จะถูกชดเชยไปด้วยการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้ผลประกอบการหลายบริษัทจะไม่โดดเด่นมากนัก ยกเว้นบริษัทที่มีปริมาณขายเติบโตแข็งแกร่งมากๆ และควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดี เช่น GFPT, KCE ที่คาดว่าจะยังมีผลประกอบการ 3Q57ที่ดีมากอยู่

+/- บาทแข็งเป็นลบกับกลุ่มส่งออก แต่ไม่รุนแรงเพราะมี Volume ที่เพิ่มใน 3Q ช่วยชดเชย (หุ้นเด่น คือ GFPT, KCE) และเป็นบวกกับกลุ่มนำเขา (หุ้นเด่น คือ TVO) &บริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศมาก (แต่ยังแนะนำขาย THAI)
* เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 31.78 บาท/เหรียญสหรัฐ แข็งขึ้นราว 2%QTD และ2.8%YTD ซึ่งกดดันหุ้นในกลุ่มส่งออก โดยหากเงินบาทยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 32 บาท/เหรียญสหรัฐ ก็จะกระทบกับยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นในรูปเงินบาทได้ เนื่องจากเงินบาทเฉลี่ยใน2Q57 อยู่ที่ประมาณ 32.5 บาท/เหรียญสหรัฐ
* แต่...กลุ่มส่งออกได้ Volume การส่งออกที่สูงขึ้นเพราะเป็น High season เข้ามาชดเชยและต้นทุนการผลิตยังไม่ได้กดดันมาก ทำให้ผลประกอบการจะไม่ได้แย่ลงอย่างรุนแรง เราให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มส่งออกเป็น Neutral โดยหุ้น Top Picks คือ 1) GFPT ให้ราคาพื้นฐาน16.40 บาท และ 2) KCE ให้ราคาพื้นฐาน 46.60 บาท
* หุ้นในกลุ่มนำเข้าสุทธิได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า บริษัทที่เราชอบ คือ TVO ให้ราคาพื้นฐาน 27.20 บาท เนื่องจากบริษัทมีการนำเข้าวัตถุดิบถั่วเหลือง ขณะที่รายได้หลักอยู่ในประเทศในรูปเงินบาท
* การแข็งค่าของเงินบาทยังเป็นบวกกับบริษัทที่มีหนี้ต่างประเทศมาก เช่น THAIอย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ DBS ยังแนะนำขายหุ้น THAI เพราะคาดการณ์ว่าผลประกอบการปี 57จะอ่อนแอ (ขาดทุนสุทธิ)
***ดูรายละเอียดเพิ่มได้ใน Issue Focus วันนี้***

+ ค้าปลีก & สื่อในชีวิตประจำวันผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เริ่มฟื้นได้ใน 3Q57 และคาดว่าจะเห็นชัดเจนใน 4Q57 เป็นต้นไป...หุ้นเด่นCPALL, VGI
* ธุรกิจค้าปลีกเริ่มฟื้นใน 3Q แต่คาดว่าจะดีขึ้นใน 4Q ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทยเปิดเผยว่าใน 1H57 ยอดค้าปลีกโดยรวมเติบโตได้เพียง 4.6%YoY เนื่องจากสถานการณ์การเมืองไม่แน่นอน เศรษฐกิจซบเซา การส่งออกยังฟื้นตัวได้ช้า แต่คาดว่าจะดีขึ้นใน 2H ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป สำหรับทั้งปี 57 ทางสมาคมฯคาดว่ายอดค้าปลีกจะขยายตัวได้ 6-7% โดยแบ่งเป็นการค้าส่งโต 2.2% และค้าปลีกโต 2.5-2.8% จากมูลค่าธุรกิจค้าปลีกสิ้นปี 56 ที่ 2.6 ล้านล้านบาท
* ความเห็น Retail Research DBS : เราเห็นว่ากลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่จะฟื้นได้เร็ว คือ กลุ่มที่อิงกับการอุปโภคและบริโภคในชีวิตประจำวัน เช่น CPALL, BIGC, MAKRO, BJC เป็นต้น และกลุ่มสื่อที่เกี่ยวข้องกับการจับจ่ายใช้สอยขั้นพื้นฐาน เช่น VGI แล้วค่อยตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีกที่ค่อนไปทางสินค้าฟุ่มเฟือย (ROBINS, MC) และค้าขายวัสดุก่อสร้าง (HMPRO, GLOBAL)ในระยะต่อไป ในเชิงกลยุทธ์หุ้น Top Pick ในกลุ่มค้าปลีก & สื่อในชีวิตประจำวัน คือCPALL และ VGI

• ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 58 + คำแถลงนโยบายรัฐบาลจะแล้วเสร็จภายในกลางส.ค.นี้
* พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คาดว่าจะสามารถเปิดประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อดำเนินกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ราวกลางเดือน ส.ค.นี้ ส่วนความคืบหน้าการจัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 58 ได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมคำแถลงนโยบายรัฐบาลและงบประมาณให้แล้วเสร็จภายใน 15 ส.ค.นี้

• จับตาการพิจารณาการลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐานด้านคมนาคม
* จับตาการพิจารณาโครงการลงทุนในระยะ 8 ปี ในโครงการลงทุนขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมของไทย ซึ่งคาดว่าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 2 เส้น และโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู, สีส้มเฟส 1 และสีเขียวอ่อน จะอยู่ในปีงบประมาณ 58

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 arparporns@th.dbsvickers.com

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!