WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ PM
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดเหนือ 1,550 จุด มาอยู่ที่ 1,550.77 จุด บวกเป็นวันที่ 2 อีก 7.92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายดีขึ้นเป็น 46,949 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติเป็นกลางอีกวัน ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 483 ล้านบาท คงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นวันที่ 3 อีก 3,703 ล้านบาท แม้ว่าจะกลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เพียง 512 สัญญา
ทั้งนี้ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ ขึ้นอยู่กับการประชุม สนช. เช้าวันนี้ เพื่อสรรหานายกรัฐมนตรี
•หากสนช.เสนอชื่อ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และได้รับเสียงสนับสนุน ตามที่ตลาดคาด MBKET ให้มุมมองเป็นกลางต่อประเด็นนี้ SET INDEX มีแนวโน้มแกว่งในกรอบแคบ 1,550 – 1,555 จุด
•แต่หาก สนช. เสนอชื่อนักวิชาการ (Technocrat) และเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญด้านเศรษฐกิจการเมือง MBKET ให้มุมมองเป็นบวก และผลักดันให้ SET INDEX ขยับขึ้นทดสอบแนว 1,560 จุด และอาจปิดทะลุแนวดังกล่าวได้เช่นกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนควรติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อประเมินมุมมองของต่างชาติต่อนายกรัฐมนตรีของไทยในวันนี้ และทิศทางเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในไทย
สำหรับปัจจัยต่างประเทศ เช้านี้ติดตามตัวเลข HSBC Flash PMI ภาคการผลิตของจีน ส่วนคืนวันพรุ่งนี้ ติดตามการเข้าแสดงวิสัยทัศน์ของประธานเฟด ต่อ Jackson Hole โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมมองต่อเศรษฐกิจ ตลาดการจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ เพื่อนำไปประเมินโอกาสและช่วงเวลาของการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “อาจพิจารณาขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,560 จุด +/-“ และพร้อมสะสมเพิ่ม หากราคาหุ้นเป้าหมายเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” CK / SIM
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: CK / SIM

Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,550 จุด ตามคาด

SET INDEX วันนี้ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการเสนอชื่อและลงคะแนนเสียงในเช้าวันนี้
ติดตามค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อประเมินมุมมองของต่างชาติ ต่อนายกฯ ท่านใหม่

ดังนั้นกลยุทธ์ พิจารณาขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,560 จุด +/- พร้อมสะสมหุ้นเป้าหมายเพิ่มเติม หากราคาเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดบวกเล็กน้อย เกือบทุกตลาด ยกเว้นตลาดหุ้นจีนที่เกิดแรงขายทำกำไร
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดขึ้นทดสอบ 1,550 จุด ผลักดันโดยกลุ่ม ICT / ธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง อย่างโดดเด่น ทำให้ SET INDEX แกว่งทดสอบ 1,550 จุด +/- เกือบตลอดชั่วโมงการซื้อขาย แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรบริเวณดังกล่าวเข้ามาอย่างต่อเนื่องก็ตาม ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ยืนเหนือ 1,550 จุด มาอยู่ที่ 1,550.77 จุด บวกเป็นวันที่ 2 อีก 7.92 จุด มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 46,949 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม ICT +2.68%, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +2.33% และกลุ่มเหมืองแร่ +1.82% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +0.22%, กลุ่มพลังงาน +0.21% และ กลุ่มอสังหาฯ +0.52%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.34 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวก ส่วน Kospi เปิดลบ ทั้งนี้อาจเป็นผลจากการที่เงินเยนอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เอื้อต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 7 หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,550 จุด ตามคาด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้น ย่อมส่งสัญญาณเชิงบวกต่อภาวะการลงทุนในช่วงสั้นจากนี้ไป แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญในวันนี้คือ
•การประชุม สนช. วันพรุ่งนี้ เพื่อสรรหา นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ตลาดคาดว่า หัวหน้า คสช. จะเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว
oหากเป็นไปตามที่ตลาดคาด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา MBKET เชื่อว่าตลาดจะตอบรับเป็น “กลาง” SET INDEX มีโอกาสแกว่งในกรอบแคบ 1,545-1,555 จุด แรงขายสะท้อนผลการโหวต เข้ามาเป็นระยะๆ แต่ Downside risk จำกัด
oแต่หากเป็นการเชิญ “ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจ / นักวิชาการ” ที่เป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ MBKET เชื่อว่าตลาดจะตอบรับในเชิง “บวก” SET INDEX มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบแนว 1,560 จุด และอาจปิดยืนเหนือแนวดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม นักลงทุน ควรติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อประเมินมุมมองของนักลงทุนต่อนายกฯ ท่านใหม่ในวันนี้
ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มกลับมาให้ความสนใจกับตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง ด้วยพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศที่ชัดเจนเป็นลำดับ และอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่จะผลักดันให้ SET INDEX ขยับขึ้นทะลุแนว 1,550-1,560 ในรอบนี้ ขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,580-1,600 จุดได้
•พัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศจากนี้ไป
oนายกรัฐมนตรี และครม. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น ก.การคลัง, ก.พาณิชย์, ก.อุตฯ, ก.คมนาคม, ก.ไอซีที เป็นต้น
oร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
oการยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งกองทุนบางประเภทถูกจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆ
oแผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ต้องสรุปรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้สนับสนุนแผนการลงทุนดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อ คสช. เพื่อพิจารณาในรายละเอียด ภายในสิ้นเดือนส.ค. หลัง คสช.อนุมัติในหลักการไปตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
•การจัดงาน Thailand Focus วันที่ 27-29 ส.ค. เพื่อชี้แจงภาพเศรษฐกิจ การเมือง และบริษัทจดทะเบียน เข้าพบปะผู้จัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ของตลท. ที่จัดขึ้นทุกๆ ปี และในปีนี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับเชิงบวกจากกองทุนต่างชาติ หลังจากที่ประเทศไทย ได้มีนายกรัฐมนตรี และ ครม. แล้วในสัปดาห์นี้ จะสามารถชี้แจงภาพเศรษฐกิจ และแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนี้ไปได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เมื่อ SET INDEX ขยับขึ้นเข้าใกล้เป้าหมายแรกของ MBKET ที่ 1,560 จุด นักลงทุน อาจพิจารณาขายทำกำไรบางส่วนที่บริเวณดังกล่าว และถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ พร้อมทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายเพิ่ม หาก ราคาหุ้นเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หุ้นหลักที่จะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร (KTB/BBL), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (TPIPL), กลุ่มงานวางระบบไอที (SAMTEL / AIT) รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก (AAV/ AOT)

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.พัฒนาการทางการเมืองที่เดินหน้า เข้าสู่ระยะที่ 2 ของ คสช: คาดเดือนก.ย.จะเข้าสู่ระยะที่ 2 เต็มตัว ซึ่งพัฒนาการทางการเมืองจากนี้ไปถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ
•สนช.ผ่านร่างงบประมาณปี 2558 วาระที่ 1 วานนี้แล้ว สนช.ตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อศึกษาร่างฯ ดังกล่าว เพื่อนำมาพิจารณาในวาระที่ 2-3 ตามลำดับต่อไป วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าการใช้งบประมาณประจำปี 2558 จะทันเวลาที่ 1 ต.ค.
•การเสนอชื่อ นายกรัฐมนตรี ในการประชุม สนช. เช้าวันนี้
•การพิจารณายกเลิก กฎอัยการศึก เพื่อการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
2.ความเสี่ยงของไทยต่ำสุดในรอบกว่า 14 เดือน: สะท้อนได้จาก CDS Spread ของพันธบัตรไทยอายุ 5 ปี ณ ปัจจุบัน แตะระดับ 91bps เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. 2556 ที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ ต่อสถานการณ์ทางการเมือง และ ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยจากนี้ไป
3.การปรับดัชนี MSCI รายไตรมาสรอบนี้: สำหรับ MSCI Thailand พบว่า
•เพิ่ม: ไม่มี
•ออก: GJS, GSTEL
ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 29 ส.ค.
4.การประชุมเฟดครั้งก่อน พร้อมขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า: หากสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการจ้างงานปรับตัวดีกว่าที่ประเมิน ณ ปัจจุบัน ก็มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ได้เช่นกัน
MBKET มีความเห็นเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว เพราะยังเร็วเกินไปที่จะเริ่มกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด อาจต้องติดตามตัวเลขการจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญของเฟดในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน
5.เช้านี้ติดตามตัวเลข HSBC PMI ของจีน: ภาคการผลิตเดือนส.ค. Bloomberg consensus คาด 51.5 จุด ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.7 จุด
6.ติดตามการแสดงวิสัยทัศน์ของประธานเฟด: ที่ Jackson Hole ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่
•มุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ / การจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ เทียบกับเป้าหมาย 2.0% ในระยะยาว
•โอกาสที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของเฟด หลังสิ้นสุดโครงการ QE ในเดือนต.ค.นี้

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.56 13.48 15.58 13.51
PSE 20.02 17.32 19.96 17.27
JSE 16.86 14.05 16.78 14.31
KOSPI 10.50 9.14 10.60 9.23
TAIEX 14.94 13.92 14.88 13.85
Straits Time 14.69 13.51 14.65 13.47
SHCOMP 8.85 7.85 8.87 7.87
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.CK : ราคาปิด 27.25 บาท ราคาเหมาะสม 31.00 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และคาดว่าการพิจารณาเลือกนายกฯ ของ สนช.ในวันนี้ จะเป็น Sentiment บวกต่อการลงทุน เนื่องจากพัฒนาการการเมืองจะส่งผลบวกให้งานประมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เริ่มทยอยเข้าสู่ระบบอย่างชัดเจนตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป
b)และการประกวดราคาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวโซนเหนือ คาดว่าจะยื่นซองประมูลได้ในวันที่ 19 ก.ย. หรือ 30 ก.ย. และหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนประกวดราคา คาดว่าจะเริ่มสร้างได้ช่วงต้นปี 2558
c)งานรถไฟฟ้าสายสีเขียวโซนเหนือมีมูลค่างานสูงถึง 2.6 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น 4 สัญญา ได้แก่
I.งานโยธาช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท
II.งานโยธาช่วงสะพานใหม่ – คูคต มูลค่า 6.1 พันล้านบาท
III.งานโยธาศูนย์ซ่อมบำรุงรักษา และอาคารจอดรถ มูลค่า 3.7 พันล้านบาท
IV.งานออกแบบและติดตั้งระบบรางรถไฟฟ้า มูลค่า 2.6 พันล้านบาท
d)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 จะเติบโตเด่น yoy และ qoq เนื่องจากจะมีการบันทึกำไรพิเศษ(หลังภาษี)จากการขายหุ้น BMCL ราว 800 ล้านบาท
e)จุดเด่นของ CK คือการถือหุ้นในบริษัทลูกได้แก่ BECL, TTW, BMCL และ CKP ซึ่งเป็น Asset ที่มีคุณภาพ และราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายระดับ PBV 2557 ที่ 2.5 เท่า ต่ำกว่า STEC ที่ 4.5 เท่า ดังนั้น เรายังให้ CK เป็น Top pick ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
2.SIM : ราคาปิด 3.58 บาท ราคาเหมาะสม 4.60 บาท
a)ราคาหุ้น SIM ยังปรับตัวขึ้นน้อยกว่ากลุ่มมาก โดย YTD ปรับตัวขึ้นเพียง +9.2% เทียบกับ SAMART +60.8% SAMTEL +32.6% เทียบกับ SET INDEX +19.4% และ SET ICT +11.9%
b)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 เติบโตทั้ง yoy และ qoq และทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากยอดขายมือถือ Smartphone ที่เร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และแรงหนุนของยอดขาย Digital TV Phone ที่ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากการเปลี่ยนถ่ายระบบถ่ายทอดสัญญาณจากระบบ Analog เข้าสู่ระบบ Digital
c)ประมาณการกำไรปี 2557 และ 2558 มี Upside Risk เนื่องจากมีโอกาสได้คำสั่งซื้อ Lot ใหญ่จาก Mobile Operator เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเข้าสู่ระบบ 3G และยังไม่รวมไว้ในประมาณการของเรา
d)คาดกำไรสุทธิปี 2557 เติบโต +24.8% yoy เป็น 1,046 ล้านบาท และซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 13.7 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ 15-16 เท่า

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ ยอดขายบ้านเก่า, ดัชนีชี้นำ และยอดขอสวัสดิการว่างงานใหม่

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิอีก US$ 476 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$447 ล้าน

ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 178.8 209.1 11,491.0 9,188.0
KOSPI 232.2 158.8 8,120.0 4,875.1
JSE 44.1 -38.4 4,858.3 -1,806.4
PSE 8.3 95.4 1,129.0 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -3.1 -4.7 211.6 263.2
SET INDEX 15.1 27.2 -770.3 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติเป็นกลาง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +483 +866
SET50 Index Futures (สัญญา) -512 +2,825
SSF (สัญญา) +813 +409
Metal Futures (สัญญา) -53 -144
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +3,703 +464

นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 483 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,349 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ขายสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 25,679 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาเป็น Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 512 สัญญา เทียบกับตลอด 3 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 5,309 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long ใน SET50 Index Futures บางส่วน เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 5.56 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 4.90 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 6 เพียง 53 สัญญา รวม 6 วันทำการ Short สุทธิ 2,340 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 2,443 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long สุทธิทั้งหมด เมื่อราคาทองคำในตลาดโลก ยังไม่มีท่าทีที่จะกลับมายืนเหนือ US$1,300 / ounce
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 3,703 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ซื้อสุทธิ 6,183 ล้านบาท หลังราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงอีก 2.39bps ปิดที่ 3.563%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็น 309 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 270 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
VGI 35.25 21.64% 12.96
LH 35.16 6.41% 10.96
TRUE 34.20 0.84% 10.89
CK 26.75 1.34% 26.75
PTT 19.63 3.13% 333.85

NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 กลับมาเน้น ICT และ พลังงาน
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 1,931 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 602 ล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิ 6,904 ล้านบาท เน้นการซื้อในกลุ่มพลังงานและ ICT อย่างโดดเด่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 572 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 526 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 238 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 260 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 288 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 191 ล้านบาท กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 140 ล้านบาท และกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 132 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่มอาหาร ถูกขายสุทธิสูงสุด 90 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มประกันภัย ขายสุทธิ 62 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
PTT 380.37 42.57 INTUCH -158.62 10.28
ADVANC 301.50 19.33 KBANK -129.59 45.29
AOT 250.66 19.76 MINT -62.05 19.40
TRUE 218.51 10.72 SCC -48.85 23.84
LH 183.74 24.88 SPALI -48.32 15.46

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!