WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.กรุงศรี : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

แนวโน้มและปัจจัยการลงทุนวันนี้
เลือกซื้อหุ้นเหนือ 1560 จุด – ต่ำกว่าขายสั้น
  ตลาดหุ้นไทยยังทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 14 เดือนต่อเนื่องวานนี้ที่ 1567 จุดและปรับตัวลดปิดที่ 1563.13 จุด (+6.16 จุด, +0.40%) เกือบดีสุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ (เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยเหลือ 31.967 บาท/US$) หลัง เฟดสหรัฐมองตลาดแรงงานกำลังปรับตัวดีขึ้น และอาจส่งผลต่อกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (ทุนไหลกลับสู่สินทรัพย์ US$) SET50 ดีดขึ้นสูงนำตลาด และมีเพียง 3 กลุ่มปรับตัวลดลงสวนตลาดคือ สื่อสาร พลังงาน และประกันภัย โดยกลุ่มที่ขึ้นนำตลาดคือ ขนส่ง อิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว มูลค่าการซ้อขายลดลงเหลือ 41,158 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติสลับขายสุทธิเล็กน้อยที่ 276 ล้านบาทขณะที่กองทุนในประเทศยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 388 ล้านบาท

ปัจจัยการลงทุนวันนี้
  สรุปประเด็นสำคัญในการประชุม 4 ธนาคารกลางคือ สหรัฐ, อังกฤษ, ยุโรป (อีซีบี) และญี่ปุ่นคือ ตลาดแรงงาน สหรัฐและอังกฤษมีแนวโน้มที่จะคุมเข้มด้านนโยบายต่อไปในปีนี้ เศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศส่งสัญญาณที่แข็งแกร่งขึ้น ในทางตรงกันข้ามยุโรปและญี่ปุ่นอาจจะใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อังกฤษมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่สหรัฐประเมินการจ้างงานปรับตัวดีขึ้น แต่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มรูปแบบนับตั้งแต่ที่เกิดภาวะเศรษฐ กิจถดถอยที่รุนแรง ด้านยุโรปมีความกังวลด้านเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำมากจนเกินไป และอาจจะเกิดภาวะเงินฝืดก่อให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า อีซีบีจะเริ่มใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE หลัง จากที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเมื่อเดือนมิ.ย.
  ตลาดหลักทรัพย์ไทยกำหนดจัดงาน Thailand Focus ในวันที่ 27-28 ส.ค.นี้

  ในระยะสั้นเรามองว่า Sentiment ตลาดหุ้นไทยยังดีอยู่จากความคาดหวังของครม.หรือรัฐบาลชุดใหม่และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากได้นายกฯคนที่ 29 และการประมูลโครงการลงทุนพื้นฐาน 2.4 ล้านล้านบาท ขณะที่ทุนเคลื่อนย้ายต่างประเทศหาก ECB ตัดสินใจใช้มาตรการ QE ซึ่งหมายถึงการปั้มหรืออัดฉีดเงินเข้าระบบกระตุ้นเศรษฐกิจจะเอื้อต่อทุนไหนเข้าสู่ตลาดทุนโลกได้ ในวันนี้เราประเมินแรงผลักดันขาขึ้นของ SET จะมีความสำคัญด้านปัจจัยเทคนิคที่ระดับ 1,560 จุด หาก SET ทรงตัวเหนือ 1,560 จุด ทิศทางหรือแนวโน้มจะยังมีลักษณะแรงซื้อเพื่อเก็งกำไรในหุ้นรายเป็นหลัก แนะนำเลือกซื้อหุ้นเก็งกำไร (CK, BBL, HMRPO, BTS) แต่กรณีที่ SET หลุดหรือต่ำกว่าระดับ 1,560 จุด มีโอกาสเกิดการปรับฐานของราคาหุ้นรายตัวได้เช่นกัน แนะนำขายระยะสั้น

แนวโน้มการลงทุนสำหรับระยะกลาง
ถือครองพอร์ตลงทุนในหุ้น 70%

  น้ำหนักพอร์ตลงทุน ถือครองหุ้น 70% และเงินสด 30%

  Accumulate : -- สะสมหุ้น

  Trading : เลือกซื้อหุ้นเก็งกำไรเหนือ 1560 จุด ต่ำกว่า รอจังหวะอ่อนตัว

  เปรียบเทียบดัชนีกับ SET

  สถานะพอร์ตจำลอง (เริ่ม 25 พ.ย. 56)
  พอร์ตหุ้น 70% ถือเงินสด 30%

ผลตอบแทนพอร์ตจำลอง (70%) = +13.3%
ผลตอบแทนถือเงินสด (30%) = +0.6%
ผลตอบแทนรวม (100%) = +13.9%
ผลตอบแทนตลาด SET = +15.5%
ผลรวมพอร์ตจำลองสุทธิ < SET

  หมายเหตุ : Cash/Equity weighting เป็นการแสดงมุมมองของ KSS Research เพื่อใช้เป็นแนวทางว่าด้วยแนวโน้มระยะกลาง (3-6 เดือน) ว่าจะมีแนว โน้มเชิงบวก หรือ เชิงลบ โดยหุ้นที่แนะนำในพอร์ตจำลองเป็นหุ้นพื้นฐานที่เราประเมินว่าจะมีแนวโน้มที่ดี ไม่มีนัยสำคัญเพื่อคำแนะนำว่าควร “ซื้อ” หรือ “ขาย” หุ้นดังกล่าวในเวลาใด
Analysts :
Kasamapon Hamnilrat Registration No. 17622
Apisak Limthumrongkul Registration No. 13130

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!