WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.กรุงศรี : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้

เลือกซื้อหุ้นพื้นฐาน
       SET ผันผวนสูงวานนี้โดยเปิดตลาดในแดนบวกและแกว่งตัวลงในกรอบ +/-29 จุด ลดลงทำจุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 1500 จุด ปิดที่ 1519.79 จุด (-1.76 จุด, -0.12%) และมีแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่ม SET50 (+0.87%) และ SET100 (+0.69%) มีเพียง 4กลุ่มปรับตัวขึ้นสวนตลาดคือ สื่อสาร ธนาคาร ปิโตรเคมี และขนส่ง กลุ่มขนาดเล็กลดลงมากสุดคือเหมืองแร่ อาชีพ เกษตร ท่องเที่ยว มูลค่าการซื้อขายสูงขึ้นเป็น 66,045 ล้านบาท เงินบาทเริ่มอ่อนค่าเล็กน้อยเหลือ 31.87 บาท ต่างชาติขายสุทธิ 1.67 พันล้านบาท (Big lot ซื้อหุ้น SIM-F 2.87 พันล้านบาท) กองทุนขายสุทธิต่อเนื่อง 4 วันทำการอีก 2.38 พันล้านบาท

 

ปัจจัยการลงทุนวันนี้
     ผลการประชุมเฟดมีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงอีก US$1 หมื่นล้าน ส่งผลให้วงเงินการซื้อพันธบัตรปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ US$2.5 หมื่นล้าน/เดือน และตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% โดยระบุว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ที่ระดับใกล้ศูนย์ต่อไปอีก แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตรสิ้นสุดลงตามกำหนด
       ก.คลังรายงาน 2Q57 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 2.5% (1Q57 ที่ 2.0%) อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ 1.0% ของกำลังแรงงานรวม (1Q57 ที่ 0.9%) ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่สูงที่ US$168.2 พัน ล้านสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 2.7 เท่า และได้ปรับลดประมาณการ GDP ปีนี้เหลือ 2.0% (เดิม 2.6%), ส่งออก 1.5% (เดิม 5.0%), นำเข้า -5.2% (เดิม 3.7%), เงินเฟ้อทั่วไป 2.4% (เดิม 2.5%) และจีดีพีปี 58 จะเติบโตที่ 5.0%,
     ในเชิงพื้นฐานเชื่อว่าจุดต่ำสุดของจีดีพีไทยอยู่ที่ไตรมาส 2 - ฟื้นตัวไตรมาส 3-4 และเติบโตสูงปี 58 ด้วยงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2.4 ล้านล้านบาท หากอิงรูปแบบการเติบโตนี้ เราประเมินว่าทิศทาง SET ที่เหลือของปี 57 ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือนพ.ค.-มิ.ย.นอกเหนือจากมีปัจจัยเสี่ยงผกผันจากต่างประเทศเช่นการรุกลามสงคราม, และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเร็วกว่าคาดการณ์
       การที่ SET ได้สร้างฐานทางลงไว้ที่จุดต่ำสุดเมื่อวานที่ 1,500.05 จุดและดีดตัวขึ้นปิดที่ 1,518.79 จุด และมีวอลุ่มซื้อขายสูงถึง 6.60 หมื่นล้านบาทนั้น เรามองว่าเป็นตัวบ่งชี้ถึงนักลงทุนฝั่งซื้อพร้อมเข้าสู่ตลาดเมื่อราคาหุ้นปรับลดลง ซึ่งในช่วง 3 วันที่ผ่านมานักลงทุนฝั่งขาย (กองทุนและต่างชาติ) ต้องการขายทำกำไรระยะสั้นนั้น เราเชื่อว่าได้ขายไปในจำนวนมากแล้ว (ต่างชาติขายสุทธิ 3.31 พันล้านบาท, กองทุนขายสุทธิ 6.26 พันล้านบาท) จากนี้คาดว่าตลาดจะมีแนว โน้มทรงตัวหรือปรับขึ้นด้วยแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเราแนะนำซื้อหุ้นพื้นฐานเช่น KBANK, ADVANC, INTUCH, PS, STEC, CK, BIGC, PTTEP)

แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง

ถือครองพอร์ตลงทุนในหุ้น 70%
น้ำหนักพอร์ตลงทุน ถือครองหุ้น 70% และเงินสด 30%

Accumulate: -- สะสมหุ้น
Trading: เลือกซื้อหุ้นเก็งกำไรเหนือ 1520 ต่ำกว่ารอ

เปรียบเทียบดัชนีกับ SET

สถานะพอร์ตจำลอง (เริ่ม 25 พ.ย. 56)
พอร์ตหุ้น 70% ถือเงินสด 30%

ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (70%) = +10.5%
ผลตอบแทนถือเงินสด (30%) = +0.6%
ผลตอบแทนรวม (100%) = +11.1%
ผลตอบแทนตลาด SET = +12.3%
ผลรวมพอร์ตจำลองสุทธิ < SET

หมายเหตุ: Cash/Equity weighting เป็นการแสดงมุมมองของ KSS Research เพื่อใช้เป็นแนวทางว่าด้วยแนวโน้มระยะกลาง (3-6 เดือน) ว่าจะมีแนว โน้มเชิงบวก หรือ เชิงลบ โดยหุ้นที่แนะนำในพอร์ตจำลองเป็นหุ้นพื้นฐานที่เราประเมินว่าจะมีแนวโน้มที่ดี ไม่มีนัยสำคัญเพื่อคำแนะนำว่าควร "ซื้อ" หรือ "ขาย" หุ้นดังกล่าวในเวลาใด


Analysts
Registration 17622
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!