WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

ก.ล.ต.ประกาศแผนขับเคลื่อนตลาดทุนไทยปี 58 ยกระดับ 6 ด้าน เพิ่มความน่าเชื่อถือและมั่นคง สู่ ทางเลือกระดมทุนและการลงทุนในภูมิภาค

    นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า แผนการดำเนินปี 2558 ของ ก.ล.ต. มีความต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาและรองรับแนวโน้มสภาพแวดล้อมโลกในช่วงทศวรรษต่อไปได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของความผันผวนของภาวะเงินทุนเคลื่อนย้าย ทิศทางของกฎเกณฑ์และมาตรฐานสากลใหม่ ๆ  การเชื่อมโยงของเศรษฐกิจและตลาดการเงินที่มาพร้อมการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี เป็นต้นโดยการขับเคลื่อนจะเน้นการพัฒนา 6 ด้าน ได้แก่ (1) ยกระดับมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล (2) เพิ่มประสิทธิภาพการป้องปรามและบังคับใช้กฎหมาย ให้รวดเร็ว มีเครื่องมือการลงโทษที่เหมาะสม รองรับความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี  (3) สร้างสินค้าและบริการทางการเงินให้หลากหลาย ดึงดูดผู้ลงทุนทั่วโลก หนุนให้ตลาดทุนไทยเป็นศูนย์เชื่อมโยงตลาดทุนในภูมิภาค (4) เปิดช่องทางให้กิจการทุกประเภททุกขนาดสามารถเข้าถึงทุนในรูปแบบที่เหมาะสม โดยเฉพาะกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) และกิจการเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ (strategic sectors) (5) สร้างผู้ลงทุนคุณภาพ พัฒนาให้ประชาชนมีความรู้ทางการเงินและใช้ประโยชน์จากตลาดทุนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และ (6) เพิ่มประสิทธิภาพ ก.ล.ต. เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาตลาดทุนให้สัมฤทธิผล

   นายวรพล กล่าวต่อว่า เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์เชื่อมโยงการระดมทุนในภูมิภาค จะมีการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในตลาดทุน โดยผ่อนคลายเกณฑ์การลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่เป็นรายย่อยและไม่ใช่รายย่อย เช่นการลงทุนในตราสารที่ไม่ได้รับการจัดอันดับ และออกเกณฑ์รองรับการลงทุนและการออกตราสารของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) เพื่อให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น รวมถึงการจัดหลักสูตร SEC Thailand Academy เพื่อการพัฒนาศักยภาพของตลาดทุนในภูมิภาค 

  สำหรับการเปิดช่องทางให้แก่กิจการต่างๆ ให้มีโอกาสเข้าถึงทุนนั้น จะมีการออกเกณฑ์รองรับช่องทางใหม่อาทิ การระดมทุนในรูปแบบการเสนอขายหุ้นผ่านระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ (equity crowdfunding) ซึ่งทั้งหมดนี้ จะมีการพัฒนาความรู้ทางการเงินของประชาชนในประเทศไปพร้อมกัน

  นายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2557 นับว่าประสบความสำเร็จหลายด้าน เช่น ความมั่นคงของตัวกลางและตลาดหลักทรัพย์โดยรวมไม่มีปัญหารองรับความผันผวนได้ การวางรากฐานสู่ความยั่งยืนมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมทั้งด้านธรรมาภิบาล (CG) ซึ่งตลาดทุนไทยได้รับการประเมินด้วยคะแนนสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน และความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และการต่อต้านการคอร์รัปชัน ซึ่งได้มีการจัดทำดัชนีชี้วัดเพื่อประเมินระดับการพัฒนาด้าน CSR และการป้องกันการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคอร์รัปชันสำหรับบริษัทจดทะเบียน โดยในปี 2558 จะยังคงดำเนินการขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายให้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

   นายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวถึงกระบวนการบังคับใช้กฎหมายว่า ก.ล.ต. ให้ความสำคัญในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายมาโดยตลอด และที่ผ่านมาได้ดำเนินการพัฒนาทั้งส่วนที่เป็นกระบวนการทำงาน และการเสนอแก้ไขกฎหมายที่จำเป็น เช่น การผลักดันมาตรการทางแพ่งเพื่อให้สามารถเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป  ทั้งนี้ การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย”

   นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในเวทีโลก ยังมีงานสำคัญที่ ก.ล.ต. และผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนต้องร่วมมือกันเตรียมความพร้อมอีกหลายเรื่อง เช่น การเข้ากระบวนการประเมินเกี่ยวกับมาตรฐานการกำกับดูแลเทียบกับมาตรฐานสากลขององค์กรกำกับดูแลตลาดทุนนานาชาติ (IOSCO) การปรับปรุงหลักเกณฑ์กำกับดูแลความมั่นคงของระบบต่างๆ เพื่อรองรับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย รวมทั้งการพัฒนาการกำกับดูแลเกี่ยวกับการเสนอขายตราสารการเงินที่จะต้องมีความสมดุลให้สามารถเอื้ออำนวยการระดมทุนและการประกอบธุรกิจโดยยังคงมีการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนในระดับที่เหมาะสม และไม่เป็นการปิดกั้นทางเลือกในการลงทุนของผู้ลงทุนโดยไม่สมควร

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ก.ล.ต. เปิดแผนปี 58 เน้นกลยุทธ์พัฒนาตลาดทุนไทย ชู เป็นสื่อกลางระดมทุนของ บริษัทไทย และต่างประเทศ

   นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2558 ของก.ล.ต. จะเน้นพัฒนา 6 ด้าน คือ 1. ยกระดับมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล 2. เพิ่มประสิทธิภาพการป้องปรามและบังคับใช้กฎหมายให้รวดเร็ว มีเครื่องมือการลงโทษที่เหมาะสมรองรับการเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 3. สร้างสินค้าและบริการทางการเงินให้หลากหลาย ดึงดูดผู้ลงทุนทั่วโลก โดยให้ตลาดทุนไทยเป็นจุดเชื่อมโยงตลาดทุนในภูมิภาค

   4. เปิดช่องทางให้กิจการทุกประเภท ทุกขนาดสามารถเข้าถึงทุนในรูปแบบที่เหมาะสม โดยเฉพาะกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) และกิจการเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ 5. สร้างผู้ลงทุน คุณภาพ พัฒนาให้ประชาชนมีความรู้ทางด้านการเงิน และใช้ประโยชน์จากตลาดทุนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และ 6. เพิ่มประสิทธิภาพก.ล.ต. เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนพรัอมขับเคลื่อนโยบายการพัฒนาตลาดทุนให้สัมฤทธิ์ผล

   ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเพื่อทำให้ก.ล.ต.บรรลุเป้าหมายในการรักษาความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทยและคุ้มครองผู้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ตลาดทุนไทย และผู้ประกอบการธุรกิจสามารถสร้างมูลค่าที่โดดเด่นและเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลกเพื่อให้ภาคเศรษฐกิจของไทยสามารถใช้ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุน ด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้กับประเทศอื่น และทำให้กิจการต่าง ๆ กลับเข้าถึง Market Based Financing ในรูปแบบที่เหมาะสมกับสถานภาพของแต่ละบริษัท และเป็นทางเลือกสำคัญในการระดมทุนทำให้ประชาชนมีช่องทางเข้าถึงการลงทุนในตลาดหุ้นที่ตอบโจทย์ของแต่ละคน และลดความเหลื่อมล้ำ

   "จากที่จะมีการเปิดเออีซี ซึ่งเราต้องมุ่งพัฒนาให้เป็นผู้ชนะในเออีซี ซึ่งตลาดทุนต้องมีความแข็งแรง และก.ล.ต. มีหน้าที่ในการกำกับดูแลตลาดทุน ทำให้เป็นที่ยอมรับเชื่อถือให้สามารถแข่งขันได้ และพัฒนาตลาดทุนให้เป็นกลไกที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีการเติบโตอย่างยั่งยืน และประชาชนอยู่ดีมีสุข"นายวรพล กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

 ก.ล.ต.เผยแผนปี 58 มุ่งยกระดับตลาดทุนไทย 6 ด้านให้เชื่อมโยงภูมิภาค

   นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า แผนการดำเนินงานปี 58 จะมีความต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา และรองรับแนวโน้มสภาพแวดล้อมโลกในช่วงทศวรรษต่อไป โดยมุ่งยกระดับตลาดทุนไทย 6 ด้าน ได้แก่

  1.ยกระดับมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล 2.เพิ่มประสิทธิภาพการป้องปรามและบังคับใช้กฎหมาย ให้รวดเร็ว มีเครื่องมือการลงโทษที่เหมาะสม รองรับความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี 3.สร้างสินค้าและบริการทางการเงินให้หลากหลาย ดึงดูดผู้ลงทุนทั่วโลก หนุนให้ตลาดทุนไทยเป็นศูนย์เชื่อมโยงตลาดทุนในภูมิภาค 4.เปิดช่องทางให้กิจการทุกประเภท ทุกขนาดสามารถเข้าถึงทุนในรูปแบบที่เหมาะสม โดยเฉพาะกิจการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) และกิจการเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ

   5. สร้างผู้ลงทุนคุณภาพ พัฒนาให้ประชาชนมีความรู้ทางการเงินและใช้ประโยชน์จากตลาดทุนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และ 6.เพิ่มประสิทธิภาพ ก.ล.ต. เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาตลาดทุนให้สัมฤทธิผล

  นายวรพล กล่าวต่อว่า เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์เชื่อมโยงการระดมทุนในภูมิภาค จะมีการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าในตลาดทุน โดยผ่อนคลายเกณฑ์การลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่เป็นรายย่อยและไม่ใช่รายย่อย เช่นการลงทุนในตราสารที่ไม่ได้รับการจัดอันดับ และออกเกณฑ์รองรับการลงทุนและการออกตราสารของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) เพื่อให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น รวมถึงการจัดหลักสูตร SEC Thailand Academy เพื่อการพัฒนาศักยภาพของตลาดทุนในภูมิภาค

   "เราจะออกเกณฑ์รองรับการลงทุนและการออกตราสารของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นแหล่งระดมทุนสำคัญ โดยมีสินค้าที่มีคุณภาพดี และเป็นตลาดที่ผู้ลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น"นายวรพล กล่าว

  สำหรับ การเปิดช่องทางให้แก่กิจการต่างๆ ให้มีโอกาสเข้าถึงทุนนั้น จะมีการออกเกณฑ์รองรับช่องทางใหม่อาทิ การระดมทุนในรูปแบบการเสนอขายหุ้นผ่านระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ (equity crowdfunding) ซึ่งทั้งหมดนี้ จะมีการพัฒนาความรู้ทางการเงินของประชาชนในประเทศไปพร้อมกัน

   นายวรพล กล่าวว่า ในปี 58 คาดว่าการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO)จะมากกว่าปีนี้ที่มีจำนวนราว 32 บริษัท จากการที่สำนักงาน ก.ล.ต.มีมาตรการกระตุ้นผลักดันให้บริษัทตื่นตัว และมีโครงการชักชวนให้ความรู้กับบริษัทใหม่ๆ ซึ่งตอนนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการราว 350 บริษัทแล้ว เราก็จะชักชวนบริษัทเหล่านี้เข้ามาระดมทุนก.ล.ต.

   ด้านนายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ในปี 57 ผลงานของ ก.ล.ต.นับว่าประสบความสำเร็จหลายด้าน เช่น ความมั่นคงของตัวกลางและตลาดหลักทรัพย์โดยรวมไม่มีปัญหารองรับความผันผวนได้  การวางรากฐานสู่ความยั่งยืนมีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมทั้งด้านธรรมาภิบาล (CG) ซึ่งตลาดทุนไทยได้รับการประเมินด้วยคะแนนสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน และความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และการต่อต้านการคอร์รัปชัน ซึ่งได้มีการจัดทำดัชนีชี้วัดเพื่อประเมินระดับการพัฒนาด้าน CSR และการป้องกันการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคอร์รัปชันสำหรับบริษัทจดทะเบียน โดยในปี 58 จะยังคงดำเนินการขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายให้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

   ส่วนนายวสันต์ เทียนหอม รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต. ให้ความสำคัญในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายมาโดยตลอด และที่ผ่านมาได้ดำเนินการพัฒนาทั้งส่วนที่เป็นกระบวนการทำงาน และการเสนอแก้ไขกฎหมายที่จำเป็น เช่น การผลักดันมาตรการทางแพ่งเพื่อให้สามารถเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย

  และ นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในเวทีโลก ยังมีงานสำคัญที่ ก.ล.ต. และผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนต้องร่วมมือกันเตรียมความพร้อมอีกหลายเรื่อง เช่น การเข้ากระบวนการประเมินเกี่ยวกับมาตรฐานการกำกับดูแลเทียบกับมาตรฐานสากลขององค์กรกำกับดูแลตลาดทุนนานาชาติ (IOSCO) การปรับปรุงหลักเกณฑ์กำกับดูแลความมั่นคงของระบบต่างๆ เพื่อรองรับความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย รวมทั้งการพัฒนาการกำกับดูแลเกี่ยวกับการเสนอขายตราสารการเงินที่จะต้องมีความสมดุลให้สามารถเอื้ออำนวยการระดมทุนและการประกอบธุรกิจโดยยังคงมีการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนในระดับที่เหมาะสม และไม่เป็นการปิดกั้นทางเลือกในการลงทุนของผู้ลงทุนโดยไม่สมควร

   อินโฟเควสท์

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!