WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Global Consolidation
     ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังปรับฐานลงแรง แต่ไม่หลุด 1,500 จุด ปิดที่ 1,502.39 จุด ลบเป็นวันที่ 5 อีก 16.40 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,232 ล้านบาท
     เงินทุนต่างชาติลดการลงทุนตลาดหุ้นไทย 1,095 ล้านบาท คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 อีก 2,520 สัญญา แต่นำเงินพักในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 8,667 ล้านบาท เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ราว 17 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวานนี้
การปรับฐานของ SET INDEX ตลอด 5 วันทำการราว 3.23% จากระดับสูงสุดในรอบนี้ 1,550 จุด โดยเป็นการทยอยปิดกองทุน Trigger Funds บวกกับภาวะการลงทุนรอบโลกที่ขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน ทำให้เกิดการปรับฐานลงสู่ระดับ 1,500 จุด อีกทั้งการซื้อขายวันนี้เป็นวันสุดท้าย จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ SET INDEX จะเปิดหลุดแนว 1,500 จุด สู่แนวรับหลักถัดไปคือ 1,470-1,480 จุด คิดเป็น PER15 ราว 12.70x แม้ว่าจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย 2Yr Forward PER ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา 12.68x แต่ด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินโลก เป็นตัวแปรสำคัญ
     นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ) 5 แห่งทยอยเปิดขายกองทุน Trigger Fund เริ่มด้วย UOBAM วงเงิน 2.0 พันล้านบาทที่ปิดการขายไปตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา KTAM / SCBAM/ MFC / LHAM ซึ่งจะทยอยปิดการขายวันที่ 6-7 ส.ค. คาดเม็ดเงินราว 5.0 พันล้านบาทหรือมากกว่าจะทยอยเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในช่วงก่อนวันหยุดยาวปลายสัปดาห์หน้าเป็นอย่างเร็ว จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดัน SET INDEX ในช่วงกลางเดือนส.ค.
      ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า การประชุม กนง. ที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 2.00% เช่นเดิม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ให้น้ำหนักกับตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน – อียู – ญี่ปุ่น
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุน “เร่งทยอยสะสมหุ้นมากขึ้น เมื่อ SET INDEX ปรับฐานเข้าใกล้บริเวณ 1,480 จุด”
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” CK/ KTB

Portfolio
Top Pick in 3Q14: AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Accumulative Buy: CK/ KTB

Technical View
แนวรับ 1493 / 1485 จุด แนวต้าน 1510 / 1516 จุด ประเมินกรอบวันนี้ โอกาสดีดตัวดูจำกัด

Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังแกว่งผันผวน ไม่ผ่าน 1,520 จุด

เมื่อ SET INDEX ปรับฐานลงทดสอบบริเวณ 1,500 จุดวานนี้ ทำให้โอกาสที่จะหลุดแนว 1,500 จุด สู่แนวรับหลักที่สำคัญ 1,480 จุด มีความเป็นไปได้สูง
หาก SET INDEX หลุดแนว 1,500 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย นั่นคือโอกาสการเข้าสะสมหุ้นหลักในอัตราเร่ง ตามความเห็นของ MBKET
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ เริ่มปรับฐานลง นำโดย Taiex -1.39% ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปในรอบบ่ายเปิดปรับฐานลงแรง กดดันบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชีย
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX พยายามที่จะฟื้นตัว แต่ไม่ผ่าน 1,525 จุด ขณะที่ความกังวลต่อการระบาดของโรคอีโบล่า รวมถึงตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับฐานลงแรงในรอบบ่าย จากข่าวการขาดทุนของธนาคาร Banco Espirito Santo SA ทำให้ต้องเพิ่มทุน กลายเป็นจุดกดดันบรรยากาศการลงทุน ในช่วงท้ายตลาด หุ้นหลักอย่าง PTT / SCC ปรับฐานลงแรง กดดัน SET INDEX ย่อตัวลงมาปิดที่ 1,502.39 จุด ลบเป็นวันที่ 5 อีก 16.40 จุด มูลค่าการซื้อขาย 51,232 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดลบแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มเหมืองแร่ -4.96%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -3.11% และกลุ่มกระดาศ -2.75% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร -1.06%, กลุ่มพลังงาน -2.15% และ กลุ่ม ICT +0.76%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.40 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดลบ เล็กน้อย แม้ว่า DJIA คืนวานนี้จะปิดลบ 1.88% ก็ตาม อาจเป็นผลจากค่าเงินเอเชียอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นประเด็นบวกต่อภาคการส่งออกในเอเชีย
MBKET ลดมุมมองการลงทุนจาก “กลางถึงบวก” เป็น “กลาง” ครั้งแรกในรอบ 8 วันทำการ หลัง SET INDEX วานนี้ไม่สามารถปิดยืนเหนือระดับ 1,525 จุด ตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ โดย หุ้นหลัก SCC / PTT ปรับฐานลงแรงวานนี้ แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานการลงทุนในภาพรวมของตลาดหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น
•ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย. ส่งสัญญาณฟื้นตัววานนี้ คาดว่าตลาดจะประเมิน GDP ในปีนี้ เฉลี่ยที่ 2.0% เท่ากับ ตัวเลขประมาณการของ สศค.
•เม็ดเงินใหม่จากกองทุน Trigger Funds คาดเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดหุ้นในต้นสัปดาห์หน้า และอาจต่อเนื่องถึงก่อน หรือ หลัง วันหยุดยาวในปลายสัปดาห์หน้า หลังบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหลายแห่งทยอยเปิดขายกองทุนดังกล่าว ณ ปัจจุบันพบว่า
oUOBAM: ปิดขายวันที่ 29 ก.ค. วงเงิน 2.0 พันล้านบาท
oKTAM / LH BANK AM/ MFC/ SCBAM จะปิดการขายกองทุนราววันที่ 6-7 ส.ค.
•เชื่อว่าต่างชาติ ยังคงรอจังหวะการกลับเข้าตลาดหุ้นไทย หลังภาพรวมเศรษฐกิจใน 2H57 ส่งสัญญาณการฟื้นตัวราว 4.0-4.5% ตามที่ธปท.ประเมินไว้ ขณะที่ยอดขายสุทธินับตั้งแต่ปี 2556 ถึงวานนี้ ของนักลงทุนต่างชาติที่มากถึง 2.22 แสนล้านบาท อาจทำให้แรงกดดันจากการขายของนักลงทุนต่างชาติ ต่อตลาดหุ้นไทย เป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน
ดังนั้น หาก SET INDEX ในช่วงสั้นนี้ เกิดการปรับฐานลงหลุดแนว 1,500 จุด สู่แนวรับหลักที่สำคัญ คือ 1,470-1,480 จุด คิดเป็น PER15 ที่ 12.73x สูงกว่ากรอบ 1SD ของ 2Yr Forward PER ของตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเล็กน้อยที่ 12.68x
ทั้งนี้พัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ MBKET เชื่อว่า ต่างชาติให้น้ำหนักและรอดูภาพที่ชัดเจน ซึ่งน่าจะเห็นภาพในเดือนส.ค.นี้ ไม่ว่าจะเป็น
•การประกาศรายชื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช) 200 คนคืนวานนี้ พร้อมเปิดประชุมสภาฯ นัดแรกวันที่ 7 ส.ค. ลำดับสำคัญถัดไปคือการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี และ ครม ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็นภาพชัดในช่วงครึ่งหลังของเดือนส.ค.
•กำหนดให้เตรียมคำแถลงนโยบายรัฐบาล และงบประมาณต่อ สนช.ให้เสร็จภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเริ่มเข้าสู่ Roadmap ระยะที่ 2 ของคสช.แบบเต็มตัว
•รายละเอียด Roadmap ในด้านต่างๆ ที่คณะทำงานได้รับมอบนโยบายจากทาง คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นกรอบการทำงานภายในเดือนส.ค. พร้อมสรุปผลงานทุกๆ ไตรมาส
•แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คสช.อนุมัติในหลักการวานนี้ ลำดับถัดไป สนข ต้องเร่งจัดทำรายละเอียดของแผนการลงทุนทั้ง 5 ส่วนที่นำเสนอ
หลังแนะนำให้ นักลงทุน “ทยอยสะสมหุ้นหลัก นับตั้งแต่ SET INDEX ปรับฐานจากระดับ 1,530 จุดลงมา MBKET ยังคงยืนยันทยอยสะสมหุ้นหลักอีกครั้งในอัตราเร่ง หาก SET INDEX ปรับฐานเข้าใกล้ระดับ 1,480 จุด” เพราะเชื่อว่าเม็ดเงินใหม่จากกองทุน Trigger Funds จะเป็นตัวแปรสำคัญในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ภายใต้ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.คาดหุ้นกลุ่มชาเขียวจะปรับฐานลงแรงวันนี้: หลังอธิบดี กรมสรรพากร เสนอให้มีการจัดเก็บภาษีกับเครื่องดื่มชาเขียว เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้จะหาข้อสรุปในเร็วๆ นี้ เพื่อนำเสนอต่อ คสช. เบื้องต้นอาจพิจารณาจัดเก็บภาษีที่ 10% หรือ 20% เท่ากับเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ ที่มีการจัดเก็บภาษีดังกล่าว ส่งผลกระทบเชิงลบด้านจิตวิทยาการลงทุนในหุ้น OISHI / ICHI
2.จับตากลุ่มท่องเที่ยว: หลังนโยบายการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีน และ ไต้หวัน เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. สะดุดลง เมื่อกระทรวงการต่างประเทศ และ ตม. ยังไม่ได้รับเอกสารขอความร่วมมือ จึงยังไม่สามารถยกเลิกค่าธรรมเนียมได้ อาจส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงแรม / สายการบินต้นทุนต่ำ / สนามบิน ช่วงสั้นนี้ จนกว่าจะเห็นความชัดเจน
3.วันนี้ติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของไทย: Bloomberg consensus คาด 2.40% yoy เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.35% yoy อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังถือว่าไม่สูงจนเกิดแรงกดดันต่อการประชุม กนง.ในสัปดาห์หน้า
4.ตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค. ของจีนในเช้าวันนี้ : ออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อยที่ 51.7 จุด จาก Bloomberg consensus คาดที่ 51.4 จุด เป็นบวกต่อตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงในเช้าวันนี้
5.คืนนี้ติดตามตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ: หากเห็นสัญญาณการจ้างงานชะลอตัว อาจเป็นการยืนยันถึงมุมมองของเฟดต่อตลาดการจ้างงานที่ยังต้องใช้เวลาในการกระตุ้นต่อเนื่อง
•อัตราการว่างงาน: Bloomberg consensus คาด 6.10% เท่ากับเดือนก่อนหน้า
•การจ้างงานนอกภาคการเกษตร: Bloomberg consensus คาดเพิ่มขึ้น 2.30 แสนตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 2.88 แสนตำแหน่ง
•การจ้างงานภาคเอกชน: Bloomberg consensus คาดเพิ่มขึ้น 2.27 แสนตำแหน่ง จากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 2.62 แสนตำแหน่ง
6.ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า: เน้นปัจจัยในประเทศเป็นสำคัญ ขณะที่ติดตามการแพร่ระบบเชื้ออีโบล่า ในต่างประเทศ
•การประชุมธนาคารกลางที่สำคัญ
i.กนง.วันที่ 6 ส.ค MBKET คาดคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 2.00%
ii.ECB: วันที่ 7 ส.ค. ตลาดคาด ECB จะคงนโยบายการเงินเช่นเดิม แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในอียูจะยังไม่ฟื้นตัวแข็งแกร่งอีกครั้งก็ตาม
iii.BoE: วันที่ 7 ส.ค. ติดตามความเห็นต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะเกิดขึ้นภายในสิ้นปีนี้หรือไม่
•ติดตามการแพร่ระบาดของโรคอีโบล่า ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว
•การทยอยประกาศผลการดำเนินงาน 2Q57 ของหุ้นที่ไม่ใช่ธนาคาร
•พัฒนาการทางการเมืองในประเทศ ความคืบหน้าของแผน Roadmap ด้านอื่นๆ
•ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอียู / ญี่ปุ่น / จีน

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 14.92 12.96 15.02 13.08
PSE 19.33 16.76 19.34 16.76
JSE 16.62 14.00 16.41 14.00
KOSPI 10.56 9.20 10.65 9.27
TAIEX 15.17 13.85 15.43 14.10
Straits Time 14.90 13.64 14.79 13.54
SHCOMP 8.75 7.74 8.66 7.67
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.KTB : ราคาปิด 21.50 บาท ราคาเหมาะสม 25.00 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และเชื่อว่าการปรับฐานของตลาดในรอบนี้เป็นโอกาส “ทยอยสะสม” สำหรับการลงทุนระยะกลางขึ้นไป เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H57 และเติบโตในอัตราเร่งในปี 2558
b)ส่งผลให้สินเชื่อจะเริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตที่ชัดเจนในปี 2558 นอกจากนั้น คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2558 จะส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
c)KTB ได้ประโยชน์โดยตรง หลังคสช.อนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท เนื่องจากเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนการปล่อยกู้สินเชื่อให้กับโครงการรัฐสูงสุด และการปรับโครงสร้างธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2557 ที่ผ่านมา จะส่งผลให้ธนาคารการกระจายโครงสร้างธุรกิจที่ดีขึ้น
d)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 จะเติบโต qoq จาก 2Q57 ที่มีการตั้งสำรองพิเศษเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงคาดว่าการตั้งสำรองจะกลับเข้าสู่ระดับปกติใน 3Q57
e)Valuation อยู่ในระดับที่ยังค่อนข้างถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 7.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 10.1 เท่า และ PBV 2558 ที่ 1.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.4 เท่า และให้ Dividend Yield ในเกณฑ์ดีราว 4.5% ต่อปี
2.CK : ราคาปิด 25.00 บาท ราคาเหมาะสม 31.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะ Outperform ตลาดได้ใน 2H57 และแนะนำ “ทยอยสะสม” เนื่องจากมี Catalyst รออยู่ต่อเนื่องตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป ได้แก่
รถไฟฟ้ารางคู่ ฉะเชิงเทรา – แก่งคอย วงเงิน 11,348 ล้านบาท, เส้นทางจิระ – ขอนแก่น วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท, เส้นทางลพบุรี – ปากน้ำโพ 24,000 ล้านบาท
รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน คือ สายสีเขียวเข้ม หมอชิต – คูคต 4.8 หมื่นล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีชมพู 5.8 หมื่นล้านบาท, สายสีส้ม 1.1 แสนล้านบาท และสายสีเหลือง 4.6 หมื่นล้านบาท .
โครงการสนามบินเฟส 2 มูลค่าโครงการ 6.2 หมื่นล้านบาท
b)และวานนี้ CK รายงานการขายหุ้น BMCL จำนวน 1,025 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.65 บาท คิดเป็นเงินรวม 1,691 ล้านบาท และคาดว่า CK จะสามารถบันทึกกำไรก่อนภาษีราว 1,010 ล้านบาท ในงบ 3Q57
c)เราให้ CK เป็น Top pick ของกลุ่ม เนื่องจากเป็นผู้นำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และปัจจุบันมี Backlog สูงถึง 1.3 แสนล้านบาทรองรับการเติบโตได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า และเชื่อว่าการถือหุ้นในบริษัทลูก เช่น BECL, BMCL, CKP, TTW จะส่งผลให้ CK มีโอกาสสูงที่จะได้รับงานรับเหมาก่อสร้างหากเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับบริษัทลูก เช่น ทางด่วน, รถไฟฟ้า ฯลฯ
d)ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 2.4 เท่า ต่ำกว่า STEC ที่ 4.4 เท่า ชี้ให้เห็นว่าในแง่ Valuation แล้ว CK มีความน่าสนใจมากกว่า

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ตัวเลขภาวะการจ้างงาน

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ US$358 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$820 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -333.8 279.2 11,380.8 9,188.0
KOSPI n.a 597.1 6,923.1 4,875.1
JSE 16.8 16.8 4,955.4 -1,806.4
PSE -5.3 3.1 1,013.5 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -1.1 -23.0 277.0 263.2
SET INDEX -34.3 -52.5 -820.6 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -1,095 -1,672
SET50 Index Futures (สัญญา) -2,520 -4,666
SSF (สัญญา) -443 +159
Metal Futures (สัญญา) +182 +46
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +8,667 +4,024

นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 1,095 ล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิ 4,551 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเร่งขึ้นเป็น 27,269 ล้านบาท
อีกทั้ง นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 ใน SET50 Index Futures อีก 2,520 สัญญา รวม 3 วันทำการ Short สุทธิ 9,846 สัญญา เทียบกับตลอด 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 3,054 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long และกลับมาเปิด Short สุทธิต่อเนื่อง กดดันให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 7.77 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 6.10 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 182 สัญญา รวม 4 วันทำการ Long สุทธิ 436 สัญญา เทียบกับตลอด 5 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 2,338 สัญญา และ 2 วันทำการก่อนที่ Long สุทธิ 1,356 สัญญา น่าจะเป็นการทยอยเปิดสถานะ Long ต่อเนื่องอีกเล็กน้อย แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะแกว่งกรอบแคบ US$1,290-1,300 ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แต่การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างโดดเด่น กลายเป็นจุดที่นักลงทุนกลุ่มนี้ ยังคง Long สุทธิในทองคำล่วงหน้า
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้ได้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 8,667 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 18,839 ล้านบาท เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่ามากถึง 17-18 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลง สะท้อนกลับมายังผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี ลดลง 3.07bps ปิดที่ 3.102%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 1,060 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 782 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 178.58 3.65% 9.78
KBANK 114.44 8.93% 210.45
CK 85.38 3.10% 26.15
SCB 83.39 7.15% 180.31
PTT 78.59 4.04% 319.85


NVDR กลับมาเป็นการขายสุทธิ เน้นลดน้ำหนักใน SCC หลังภาพ 2H57 ไม่น่าสนใจ
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาเป็นการขายสุทธิ 146 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 961 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 642 ล้านบาทจากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิ 522 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิเพียง 88 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 73 ล้านบาท
2.ขณะที่ กลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด 437 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 289 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
BBL 377.70 34.49 TRUE -459.71 6.28
INTUCH 178.13 8.23 SCC -285.84 26.77
KBANK 105.50 29.40 JAS -121.73 5.30
CPF 98.53 20.05 PTT -108.66 14.40
AOT 81.35 21.24 PS -74.11 23.26

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!