WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ SMID Cap Day
      ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งปรับฐานต่อเนื่อง ปิดลบเล็กน้อย 0.14 จุด มาอยู่ที่ 1,522.27 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,333 ล้านบาท
     ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทย 1,025 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 10,971 สัญญา คาดเป็นการปิด Long สุทธิที่เปิดไว้ก่อนหน้า พร้อมกับการคงขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 อีก 8,774 ล้านบาท เป็นที่น่าสนใจถึงกระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังมีทิศทางการลงทุนในไทยไม่ชัดเจน
     สำหรับ ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันสุดท้ายของสัปดาห์ ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในต้นสัปดาห์หน้า MBKET ประเมิน SET INDEX แกว่งในกรอบแคบ 1,515-1,530 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน อย่างไรก็ตาม หุ้นขนาดกลางมีแนวโน้มขยับเด่น จับตากลุ่มพลังงานทางเลือก และหุ้น SI ในกลุ่ม ICT หากเม็ดเงินจากกองทุน Trigger Funds เข้าเก็งกำไรในขณะที่ตลาดหุ้นชะลอตัว
      ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า การลงทุนของสถาบันภายในประเทศอาจเป็นตัวแปรที่สำคัญ เพราะกองทุน Trigger Funds 5 กองทุนปิดการขายในวันที่ 6-7 ส.ค. คาดเงินทุนใหม่มูลค่าราว 5.0 พันล้านบาท จะเริ่มทยอยสะสมหุ้นในสัปดาห์หน้า ช่วยจำกัดความเสี่ยงของ SET INDEX ทั้งนี้ประเด็นสำคัญในสัปดาห์หน้า จับตาการพิจารณานโยบายพลังงานทางเลือกที่จะมีการประชุมในวันที่ 15 ส.ค. และตัวเลขการส่งออก-นำเข้าในจีน รวมถึง GDP ใน 2Q57 ของญี่ปุ่นและอียู
การประชุม BoE / ECB พิจารณาคงนโยบายการเงินตามที่ตลาดคาด
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “Swing Trade คือ ขึ้นแรงขาย ลงแรงซื้อ” โดยเฉพาะบริเวณ 1,520-1,530 จุด ที่ควรพิจารณาขายทำกำไร เว้นเสียจาก SET INDEX ทะลุแนว 1,530 จุด
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” AIT/ SAMTEL

Portfolio
Top Pick in 3Q14: AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Accumulative Buy: AIT/ SAMTEL

Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังยืนเหนือ 1,520 จุด

    SET INDEX ยังอยู่ในช่วงของการพักฐาน อีกวัน พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เพราะเป็นติดช่วงวันหยุดยาวในต้นสัปดาห์หน้า

กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไร้ทิศทางที่ชัดเจน
ดังนั้นกลยุทธ์ช่วงสั้น “Swing Trade” ขึ้นขาย ลงแรงซื้อ
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดลบเป็นส่วนใหญ่ นำโดยตลาดหุ้นจีน -1.34% ขณะที่ตลาดหุ้นใน TIP ปิดบวกทุกตลาด เป็นจุดที่น่าสนใจ
สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX แม้ว่าจะถูกแรงขายหุ้นหลัก กดดันให้ปรับตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญ 1,515 จุด ก่อนที่จะเกิด Technical Rebound ผลักดันโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร อย่าง SCB / KBANK รวมถึงหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ส่งผลให้ SET INDEX กลับมาแกว่ง 1,520 จุด +/- ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,522.27 จุด ลบเล็กน้อย 0.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,333 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มขนส่ง +1.96%, กลุ่มอาหาร +1.03% และกลุ่ม Professional +1.03% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +0.33%, กลุ่มพลังงาน -0.07% และ กลุ่มอสังหาฯ +0.43%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.35 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดลบแรง หลังตัวเลขดุลการค้าเดือนมิ.ย.ของญี่ปุ่นออกมาขาดดุลมากกว่าคาด และค่าเงินเยนแข็งค่าเล็กน้อย
MBKET คงมุมมองเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 6 พร้อมประเมินกรอบการแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,515-1,530 จุด ใกล้เคียงกับวานนี้ แต่มูลค่าการซื้อขายจะเบาบางมากขึ้น เพราะเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในต้นสัปดาห์หน้า ทำให้นักลงทุนภายในประเทศ ชะลอการลงทุน อย่างไรก็ตาม Downside risk ของ SET INDEX ในมุมมองของ MBKET ยังคงจำกัด แนว 1,515-1,520 จุดในวันนี้จะยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะ
•กองทุน Trigger Funds อาจใช้จังหวะของการตลาดพักฐานอีกวัน เข้าสะสมหุ้นเป้าหมายต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเด่นเฉพาะตัว
•ประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติ ต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบัน เป็นกลาง หรือ Wait&See เพื่อรอดูพัฒนาการทางการเมืองของไทย ต่อการส่งผ่านสู่ระยะที่ 2 ตามที่ คสช.วางกรอบไว้ในช่วงปลายเดือนส.ค.หรือ ต้นเดือนก.ย.
นอกจากนี้ MBKET ให้น้ำหนักกับเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า จะเป็นอีกตัวแปรที่ช่วยจำกัด Downside risk ของ SET INDEX ในช่วงสั้นนี้ นั่นก็คือ การทยอยปิดการขายกองทุน Trigger Funds ที่กลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนอีกครั้ง
•KTAM / LH BANK AM/ MFC/ SCBAM / THANACHART Fund ปิดการขายกองทุนราววันที่ 6-7 ส.ค. ประเมินเงินลงทุนใหม่ในส่วนนี้ไม่น่าต่ำกว่า 5.0 พันล้านบาท และเริ่มทยอยการลงทุนในสัปดาห์หน้า เป็นต้นไป
•UOBAM เตรียมเปิดขายกองทุน Trigger Funds อีก 2 กองทุน วงเงิน 3.5 พันล้านบาท ในสัปดาห์หน้า หากปิดการขายในสิ้นสุดสัปดาห์หน้า เม็ดเงินทุนใหม่ ก็จะเริ่มเข้าลงทุนในสัปดาห์ถัดไป
จะเห็นได้ว่า เม็ดเงินใหม่ที่รอการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป รวมไม่ต่ำกว่า 5-8 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะมากเพียงพอต่อการผลักดัน SET INDEX ให้ฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,550 จุด ได้ไม่ยาก

ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติ Wait&See เพื่อรอความชัดเจน “นายกรัฐมนตรี และ ครม.” โดยเฉพาะ รัฐมนตรีในตำแหน่งสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงอุตฯ และกระทรวงไอซีที MBKET คาดว่าจะเริ่มเห็นรายชื่อในช่วงครึ่งหลังของเดือนส.ค. หลัง สนช.ประชุมนัดแรก วันที่ 8 ส.ค. เพื่อเลือกประธาน และรองประธานสภาฯ
ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ ตลอดเดือนส.ค. MBKET ให้น้ำหนักค่อนข้างมากต่อประเด็นนี้ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่
•การเปิดประชุม สนช. วันนี้. เพื่อพิจารณาและคัดเลือกประธาน และรองประธานสภาฯ ต่อจากนั้นจะเป็นการพิจารณานายกฯ และ ครม.คาดว่าจะเป็นกลางเดือนส.ค.นี้
•กำหนดให้เตรียมคำแถลงนโยบายรัฐบาล และงบประมาณต่อ สนช.ให้เสร็จภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเริ่มเข้าสู่ Roadmap ระยะที่ 2 ของคสช.แบบเต็มตัว คาดว่า นายกฯ จะแถลงต่อสนช.ได้ภายในปลายเดือนส.ค.หรือ ต้นเดือนก.ย.เป็นอย่างช้า
•รายละเอียด Roadmap ในด้านต่างๆ ที่คณะทำงานได้รับมอบนโยบายจากทาง คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นกรอบการทำงานภายในเดือนส.ค. พร้อมสรุปผลงานทุกๆ ไตรมาส
•แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คสช.อนุมัติในหลักการวานนี้ ลำดับถัดไป สนข ต้องเร่งจัดทำรายละเอียดของแผนการลงทุนทั้ง 5 ส่วนที่นำเสนอ
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “Swing Trade โดยขึ้นขาย ลงแรงซื้อ โดยแนวรับต่ำกว่า 1,500 จุดในระลอกนี้ เป็นจุดตัดสินใจสะสมหุ้นหลักในอัตราเร่ง” เพราะเชื่อว่าเม็ดเงินใหม่จากกองทุน Trigger Funds จะเป็นตัวแปรสำคัญในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ภายใต้ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.การคัดเลือกประธาน และ รองประธาน สนช. วันนี้: ถือเป็นการเปิดประชุมนัดที่ 2 ของ สนช. เพื่อพิจารณาคัดเลือก ประธาน สภาฯ และรองประธานสภาฯ วันนี้ และประเด็นสำคัญที่จะตามมาคือ
•ผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่ง นายกฯ และ ครม. คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของเดือนส.ค. จะได้ข้อสรุปเบื้องต้น
•นโยบายการบริหารประเทศ และงบประมาณปี 2558 ร่างเบื้องต้นกำหนดเสร็จในวันที่ 15 ส.ค.
MBKET เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติ ต่างรอดูรายละเอียด เพื่อประเมินทิศทางการบริหารเศรษฐกิจ รวมถึงความเชื่อมั่นในเชิงธุรกิจ
2.การประชุมธนาคารกลาง ECB – BoE คงนโยบายการเงินเช่นเดิม:
•ECB: คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.15% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.10% พร้อมส่งสัญญาณพร้อมใช้มาตรการ QE หรือ มาตรการอื่นๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากอัตราเงินเฟ้อในระยะกลางมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
•BoE: คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% และวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ GBP3.75 แสนล้าน เช่นเดิม แม้ว่าทิศทางเศรษฐกิจในอังกฤษจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งแล้วก็ตาม
3.เช้านี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในจีน:
•การส่งออกเดือนก.ค. Bloomberg consensus คาด +7.0% yoy ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า +7.2% yoy
•การนำเข้าเดือนก.ค. Bloomberg consensus คาด +2.6% yoy ลดลงจากเดือนก่อนหน้า +5.5% yoy
•ดุลการค้าเดือนก.ค. Bloomberg consensus คาดเกินดุล US$2.74 หมื่นล้าน จากเดือนก่อนหน้าเกินดุล US$3.156 หมื่นล้าน
4.ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า เน้นที่เม็ดเงินของกองทุน Trigger Funds:
•กองทุน Trigger funds ปิดการขายในสัปดาห์นี้ 5 กองทุน คาดระดมทุนได้ 5.0 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะเห็นเม็ดเงินใหม่จำนวนดังกล่าว ทยอยเข้าลงทุนในสัปดาห์หน้า
•UOBAM ออกขาย กองทุน Trigger Funds อีก 2 กองทุน วงเงิน 3.5 พันล้านบาท IPO สัปดาห์หน้า คาดเม็ดเงินใหม่เข้าในสัปดาห์ถัดไป
•สิ้นสุดการประกาศงบการเงิน 2Q57 ของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย
•พัฒนาการทางการเมืองที่สำคัญในสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะวันที่ 15 ส.ค.
i.การพิจารณาโครงสร้างพลังงาน โดยเฉพาะแผนพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดในวันที่ 15 ส.ค.
ii.ร่างแผนการบริหารประเทศ และ งบประมาณปี 2558 เสนอต่อ คสช. เพื่อพิจารณา ก่อนที่จะให้นายกฯ กล่าวในทีประชุมสภาฯ ต่อไป

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.23 13.27 15.23 13.26
P
E 19.54 16.95 19.52 16.93
JSE 16.39 13.98 16.35 13.95
KOSPI 10.43 9.08 10.53 9.13
TAIEX 14.75 13.61 14.84 13.61
Straits Time 14.55 13.40 14.60 13.43
SHCOMP 8.68 7.68 8.80 7.79
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.AIT : ราคาปิด 31.00 บาท ราคาเหมาะสม 48.00 บาท
a)AIT รายงานกำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 285 ล้านบาท +89% yoy และ 43% qoq ทำระดับสูงสุดใหม่ และดีกว่าคาดการณ์ของ Consensus เนื่องจากมีการรับรู้รายได้งานโครงการเป็นจำนวนมากใน 2Q57
b)กำไร 1H57 คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรปี 2557 ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2557 และ 2558 ขึ้น ดังนั้น เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2557 จะเติบโต +22.8% yoy เป็น 697 ล้านบาท และ +18.4% yoy เป็น 825 ล้านบาท
c)ประกาศจ่ายเงินปันผล 1H57 หุ้นละ 0.90 บาท ขึ้น XD 15 ส.ค. คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.9%
d)ผลจากการปรับเพิ่มประมาณการกำไร ส่งผลให้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 48.00 บาท (เดิม 44.50 บาท) และมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก โดยซื้อขายระดับ PER 2557 และ 2558 เพียง 9.2 เท่า และ 7.8 เท่า ตามลำดับ และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึงปีละ 7%
2.SAMTEL : ราคาปิด 16.30 บาท ราคาเหมาะสม 20.20 บาท
a)SAMTEL รายงานกำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 186 ล้านบาท เติบโต +6.1% yoy ดีกว่าคาดการณ์ของเราที่ 179 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล 1H57 หุ้นละ 0.25 บาท ขึ้น XD 18 ส.ค. คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.5%
b)MBKET ประเมินว่าหุ้น SAMTEL จะ Outperform ตลาดใน 2H57 เนื่องจากมี Catalyst รออยู่ คือโอกาสของการชนะงานประมูลขนาดใหญ่ เช่น Smart Classroom มูลค่า 2,900 ล้านบาท, งานตรวจผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) มูลค่า 3,400 ล้านบาท และโครงการ CUTE มูลค่า 2,500 ล้านบาท
c)และเชื่อว่า 2Q57 เป็นไตรมาสที่มีกำไรต่ำสุดของปี 2557 แล้ว และจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2H57 เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้ Backlog เป็นจำนวนมากในครึ่งปีหลัง
d)กำไร 1H57 คิดเป็น 44.2% ของประมาณการกำไรปี 2557 ที่ 893 ล้านบาท (+4.3% yoy) และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโต +12.4% yoy เป็น 1,004 ล้านบาท
e)Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 10.0 เท่า และมี Upside Risk ต่อประมาณการกำไรปี 2558 หากชนะงานประมูลขนาดใหญ่เพิ่มเติมใน 2H57

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ Productivity and Cost

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิ US$111 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$81 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -49.2 171.3 11,014.1 9,188.0
KOSPI n.a n.a 7,253.4 4,875.1
JSE -20.3 -102.9 4,897.9 -1,806.4
PSE -3.9 -11.8 948.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -5.9 -8.4 262.8 263.2
SET INDEX -31.8 32.5 -827.4 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติไร้ทิศทาง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -1,025 +1,048
SET50 Index Futures (สัญญา) -10,971 +3,805
SSF (สัญญา) +340 -427
Metal Futures (สัญญา) +2,254 -302
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -8,774 -4,318

นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 1,025 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 27,497 ล้านบาท
และนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ มากถึง 10,971 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 13,049 สัญญา คาดเป็นการปิดสถานะ Long สุทธิที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 8.81 จุด จากวันก่อนหน้า Discount มากถึง 12.22 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 2,254 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 415 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ และกลับมามีสถานะ Long สุทธิเพิ่มเติม หลังราคาทองคำในตลาดโลกกลับมายืนเหนือ US$1,300/ounce ได้อีกครั้ง
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 8,773 ล้านบาท รวม 5 วันทำการขายสุทธิ 23,672 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 4 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงอีก 2.50bps ปิดที่ 3.555%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็น 912 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 863 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 184.87 11.11% 217.80
TRUE 106.11 4.83% 10.55
CPALL 63.59 6.80% 46.05
CK 60.65 3.54% 26.16
PTT 55.90 8.94% 323.67


NVDR ปรับน้ำหนักระหว่างกลุ่มหลักต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง แต่ก็เพียง 242 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิเพียง 129 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 391 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 412 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 265 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 56 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขายสุทธิสูงสุด 333 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 182 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 239 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 319 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 170 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 626.97 37.70 SCC -337.83 34.39
LH 159.88 34.23 JAS -277.37 6.70
ADVANC 136.19 10.18 BBL -238.80 36.73
TMB 101.33 11.55 PTTGC -224.65 18.87
AP 78.09 25.14 SCB -113.82 16.88

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!