WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Rebound
      ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับฐานลงแรงสวนทางกับภาพรวมในเอเชีย ปิดที่ 1,543.13 จุด ลบทั้งสิ้น 27.15 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 55,461 ล้านบาท
เป็นที่น่าสนใจว่า ต่างชาติยังคง Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 มากถึง 5,528 สัญญา และขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 อก 3,427 ล้านบาท แม้ว่าจะกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 184 ล้านบาท ขณะที่สถาบันภายในประเทศขายสุทธิตลอด 4 วัน รวมทั้งสิ้น 6,666 ล้านบาท
        ตลาดหุ้นไทยที่ปรับฐานลงแรงวานนี้สู่แนว 1,540-1,545 จุด แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศเป็นกลางถึงบวก จึงเป็นเพียง Sentiment ของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเท่านั้น มุมมองของ MBKET ต่อ SET INDEX ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER15 ที่ 13.43x เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 6 เดือนที่ 13.58x จุด ทำให้ Downside risk ของ SET INDEX เริ่มจำกัด นักลงทุนระยะกลางถึงยาว อาจพิจารณาเริ่มทยอยสะสมหุ้นหลัก โดยเฉพาะหุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H57 และ/หรือปี 2558 เติบโตโดดเด่น เช่น KTB / TTA / VGI / IFEC / BEAUTY เป็นต้น รวมถึงหุ้นที่ให้ปันผลสูงอย่าง TRUEIF / BTS เพื่อปิดความเสี่ยงในช่วงสั้น
       ปัจจัยสำคัญวันนี้ ติดตามการประชุม ครม. อาจพิจารณาถึงแนวทางกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญใน 4Q57 นอกเหนือจากการเร่งใช้จ่ายงบประมาณที่ค้างจ่ายกว่า 3.0 แสนล้านบาท
       MBKET ประเมิน SET INDEX จะแกว่งในกรอบแคบ พร้อมกับโอกาสที่จะถูกแรงกระแทกให้ปรับฐานลง เพื่อหลุดแนวรับทางเทคนิคระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ก่อนที่จะเกิด Technical Rebound ขึ้นแรง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนตลาดหุ้นไทยไม่เปลี่ยนแปลง
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตการลงทุน พร้อมทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นปรับฐานลงแรงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย เพื่อรอขายทำกำไรเมื่อตลาดเกิดการฟื้นตัว”
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” BTS/ TTA
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEUATY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK/ LPN/ VGI/ PTT
Accumulative Buy: BTS/ TTA

Action and Stock of the Day
SET INDEX ปรับฐานลงแรงอีกครั้ง

      MBKET คาด SET INDEX วันนี้คงแกว่งไร้ทิศทางที่ชัดเจน เพราะภาวะการลงทุน ณ ปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับ Sentiment ของการลงทุน มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระยะกลางถึงยาว ควรพิจารณาสะสมหุ้นเป้าหมาย เมื่อ SET INDEX ย่อตัวสู่แนว 1,540 จุด +/- เพราะประเมิน Downside risk จำกัด

     กลยุทธ์การลงทุน ทนถือพอร์ตการลงทุน และเข้าสะสมหุ้นเป้าหมายบริเวณ 1,540 จุด +/- เพื่อรอขาย เมื่อ SET INDEX เกิดการฟื้นตัว
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ตลาดหลักอย่าง Nikkei ปิดบวก 1.16% และ HSKI ปิดบวก 1.09% หลังสถานการณ์ในเกาะฮ่องกงคลายตัวลง
      สำหรับ ตลาดหุ้นไทย กลับเปิดย่อตัวลงแรงและหลุดแนว 1,550 จุด ลงไปทดสอบแนว 1,540-1,545 จุด แรงขายหุ้นหลัก อย่าง KBANK / BBL / SCB/ AOT ก่อนเกิด Technical Rebound ขึ้นมาแกว่งแคบ 1,550 -1,555 จุด โดย PTT ยังคงแข็งแกร่งสวนทางกับหุ้นหลักโดยรวมในตลาดหุ้นไทย แต่ก็เกิดแรงขายหนาแน่นในชั่วโมงสุดท้ายของวานนี้ กดดันให้ SET INDEX ลบทั้งสิ้น 27.15 จุด มาอยู่ที่ 1,543.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 55,461 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดปรับฐานลงแรงสุดได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -4.51%, กลุ่มกระดาษ -4.45% และกลุ่มเหมืองแร่ -4.28% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -2.37%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -0.93% และกลุ่มพลังงาน -0.34%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
     ตลาดหุ้นเอเชีย (7.30 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดลบเล็กน้อย ขณะที่ Kospi เปิดบวกเล็กน้อย เป็นการแกว่งออกด้านข้าง ไร้ทิศทางที่ชัดเจน
        MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 8 แม้ว่าวานนี้ SET INDEX จะปรับฐานลงแรงหลุดแนว 1,550 จุด ซึ่งเป็นแนวรับหลักในมุมมองของ MBKET ก็ตาม แต่หากประเมินจากปัจจัยการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เป็นกลางถึงบวก
      ประเด็นที่น่าสนใจคือ สถาบันภายในประเทศขายสุทธิตลาดหุ้นไทยมาตลอด 4 วันทำการ 6,666 ล้านบาท และหากย้อนหลัง 1 เดือน ขายสุทธิ 8,897 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกองทุน Trigger Funds ที่แตะระดับเป้าหมาย แต่หากให้ MBKET ประเมินในแง่ของ “มันนี่เกมส์” แนวต้าน 1,600 จุดเป็นด่านที่ทะลุได้ยาก upside gain จำกัด ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ จึงขายทำกำไร ออกมาก่อน เพื่อปรับฐานทั้งในแง่ของ NAV กองทุน และภาพ SET INDEX โดยรวม
      ดังนั้น หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ปรับตัวลงมา 5.17% และ 5.53% ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เทียบกับ SET INDEX ที่ -2.59% อาจยังไม่ปลอดภัยที่จะเข้าสะสม เพราะเป็นกลุ่มหลักที่กองทุนภายในประเทศให้น้ำหนักเป็น Overweight ของการลงทุนมาตลอด อย่างไรก็ตาม กลุ่ม ICT อาจเป็นเป้าหมายถัดไปในการลดน้ำหนัก เพราะช่วงเวลาเดียวกัน ICT -1.86% ลดลงน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของ SET INDEX
      หุ้น PTT และหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนแข็งแกร่ง รวมถึงหุ้นปันผลสูงอย่าง TRUEIF / BTS ดูจะเหมือนเป็นหุ้นที่ปลอดภัยจากแรงขายดังกล่าวในความเห็นของเรา
อย่างไรก็ตาม MBKET เชื่อว่า SET INDEX จะมีโอกาสฟื้นตัว สู่แนว 1,570-1,580 จุด ในระลอกแรกของการฟื้นตัว ลดลงจากการประเมินเดิมที่ 1,600 จุด จาก Sentiment การลงทุนช่วงสั้นที่ยังเปราะบาง ภายใต้ปัจจัยพื้นฐานที่ยังคงสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย ได้แก่
      •การโรดโชว์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่รอพบปะนักลงทุนต่างประเทศ ในวันที่ 8 ต.ค.นี้ คาดว่าประเด็นการชี้แจงต่อนักลงทุนจะคล้ายกับสิ่งที่ให้ข้อมูลกับสถาบันภายในประเทศ เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้แก่
การยืนยันเดินหน้ารถไฟฟ้า 7 สาย เปิดประมูลร่วมกันทั้งระบบและการบริหารเดินรถไปพร้อมกัน
ยืนยันการลงทุนในระบบรถไฟรางคู่ เช่นกัน
      MBKET: เป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร / กลุ่มวัสดุก่อสร้างในช่วงแรก และความเจริญเพิ่มขึ้น ย่อมเป็นบวกต่อกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว และ คอนโดมิเนียม รวมถึงความเจริญในท้องที่ เอื้อต่อการขยายสาขาของกลุ่มค้าปลีก
       การปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริง
      MBKET: เป็นบวกต่อ PTT ทางตรงกับการปรับราคาก๊าซ LPG / NGV ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ด้าน PTTGC รอความชัดเจนของการปรับโครงสร้างดังกล่าว
การลงทุนในโครงการทวาย และ ท่าเรือน้ำลึก ปากบารา ยืนยันดำเนินการ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิต และเส้นทางโลจิสติกส์ทางภาคใต้ของไทย
MBKET: เป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ITD ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางตรงกับโครงการทวาย
การลงทุนพัฒนาให้เป็น Digital Economy
MBKET: เป็นบวกต่อกลุ่ม System Integration (SI) ทั้งด้าน Hardware และ Software, ผู้ผลิตเคเบิ้ลใยแก้ว เพราะเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคมระหว่างระบบเข้าด้วยกัน เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของการใช้โครงข่าวโทรคมนาคมร่วมกัน
•การประชุม ครม.วันนี้ อาจมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต 4% yoy ตามเป้าหมายที่รองนายกฯ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ให้ไว้
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตเก็งกำไร เพื่อรอขายทำกำไรเมื่อเกิด Technical Rebound ในระลอกแรก 1,570-1,580 จุด พร้อม เข้าเก็งกำไรในหุ้นเป้าหมาย หากราคาหุ้นเป้าหมายเกิดการปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย”

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.การชุมนุมในฮ่องกงส่งสัญญาณดีขึ้นเป็นลำดับ: ผู้นำกลุ่มนักศึกษา และ ตัวแทนจากทางการเกาะฮ่องกง เตรียมกำหนดวันเจรจานัดแรกภายในสัปดาห์นี้ ณ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการกำหนดสถานที่ หัวข้อการเจรจา และ วันเวลา ทำให้สถานการณ์ในเกาะฮ่องกง กลับมาสู่ระดับใกล้เคียงปกติมากขึ้น แม้ว่าจำนวนผู้ชุมนุมในช่วงค่ำจะมากกว่าช่วงกลางวันของวานนี้ก็ตาม แต่ก็ยังน้อยกว่าระดับการชุมนุมในสัปดาห์ก่อนที่มีจำนวนผู้ชุมนุมสูงสุดราว 2.0 แสนคน
2.วันนี้ติดตามการประชุม BoJ: เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่ส่งสัญญาณฟื้นตัว พร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย 2.0% อาจเห็นการส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น จากระดับปัจจุบันที่กำหนดเป้าหมายปริมาณเงิน ณ สิ้นปีนี้ Yen270 ล้านล้าน
อย่างไรก็ตาม MBKET ให้ความเห็นเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว
3.ติดตามการประชุม ครม.วันนี้: อาจมีการพิจารณาประเด็นที่เป็นบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจในระยะสั้น ดังนี้
•มาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว อาจเสนอให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่ และ / หรือ นโยบายการลดหย่อนภาษี เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ
•รายละเอียดโครงการลงทุนที่ค้างการพิจารณา / อนุมัติ ภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น 3.0 แสนล้านบาท
4.ทิศทางค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าช่วงสั้น: หลังดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ทำระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้นักค้าเงินเริ่มทยอยขายทำกำไรในเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ รวมถึงค่าเงินบาท ส่งผลให้
•ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างน้ำมัน / ทองคำ เกิด Technical rebound แต่มี Upside gain ที่จำกัด
•เงินทุนต่างชาติ อาจไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ หลังขายทำกำไรมาตลอด 10 วันทำการที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้อาจต้อง covered short หุ้นที่ขายไปก่อนหน้านี้ เพื่อปิดความเสี่ยงจากต้นทุนค่าเงินที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
5.ตลาดหุ้นจีนยังคงปิดทำการจนถึงวันที่ 7 ต.ค.

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.66 13.43 15.93 13.67
PSE Closed Closed 20.37 17.59
JSE 16.17 13.79 15.98 13.62
KOSPI Closed Closed 10.08 8.78
TAIEX Closed Closed 14.36 13.14
Straits Time Closed Closed 14.36 13.22
SHCOMP Closed Closed Closed Closed
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.BTS : ราคาปิด 9.90 บาท ราคาเหมาะสม 11.40 บาท
a)BTS มีมติบอร์ดวานนี้ อนุมัติให้ขาย 2 บริษัทย่อยให้กับ NPARK ได้แก่ บีทีเอส แอสเสทส์ เจ้าของโรงแรม อีสติน แกรนด์ สาทร, ที่ดินบริเวณถนนพหลโยธิน และบจ.ก้ามกุ้ง พร็อพเพอร์ตี้ เจ้าของที่ดินบริเวณพญาไท โดยที่ดินทั้ง 2 แปลงรวมกันประมาณ 18 ไร่
b)เพื่อแลกกับผลตอบแทนจาก NPARK ได้แก่
1.หุ้นสามัญ (PP) จำนวนไม่เกิน 2.13 แสนล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นใน NPARK ราว 37%
2.ใบแสดงสำคัญสิทธิ (Warrant) ในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญต่อ 1 Warrant โดยไมคิดมูลค่า และมีราคาใช้สิทธิที่ 0.047 บาท
3.และอาจได้รับเงินอีกส่วนหนึ่งเป็นเงินสด หากมีความเหมาะสมและขึ้นอยู่กับการเจรจาตกลง
c)MBKET มีมุมมองเชิงบวกต่อการขาย Asset ดังกล่าว และเบื้องต้นคาดว่า BTS จะบันทึกกำไรพิเศษจากการขาย Asset ดังกล่าวราว 2.5 พันล้านบาท (หลังภาษี)
d)และเป็นบวกต่อราคาเหมาะสมโดยวิธี Sum of the part เนื่องจากเป็นการ Unlock Asset Value โดยตรง จากเดิมที่ตลาดให้มูลค่าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ BTS ใกล้เคียงมูลค่าทางบัญชี ดังนั้น การขายสินทรัพย์ออก และเปลี่ยนมาถือหุ้นใน NPARK จะส่งผลบวกเนื่องจากสามารถสะท้อนผ่านมูลค่าโดยอิงราคาตลาดของหุ้น NPARK ได้โดยตรง

2.TTA : ราคาปิด 22.10 บาท ราคาเหมาะสม 32.10 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกหลังเข้าพบ CFO ในวันศุกร์ที่ผ่านมา และได้ข้อมูลใหม่เพิ่มเติม ว่า TTA จะสามารถบันทึกส่วนแบ่งกำไร 9% จาก Sino Grandness ได้ เนื่องจากมีตัวแทนของบริษัทนั่งเป็นคณะกรรมการบริหารใน Sino Grandness
b)ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2557/2558 ขึ้นจากเดิม 11% เป็น 2.4 พันล้านบาท ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิปี 2557/2558 จะเติบโตถึง +145% yoy เป็น 2,419 ล้านบาท
c)ตั้งเป้าซื้อกิจการเพิ่มเติมอีก 1-2 รายในการในปี 2558 โดยมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เดินเรือ, โลจิสติกส์, พลังงาน และสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่ม ROE ให้เร่งตัวขึ้น และด้วยเงินสดในมือสูงถึงราว 7,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีความสามารถในการลงทุนในระดับสูงถึง 10,000 ล้านบาท โดยไม่ต้องเพิ่มทุน
d)คาดดัชนีค่าระวางเรือ BDI มีแนวโน้มฟื้นตัวตั้งแต่กลางสัปดาห์ หลังจีนผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาวในวันชาติระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. และเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น
e)ราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 0.88 เท่า ต่ำกว่า PSL ที่ 1.3 เท่า และมี Catalyst รออยู่คือสิทธิการจองซื้อหุ้น PMTA ที่จะเข้าจดทะเบียน IPO ในปี 2558 หลังกลต.ได้อนุมัติและนับ 1 ไฟล์ลิ่งแล้ว

What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 11 อีก US$348 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$8 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -117.9 140.6 10,755.8 9,188.0
KOSPI -228.5 n.a 7,316.5 4,875.1
JSE -7.8 -71.3 3,993.9 -1,806.4
PSE Closed -19.2 1,279.8 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 0.2 -17.5 214.0 263.2
SET INDEX 5.6 -40.6 -91.1 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคง Short สุทธิใน SET50 Index Futures หนาแน่นต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +184 -1,326
SET50 Index Futures (สัญญา) -5,528 -5,609
SSF (สัญญา) -10,921 +128
Metal Futures (สัญญา) -926 -2
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -3,427 -3,862

นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 183 ล้านบาท เทียบกับตลอด 2 วันทำการก่อนหน้า ขายสุทธิ 1,936 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเท่ากับ 4,718 ล้านบาท
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติคงการ Short ใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 เท่ากับ 5,528 สัญญา รวม 3 วันทำการ Short สุทธิมากถึง 22,542 สัญญา โดยที่ S50Z14 ยังคงปิดสูงกว่า SET50 Index ต่อเนื่องอีก 1.38 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 2.48 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก 3,427 ล้านบาท รวม 6 วันทำการขายสุทธิ 15,426 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยฟื้นตัว อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเล็กน้อย 0.36bps ปิดที่ 3.443%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 591 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 352 ล้านบาท
Stock Total Value
(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price
(Bt)
KBANK 119.70 6.02% 224.24
TRUE 115.17 3.96% 11.18
PTT 81.71 5.25% 366.74
ADVANC 63.39 7.45% 221.57
AOT 31.24 2.69% 233.68
NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เน้น Domestic Play ยกเว้นกลุ่มธนาคารที่ยังคงถูกขายหนาแน่นต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาซื้อสุทธธิ 661 ล้านบาท จาก 2 วันก่อนหน้าขายสุทธิ 1,107 ล้านบาท ทั้งนี้หุ้นในกลุ่มธนาคารยังคงเป็นเป้าหมายของการลดน้ำหนักการลงทุนต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนผ่าน NVDR ได้ดังนี้
1. ด้านกลุ่มธนาคารขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 8 อีก 636 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 1,003 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 26 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มอสังหาฯ ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 381 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีกซื้อสุทธิ 196 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 150 ล้านบาท กลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 145 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 140 ล้านบาท และกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 112 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ
(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ
(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
ADVANC 231.84 19.63 KBANK -511.10 24.68
CPALL 210.12 12.38 DTAC -132.57 32.59
TUF 129.71 23.68 BBL -122.32 3.28
LH 117.58 17.45 PTT -40.07 5.82
QH 107.39 22.07 TOP -37.91 21.74

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!