WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
       ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ไม่ผ่าน 1,570 จุด ปิดที่ 1,564.58 จุด บวกเล็กน้อย 4.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 44,849 ล้านบาท
      เงินทุนต่างชาติเป็นกลางเป็นวันที่ 7 และเป็นการซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันเป็นวันที่ 2 ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 419 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 มากถึง 6,822 สัญญา และคงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 เพียง 288 ล้านบาท ถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการลงทุนในไทย
      สำหรับ ทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้ MBKET คาด SET INDEX จะยังแกว่งในกรอบ 1,560-1,570 จุด และมีความเป็นไปได้สูงที่จะปิดทดสอบแนวต้านดังกล่าว เนื่องจาก
     •การเก็งกำไรต่อเม็ดเงิน Trigger Funds จาก UOBAM จำนวน 1 กอง ปิดการขายวันนี้ วงเงินราว 1.0 พันล้านบาท คาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะเข้าตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ หรือ ต้นสัปดาห์หน้าเป็นอย่างช้า
     •และการเก็งกำไรต่อเม็ดเงินทุนต่างชาติ หลังสิ้นสุดงาน Thailand Focus ในวันพรุ่งนี้ MBKET เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะมีความเข้าใจและสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทย อีกทั้งเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา ต่างชาติจะซื้อสุทธิราว 6-8 พันล้านบาทในสัปดาห์แรกหลังสิ้นสุดงานนี้


     MBKET ประเมินหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้าง / ที่อยู่อาศัย จะเป็นเป้าหมายของการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในระลอกนี้ ขณะที่ Trigger Funds มีแนวโน้มที่จะเข้าลงทุนในหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกต่อการลงทุนเฉพาะตัว


      ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมีความเป็นกลางในสัปดาห์นี้ เพราะไฮไลท์จะอยู่ที่การประชุม ECB ในวันที่ 4 ก.ย. ต่อโอกาสที่ ECB จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังออกโครงการ TLTRO แล้วยังไม่สามารถกระตุ้นสินเชื่อได้
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตส่วนที่เหลือ พร้อมสะสมหุ้นเป้าหมายที่เกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย”

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” SAMART/ KTB
Portfolio Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: SAMART/ KTB

Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังคงปิดยืนเหนือ 1,560 จุดเป็นวันที่ 3

      SET INDEX วันนี้ แกว่งในกรอบ 1,560-1,570 จุด เช่นเดิม แต่อาจปิดทดสอบแนว 1,570 จุดได้
นอกจากประเด็นเงินทุนต่างชาติที่มีแนวโน้มไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย หลังสิ้นสุดงาน Thailand Focus แล้ว เม็ดเงินใหม่จาก Trigger Funds ก็มีความน่าสนใจเช่นกัน

      ดังนั้น กลยุทธ์ ทยอยสะสมหุ้นเป้าหมายที่ราคาหุ้นอาจเกิดย่อระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้น HSKI ปิด -0.62% อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรป รอบบ่ายเปิดบวก – ลบ สลับกัน
     สำหรับ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ SET INDEX เปิดไต่ระดับขึ้นทดสอบแนว 1,570 จุด ผลักดันโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร อย่าง KBANK / SCB / BBL รวมถึง SCC แต่ก็เกิดแรงขายทำกำไรออกมาเช่นกัน อีกทั้ง ความเห็นของ เลขาธิการ กลต. ต่อแนวความคิดออกมาตรการควบคุมราคาหุ้นขนาดเล็กที่มีการขยับของราคาหุ้นผันผวน ส่งผลให้บรรยากาศตลาดหุ้นไทยรอบบ่ายปรับฐานลง แต่ยังแกว่งเหนือ 1,560 จุด ปิดที่ 1,564.58 จุด บวกเล็กน้อย 4.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44,849 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม Professional +8.22%, กลุ่มกระดาษ +5.71% และกลุ่มเหมืองแร่ +4.54% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +0.91%, กลุ่มพลังงาน -0.43% และ กลุ่ม ICT +0.32%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.27 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดลบ จากค่าเงินเยนแข็งค่าแตะระดับ Yen103/US$ อีกครั้ง ส่วน Kopsi เปิดบวก สวนทางกัน
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 11 พร้อมกับคาดหวังที่จะเห็น SET INDEX วันนี้จะปิดทดสอบแนว 1,570 จุด ด้วยประเด็นบวก / เก็งกำไรที่สนับสนุน แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ ณ ปัจจุบัน ขาดความโดดเด่นเช่นกัน
•การเก็งกำไรต่อเม็ดเงิน Trigger Funds จาก UOBAM จำนวน 1 กอง ปิดการขายวันนี้ วงเงินราว 1.0 พันล้านบาท คาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะเข้าตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ หรือต้นสัปดาห์หน้าเป็นอย่างช้า
•การเก็งกำไรต่อเม็ดเงินทุนต่างชาติที่คาดว่าจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยหนาแน่นมากยิ่งขึ้น ในสัปดาห์หน้า หลังจบงาน Thailand Focus ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา ต่างชาติจะซื้อสุทธิราว 6-8 พันล้านบาท ในสัปดาห์แรกของการสิ้นสุดงานดังกล่าว
ดังนั้น SET INDEX จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะไต่ระดับขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,580-1,600 จุดในสัปดาห์หน้า จาก 2 ประเด็นข้างต้น
นอกจากนี้พัฒนาการทางการเมืองและเศรษฐกิจภายในประเทศ ยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานการลงทุนที่สำคัญ ต่อการผลักดัน SET INDEX ในระยะกลาง ได้แก่
•พัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศจากนี้ไป
oกรอบเวลาจากนี้ไป
วันที่ 25 ส.ค. โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 29 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สัปดาห์หน้า คาดเห็นรายชื่อ ครม. เพื่อนำเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ
ภายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนก.ย. ครม.จะเข้าถวายสัตย์ปฎิญาณ และเปิดประชุม ครม. นัดแรกได้ในกลางเดือนก.ย. พร้อมแถลงนโยบายการบริหารประเทศต่อ สนช. ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
กรอบเวลาดังกล่าว สอดคล้องกับ กรอบเวลาที่ คสช. เคยชี้แจงไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทันต่อการเริ่มใช้งบประมาณประจำปี 2558 ในวันที่ 1 ต.ค. 2557
oร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
oการยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งกองทุนบางประเภทถูกจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆ
oแผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ต้องสรุปรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้สนับสนุนแผนการลงทุนดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อ คสช. เพื่อพิจารณาในรายละเอียด ภายในสิ้นเดือนส.ค. หลัง คสช.อนุมัติในหลักการไปตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
•มุมมองต่อเศรษฐกิจในปีนี้ และ ปีหน้า: ธปท. และ คสช. คาดเศรษฐกิจปีนี้ ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q57 และจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญใน 2H57 โดยประเมิน GDP ในปีนี้คาดเติบโต 1.5-2.0% ส่วนปีหน้า การเร่งการใช้จ่ายของรัฐบาล และการเรียกความเชื่อมั่น คาดเศรษฐกิจจะเติบโต 3.5-4.5% ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลขที่น่าจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติได้ไม่น้อยเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุนถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ พร้อมทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย หาก ราคาหุ้นเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หุ้นหลักที่จะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร (KTB/BBL), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (TPIPL), กลุ่มงานวางระบบไอที (SAMTEL / AIT) รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก (AAV/ AOT)

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ติดตามการแต่งตั้งครม.ประยุทธ์ 1 คาดสัปดาห์หน้าอาจได้ข้อสรุป: กรอบเวลาที่ นายกรัฐมนตรี พล.เอก ประยุทธ์ กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ ต่อการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีจะเกิดขึ้นภายในเดือนก.ย. แต่หากประเมินเงื่อนไขเวลาของการแต่งตั้ง คาดว่า
•รายชื่อ ครม. พล.เอก ประยุทธ์ 1 อาจเห็นการเสนอชื่อเพื่อทูลเกล้าฯ ในวันพรุ่งนี้ หรือ ต้นสัปดาห์หน้าเป็นอย่างช้า
•คาดสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนก.ย. ครม. ภายใต้การนำของ พล.เอก ประยุทธ์ เข้าถวายสัตย์ปฎิญาณ และเปิดประชุม ครม. อย่างเป็นทางการนัดแรกได้ไม่เกิน กลางเดือนก.ย.
•คาดกลางเดือนก.ย. นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายการบริหารประเทศ ต่อ สนช.
•วันที่ 17-18 ก.ย. สนช. พิจารณาร่างงบประมาณปี 2558 วาระ 2-3
•การพิจารณายกเลิก กฎอัยการศึก คาดว่าจะเป็นในช่วงครึ่งหลังของเดือนก.ย.
2.การปรับดัชนี MSCI รายไตรมาสรอบนี้: สำหรับ MSCI Thailand พบว่า
•เพิ่ม: ไม่มี
•ออก: GJS, GSTEL
ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 29 ส.ค.
3.คสช.เข้าพบนักลงทุนวานนี้ คาดเรียกความเชื่อมั่นเชิงบวก:
•นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ ได้เปิดให้นักลงทุนจากยุโรป เข้าหารือ และรับฟังภาพรวมเศรษฐกิจ และแนวทางการบริหารประเทศของ คสช.
•พล อากาศ เอก ประจิณ จั่นตอง ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการบริหารของ คสช. รวมถึงแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนการลงทุนขนาดใหญ่ ในงาน Thailand Focus ซึ่งมีผู้จัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
MBKET มีความเห็นเป็นบวกต่อ การเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้ารับฟังแนวทางการทำงานของ คสช. รวมถึงมุมมองด้านเศรษฐกิจไทยจากนี้ไป จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลุ่มนี้ได้ไม่มากก็น้อย ทั้งนี้จับตาการเคลื่อนไหนค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติ ต่อการลงทุนในไทย
4.คืนนี้ติดตามตัวเลข GDP ใน 2Q57 ของสหรัฐฯ: Bloomberg consensus คาดเติบโต 3.9% qoq เท่ากับ 1Q57 ที่เติบโต 4.0% qoq เช่นกัน
5.คาดกลุ่มธนาคาร / รับเหมาก่อสร้างเด่นช่วงสั้น: เพราะ
•การชี้แจงถึงสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ และแนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจของ คสช. ต่อนักลงทุนผ่านงาน Thailand Focus และการเปิดให้นักลงทุนยุโรป เข้าพบ วานนี้ ย่อมเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารในฐานะของกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทย
•การสรุปแผนการลงทุนขนาดใหญ่ 2.4 ล้านล้านบาทในวันพรุ่งนี้ เพื่อนำเสนอต่อ คสช. คาดว่าจะเป็นประเด็นการเก็งกำไรต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในช่วงสั้น

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET I
DEX 15.87 13.70 15.82 13.66
PSE 20.19 17.46 20.17 17.43
JSE 16.75 14.27 16.67 14.20
KOSPI 10.61 9.63 10.58 9.63
TAIEX 15.31 14.22 15.15 14.07
Straits Time 14.75 13.58 14.67 13.50
SHCOMP 8.74 7.74 8.74 7.75
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.KTB : ราคาปิด 23.70 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และคาดว่าความคืบหน้าของปัจจัยการเมืองจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและส่งผลให้สินเชื่อขยายตัวใน 2H57 และเร่งตัวขึ้นในปี 2558
b)และ KTB ได้ประโยชน์โดยตรงจากปล่อยกู้ให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ โดยคณะทำงานด้านเศรษฐกิจจะสรุปแผนลงทุนขนาดใหญ่ระยะเวลา 8 ปีข้างหน้ามูลค่า 2.4 ล้านล้านบาทในวันศุกร์นี้
c)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 ขยายตัว qoq จากการตั้งสำรองที่ลดลง และสินเชื่อมีทิศทางขยายตัว qoq ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นใน 4Q57 และปี 2558 จากทิศทางดอกเบี้ยที่คาดว่าจะขึ้นในปีหน้า
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.3 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยปีละ 4%
2.SAMART : ราคาปิด 25.75 บาท ราคาเหมาะสม 36.00 บาท
a)MBKET คาดว่าราคาหุ้นมีแนวโน้มตอบรับเชิงบวกจากการให้ข้อมูลนักลงทุนในงาน Thailand Focus ระหว่างวันที่ 27-29 ส.ค. และจะร่วม Roadshow กับนักลงทุนในประเทศในวันศุกร์นี้
b)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 มีแนวโน้มทำระดับสูงสุดใหม่ ขยายตัวทั้ง yoy และ qoq จากแรงหนุนของธุรกิจจำหน่ายมือถือของ SIM และยอดขาย Set top box ของสามารถวิศวกรรมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น qoq
c)ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2557 เติบโต +23.9% yoy เป็น 1,820 ล้านบาท และ +24.0% yoy เป็น 2,256 ล้านบาท ในปี 2558
d)มี Upside Risk จากการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในปี 2558 ได้แก่ Samart U-Trans บริษัทย่อยของ SAMART และ BUG ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SIM ซึ่งจะส่งผลต่อ SAMART โดยตรง เนื่องจากเป็น การปลดล็อกมูลค่า Asset ให้สะท้อนราคาตลาดมากขึ้น
e)Valuation ยังค่อนข้างถูกโดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 11.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ 14-15 เท่า และ SET INDEX ที่ 13.8 เท่า

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขอสวัสดิการว่างงานใหม่, ยอดขายบ้านรอปิดการขาย และ GDP ใน 2Q57

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิ US$461 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$243 ล้าน

ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 393.5 127.1 12,702.7 9,188.0
KOSPI 10.3 122.3 8,310.2 4,875.1
JSE 22.9 -17.3 4,890.0 -1,806.4
PSE 27.3 3.3 1,153.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -6.3 3.3 220.8 263.2
SET INDEX 13.1 4.5 -740.1 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดเป็นวันที่ 2
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +419 +142
SET50 Index Futures (สัญญา) +6,822 +859
SSF (สัญญา) +666 +732
Metal Futures (สัญญา) -75 -902
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +288 +4,586

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 419 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 561 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเล็กน้อย เป็น 24,804 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 มากถึง 6,822 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 7,681 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 1,217 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ทั้งหมด และกลับมาถือสถานะ Long สุทธิ เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 3.21 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 1.99 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 11 อีกเพียง 75 สัญญา รวม 11 วันทำการ Short สุทธิ 5,518 สัญญา คาดเพิ่มสถานะ Short ใน Metal Futures ต่อเนื่อง หลังราคาทองคำในตลาดโลกขาดปัจจัยบวก และราคาทองคำในตลาดโลกแกว่งในกรอบแคบบริเวณ US$1,280 หรือต่ำกว่า
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เพียง 288 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 4,995 ล้านบาท คาดเป็นการเข้าซื้อในพันธบัตรระยะยาว อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 0.24bps ปิดที่ 3.580%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็น 742 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 510 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 147.56 4.87% 10.89
CPALL 47.50 4.93% 47.50
CK 45.54 6.42% 27.11
PTT 42.51 5.83% 330.01
KTB 37.43 5.96% 23.69

NVDR กลับมาซื้อสุทธิอย่างหนาแน่น โดยเน้นที่กลุ่มธนาคารอย่างโดดเด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิมากถึง 1,015 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 41 ล้านบาท ทั้งนี้กลุ่มธนาคารเป็นเป้าหมายของการลงทุนอย่างโดดเด่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคาร ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 1,035 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 114 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 84 ล้านบาท กลุ่มไฟแนนซ์ ซื้อสุทธิ 82 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ถูกขายสุทธิสูงสุด 142 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 94 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ขายสุทธิ 97 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 378 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
BBL 724.49 42.05 INTUCH -321.76 27.46
TRUE 250.10 5.88 PTTGC -165.24 24.89
KTB 156.79 17.82 STEC -133.22 10.57
KBANK 115.54 27.12 BLA -90.42 23.13
SCC 100.13 24.10 CPALL -82.40 16.71

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!