WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ 1550+/-
       ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวเล็กน้อย บวก 4.00 จุด มาอยู่ที่ 1,543.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,657 ล้านบาท
      กระแสเงนทุนต่างชาติยังคงไหลออก ขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 มากถึง 2,557 ล้านบาท Short สุทธิ ใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 อีก 2,035 สัญญา ขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 8 อีก 2,379 ล้านบาท
        ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ MBKET ประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX ระหว่าง 1,540-1,550 จุด จับตาหุ้นหลักในกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มฟื้นตัว นำโดย KBANK ในระลอกของการฟื้นตัวรอบนี้ อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวลักษณะ Technical Rebound บวกกับคาดหวังกระแสเงินลงทุนใหม่จากกองทุน Trigger Funds ที่จะปิดการขายในวันนี้ วงเงิน 3.3 พันล้านบาทของ UOBAM จะช่วยผลักดันให้ SET INDEX ขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,570-1,580 จุด ความเห็นของ MBKET นักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรในรอบนี้ ควรพิจารณาขายทำกำไรช่วงสั้น เพราะปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของเดือนต.ค.กับความกังวลต่อการประชุมเฟด วันที่ 28-29 ต.ค. ด้วยมุมมองทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะกลับมากดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้งเหมือนกับที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนการประชุมกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
      แนะนักลงทุนควรติดตามผลการ Roadshow ที่นิวยอร์ค สหรัฐฯ ในคืนวานนี้ ผู้จัดการกองทุนต่างชาติให้มุมมองอย่างไรต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย
     ประเด็นสำคัญในวันนี้ ติดตามการประชุม BoE คืนนี้ ตลาดคาดว่าจะคงนโยบายการเงิน แต่ให้ติดตามมุมมองต่อทิศทางเศรษฐกิจ และโอกาสของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ปัจจุบันอยู่ที่ 0.50% จะเกิดขึ้นก่อนสิ้นปีนี้หรือไม่
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตการลงทุน เพื่อรอขายทำกำไรรอบสั้นบริเวณ 1,570 จุด +/-“

กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ซื้อ” TRUE
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEUATY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK/ LPN/ VGI/ PTT
Buy: TRUE

Action and Stock of the Day
SET INDEX ฟื้นตัวแบบอ่อนๆ

      MBKET คาด SET INDEX วันนี้แกว่งในกรอบ 1,540-1,550 จุด โดยยังให้น้ำหนักต่อการเกิด Technical rebound ต่อเนื่องจากวานนี้
หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง อย่าง BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI เป็นเป้าหมายของการเก็งกำไรในระลอกของการดีดตัวช่วงสั้น

     กลยุทธ์การลงทุน ทนถือพอร์ตการลงทุน และเข้าสะสมหุ้นเป้าหมายบริเวณ 1,540 จุด +/- เพื่อรอขาย เมื่อ SET INDEX เกิดการฟื้นตัว
      ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ยังคงปรับฐานลงเป็นส่วนใหญ่ต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า ทั้งนี้ตลาดหุ้นจีนเปิดทำการวันแรกปิดบวกเด่น 0.80%
    ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดย่อตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นในเอเชีย สู่แนว 1,525 – 1,530 จุด ก่อนที่จะเกิด Technical rebound นำโดยหุ้น TRUE / PTT / KBANK ด้านหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และ SCC ทรงตัวได้แข็งแกร่ง ส่งผลให้ SET INDEX ขยับขึ้นมาแกว่งแคบ 1,540 จุด +/- ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ฟื้นตัวเล็กน้อย 4.00 จุด มาอยู่ที่ 1,543.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,657 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดได้แก่ กลุ่มกระดาษ +3.51%, กลุ่มยานยนต์ +3.40% และกลุ่มเหล็ก +2.13% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +0.45%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง -0.22% และกลุ่มพลังงาน -0.08%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
     ตลาดหุ้นเอเชีย (7.23 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวกเด่น สอดคล้องกับ DJIA คืนวานนี้ และ การเกิด

Technical Rebound
     MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 10 เมื่อ SET INDEX เริ่มฟื้นตัววานนี้ แม้ว่าจะปิดไม่ผ่านด่านแนวต้านย่อย 1,544-1,547 จุด แต่ภาพรวมวานนี้ถือว่าเป็นสัญญาณบวกต่อการฟื้นตัวของ SET INDEX ระลอกนี้ อย่างไรก็ตาม MBKET ประเมิน Upside gain รอบนี้มีจำกัด ด่าน 1,570-1,580 จุด ยังผ่านได้ยาก แม้ว่า ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนของตลาดหุ้นไทยยังคงแข็งแกร่ง
      ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในเดือนต.ค. MBKET ประเมินแกว่งระหว่าง 1,540 – 1,570/80 จุดในช่วงของการฟื้นตัวรอบนี้ ก่อนที่จะเริ่มกลับมาปรับฐานย่อตัวในช่วงครึ่งหลังของเดือนต.ค. ด้วยประเด็นความกังวลต่อการประชุมเฟดในวันที่ 28-29 ต.ค.นี้ นักลงทุนทั่วโลก อาจกลับมาลดพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นก่อนการประชุม เพื่อปิดความเสี่ยงจากความเห็นของเฟดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate เหมือนที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนการประชุมเฟดเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยประเมินแนวรับหลักในช่วงครึ่งหลังของเดือนต.ค. เบื้องต้นที่ 1,520-1,530 จุด เช่นเดียวกับการปรับฐานรอบนี้
       สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว หรือระยะเวลาการลงทุน 3 เดือนขึ้นไป ทีมกลยุทธ์ MBKET แนะนำให้ “ทยอยสะสม” เมื่อ SET INDEX เกิดการย่อตัวต่ำกว่าระดับ 1,540 จุด หุ้นที่มีประเด็นการลงทุนเด่น พร้อมกับแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานที่เด่นกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มอุตฯ เดียวกัน เป็นทางเลือกของการลงทุน หาก ราคาหุ้นเกิดการปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หุ้น Top Pick : BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI ขณะที่หุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ที่ช่วยปิด downside risk ของราคาหุ้นได้แก่ BTS / TRUEIF สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ
      กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตเก็งกำไร เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,550 จุด +/- ในรอบแรก และถือส่วนที่เหลือ เพื่อรอลุ้นขายบริเวณ 1,565-1,570 จุด” ภาพรวมของกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้จึงเป็นลักษณะของ Swing Trade คือ ขึ้นแรงขาย / ลงแรงซื้อ เพื่อปิดความเสี่ยงจากภาพตลาดหุ้นในเดือนต.ค.ที่ไร้ทิศทางที่ชัดเจน

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.รายงานประชุมเฟดเดือนก.ย.ส่งสัญญาณเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ: การประชุมเฟดในเดือนก.ย.ได้ส่งสัญญาณกังวลต่อประเด็น
      •เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว หรือ เติบโตต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ โดยเฉพาะอียู (สอดคล้องกับมุมมองของ World Bank และ IMF ที่ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกลง)
•ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก และเอกชนขนาดเล็กของสหรัฐฯ จากความแตกต่างของนโยบายการเงินระหว่างประเทศ
       อย่างไรก็ตาม เฟดยืนยันที่สิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค. พร้อมส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่งผลให้
•แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่าเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ในช่วงสั้นๆ โดยนักค้าเงินอาจขายทำกำไรในเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
       •ตลาดหุ้นในเอเชียมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังคลายความกังวลต่อโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในกลางปีหน้า แต่ก็เป็นการคลายความกังวลช่วงสั้นๆ เท่านั้น
2.ติดตามรายละเอียดของการ Roadshow: คืนวานนี้ตามเวลาประเทศไทย รองนายกฯ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร, รมว.คลัง และ ผู้ว่าการ ธปท. เปิดให้กองทุนต่างประเทศ 60 กองทุน เข้าพบ ที่นิวยอร์ค สหรัฐฯ อาจเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศ หากเป็นไปตามคาด
•เงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มชะลอการขาย
•หรือ กลับมาเลือกลงทุนเป็นรายหลักทรัพย์
      3.ติดตามการปิดการขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์: กองทุน ทริกเกอร์ฟันด์ 3 + 3 # 8 ของ UOBAM จะปิดการขายในวันนี้ วงเงิน 3.0 พันล้านบาท MBKET คาดว่าจะขาย IPO ได้เต็มวงเงิน และสามารถเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เป็นอย่างเร็ว หรือ ต้นสัปดาห์หน้า เป็นอย่างช้า
4.โครงการเข้าซื้อตราสารหนี้ของ ECB วงเงิน 1 ล้านล้านยูโร: วานนี้ รองประธาน ECB ได้ให้สัมภาษณ์ ถึง โครงการเข้าซื้อ ABS และ Covered Bond ที่ ECB ประกาศในการประชุมครั้งล่าสุด จะมีวงเงินราว 1.0 ล้านล้านยูโร แบ่งเป็นการเข้าซื้อ Covered Bond ราว 6.0 แสนล้านยูโร และ ABS ราว 4.0 แสนล้านยูโร
     MBKET มีความเห็นเป็นกลางถึงบวก ต่อวงเงินดังกล่าว แต่ผลของการเข้าซื้อต่อเศรษฐกิจในอียู อาจเป็นบวกได้อย่างจำกัด เพราะภาพรวมยังขาดความเชื่อมั่นต่อภาครวม แต่ในทางตรงกันข้าม โครงการดังกล่าว จะเปิดทางให้เกิด Euro Carry Trade ก่อให้เกิดสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินโลก

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.60 13.38 15.59 13.38
PSE 20.20 17.44 20.34 17.56
JSE 15.95 13.58 16.29 13.89
KOSPI 10.01 8.72 10.05 8.75
TAIEX 14.14 12.94 14.27 13.06
Straits Time 14.23 13.10 14.32 13.18
SHCOMP 9.45 8.34 Closed Closed
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อ” ได้แก่
1.TRUE : ราคาปิด 10.90 บาท ราคาเหมาะสม 14.60 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกหลัง TRUE เสร็จสิ้นการเพิ่มทุน และส่งผลให้ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้นมาก โดยฐานทุนจะเพิ่มขึ้นจาก 6,228 ล้านบาท สิ้นสุด 2Q57 เป็น 72,203 ล้านบาท และ DE Ratio ลดลงจาก 31.8 เท่า เหลือ 2.0 เท่า และ Net DE ลดลงจาก 17.9 เท่า เหลือเพียง 0.46 เท่า และเข้าสู่การเป็น Net Cash Company ในปี 2559
b)คาดเริ่มสร้างกำไรจากการดำเนินงานปกติตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป เนื่องจากจะเป็นไตรมาสแรกที่ไม่ต้องรับรู้ค่าเสื่อมของระบบ 2G และดอกเบี้ยจ่ายจะเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากนำเงิน 52,000 ล้านบาทไปชำระคืนหนี้ระยะยาว ดังนั้น เราคาดว่า TRUE จะมีเริ่มมีกำไรปกติราว 1,500 – 2,000 ล้านบาท ใน 4Q57
c)ผลจาก Capital Structure ที่เปลี่ยนไปในทิศทางเชิงบวก หลังได้ China mobile เป็นพันธมิตร และฐานการเงินแข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้เราปรับ WACC ลดลงจาก 10.2% เหลือ 8.8% พร้อมทั้งปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2558 และ 2559 ขึ้น 141% และ 7% ตามลำดับ
d)ดังนั้น เราคาดว่า TRUE จะมีกำไรปกติในปี 2558 ที่ 12,999 ล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุน 5,346 ล้านบาท ในปี 2557 และได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 14.60 บาท (เดิม 12.70 บาท)

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญได้แก่ ยอดขอสวัสดิการว่างงาน, สต็อกสินค้าค้าส่ง

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 12 อีก US$313 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$348 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -133.8 -5.6 10,616.1 9,188.0
KOSPI -102.5 -174.3 7,038.3 4,875.1
JSE -19.0 8.5 3,983.5 -1,806.4
PSE -8.3 -135.6 1,135.7 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -3.5 -1.1 209.4 263.2
SET INDEX -78.4 -4.4 -174.0 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติไหลออกทั้ง 3 ตลาดอีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -2,557 -145
SET50 Index Futures (สัญญา) -2,035 -7,953
SSF (สัญญา) +582 -12,398
Metal Futures (สัญญา) +346 +1,352
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -2,379 -248

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 มากถึง 2,557 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 2,702 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเร่งขึ้นเป็น 7,420 ล้านบาท
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติคงการ Short ใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 ลดลงเป็น 2,035 สัญญา รวม 5 วันทำการ Short สุทธิมากถึง 32,530 สัญญา กดดันให้ S50Z14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 2 แต่ลดลงเหลือ 1.89 จุด จากวันก่อนหน้า Discount มากถึง 3.67 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 8 อีก 2,379 ล้านบาท รวม 8 วันทำการ ขายสุทธิ 18,053 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย เพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยพันธบัตรอายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงอีก 1.19bps ปิดที่ 3.415%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เพิ่มขึ้นเป็น 1,376 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,202 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 223.81 12.71% 367.44
KBANK 195.62 15.23% 225.60
BLA 90.83 32.79% 60.86
ADVANC 84.66 9.40% 219.16
TRUE 67.47 3.16% 10.93

NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 เน้นลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนีขายสุทธิเร่งขึ้นเป็น 1,043 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 493 ล้านบาท โดยกลุ่มธนาคารยังคงเป็นเป้าหมายของการลดน้ำหนักการลงทุนต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนผ่าน NVDR ได้ดังนี้
1.ด้านกลุ่มธนาคารขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 10 อีก 806 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 531 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่งขายสุทธิ 323 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 202 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 107 ล้านบาท
2.กลุ่มพลังงาน เป็นเป้าหมายของการซื้อสุทธิสูงสุด 255 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 84 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 175 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
PTT 317.97 26.02 BBL -598.68 18.70
TUF 164.21 29.31 AOT -182.55 11.10
INTUCH 94.92 14.75 KBANK -162.77 18.39
ADVANC 83.11 34.99 CPF -153.52 8.47
EGCO 65.03 36.98 CPALL -98.65 9.60

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!