WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Volatile
      ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ดีดตัวขึ้นแรง 17.22 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 1,560.61 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 44,703 ล้านบาท
      เป็นที่น่าสังเกต เงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าไทยทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง การซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,477 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 5,789 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ 2,776 ล้านบาท ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าราว 15-20 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวานนี้
ต้องยอมรับว่า SET INDEX วานนี้ฟื้นตัวแรงกว่าที่คาด และสามารถปิดยืน 1,560 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง บวกกับ เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าพร้อมกันทั้ง 3 ตลาด MBKET ประเมินภาพ SET INDEX วันนี้จึงเป็นเพียงการแกว่งในกรอบระหว่าง 1,550 – 1,565 จุด เพราะเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ บวกกับบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียที่เป็นลบจาก DJIA คืนวานนี้ ภายใต้ประเด็นบวกของเม็ดเงินลงทุนใหม่จากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่เพิ่งปิดการขายวานนี้ คาดว่าจะเริ่มเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย MBKET ตั้งข้อสังเกตหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเด่นเฉพาะตัวจะเป็นเป้าหมายของการลงทุนกองทุนดังกล่าว ขณะที่หุ้นหลักอย่าง KBANK / PTT จะเป็นตัว Support ตลาดหุ้นโดยรวม

ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ผลการดำเนินงาน 3Q57 ของกลุ่มธนาคารในช่วงปลายสัปดาห์หน้า ด้านตัวเลขเศรษฐกิจติดตามตัวเลขการส่งออก – นำเข้า ของจีน / ฟิลิปปินส์ / อียู และรายงาน Beige Book ของเฟด
เมื่อ SET INDEX ฟื้นตัวขึ้นเข้าใกล้กรอบเป้าหมาย 1,570-1,580 จุด ในเชิงกลยุทธ์ MBKET แนะนำให้นักลงทุน “เริ่มทยอยขายทำกำไร” หุ้นที่เข้าเก็งกำไรในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อกลับมาถือเงินสดมากขึ้นอีกครั้ง เพราะภาพการลงทุนยังคงเป็นลักษณะ Swing trade
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” BTS / TRUEIF และ “ขายทำกำไร” MACO
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEUATY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT
Accumulative Buy: BTS / TRUEIF
Profit-taking: MACO

Action and Stock of the Day
SET INDEX ดีดตัวแรง ปิด 1,560 จุด
SET INDEX วันนี้คาดแกว่งในกรอบ 1,550 – 1,565 จุด คาดหุ้นขนาดกลางขยับขึ้นเด่นกว่า หุ้นหลัก อย่าง KBANK / PTT ที่จะเป็นตัว Support ตลาดหุ้นไทยช่วงสั้น

หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง อย่าง BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI เป็นเป้าหมายของการเก็งกำไรในระลอกของการดีดตัวช่วงสั้น
กลยุทธ์การลงทุน เริ่มทยอยขายทำกำไร และกลับมาถือเงินสดมากขึ้น เพราะภาพการลงทุนช่วงนี้ยังเป็น Swing Trade ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดบวกแทบทุกตลาด ยกเว้น Nikkei ที่ปิด -0.75% จากความกังวลด้านเศรษฐกิจ และค่าเงินเยนที่แข็งค่าอีกครั้ง
สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ ฟื้นตัวต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า และอย่างโดดเด่น เปิดทะลุแนว 1,550 จุด ขึ้นไปแกว่ง 1,555 จุด +/- ด้วยบรรยากาศรอบเอเชียที่เป็นบวก และ PTT ที่ขยับขึ้นแรงจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการปรับราคาก๊าซ LPG / NGV ตามนโยบายปฎิรูปราคาพลังงาน รวมถึงหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / ICT ณ สิ้นวัน SET INDEX ปิดที่ 1,560.61 จุด บวก 17.22 จุด หรือ 1.12% แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 44,703 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดได้แก่ กลุ่ม ICT +2.53%, กลุ่มท่องเที่ยว +2.40% และกลุ่มอสังหาฯ +2.24% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +0.84%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +0.42% และกลุ่มพลังงาน +1.11%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.27 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดลบ ตามทิศทาง DJIA คืนวานนี้ แต่เป็นการเปิดลบที่ไม่แรงมาก แม้ว่าค่าเงินเยนที่แข็งค่าแตะระดับ Yen107/US$ ก็ตาม
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ต้องยอมรับว่าฟื้นตัวแรงกว่าที่ MBKET ประเมินว่า นอกเหนือไปจากตลาดหุ้นทั่วเอเชียที่ฟื้นตัวเด่นแล้ว ปัจจัยที่สนับสนุนตลาดหุ้นไทยวานนี้ได้แก่
•เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,477 ล้านบาท
•คาดนักลงทุนเร่งปิดสถานะ SBL และ/หรือ Covered Short ใน Single Stock Futures ผลักดันหุ้นหลักให้ฟื้นตัว ซึ่งเฉพาะ SBL ตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมามากถึง 3,169 ล้านบาท เน้นการทำ SBL ในหุ้น PTT / KBANK / TRUE ทำให้หุ้น 3 ตัวนี้ฟื้นตัวแรงวานนี้ ผลักดัน SET INDEX
การลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ MBKET คงมุมมองเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 11 พร้อมกับคงด่านสำคัญบริเวณ 1,570-1,580 จุด ยังผ่านได้อย่างจำกัด เพราะในช่วงวันที่ 28-29 ต.ค. จะมีการประชุมเฟด อาจทำให้นักลงทุนทั่วโลกกลับมากังวลต่อการประชุมนัดนี้ ที่จะสิ้นสุดโครงการ QE ประเด็นถัดไปคือ ช่วงเวลาที่เหมาะสมของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ตลาดประเมินไว้ที่กลางปี 2558 ด้วยประเด็นเสี่ยงเชิงจิตวิทยาการลงทุน ทำให้ภาพ SET INDEX ในช่วงที่เหลือก่อนถึงการประชุมเฟดปลายเดือนนี้ จึงเป็นลักษณะ Swing Trade คือ “ขึ้นแรงขาย และ ลงแรงซื้อ” พร้อมประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,530 – 1,580 จุด
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “นักลงทุนเริ่มทยอยลดพอร์ต เพื่อทำกำไร บริเวณ 1,565 จุด +/- และส่วนที่เหลือถือ เพื่อรอขายบริเวณ 1,570 จุด ขึ้นไป” เพราะภาพการลงทุนแกว่งอยู่ในกรอบ ตลอดช่วงที่เหลือของเดือนต.ค.
สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว หรือระยะเวลาการลงทุน 3 เดือนขึ้นไป ทีมกลยุทธ์ MBKET แนะนำให้ “ทยอยสะสม” เมื่อ SET INDEX เกิดการย่อตัวต่ำกว่าระดับ 1,540 จุด หุ้นที่มีประเด็นการลงทุนเด่น พร้อมกับแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานที่เด่นกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มอุตฯ เดียวกัน เป็นทางเลือกของการลงทุน หาก ราคาหุ้นเกิดการปรับฐานลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หุ้น Top Pick : BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI ขณะที่หุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ที่ช่วยปิด downside risk ของราคาหุ้นได้แก่ BTS / TRUEIF สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ทั้ง BoJ – ECB ส่งสัญญาณพร้อมเพิ่มมาตรการผ่อนคลายด้านการเงิน:
•ประธาน ECB ให้ความเห็นต่อภาพรวมเศรษฐกิจอียูยังมีความเสี่ยงต่อการฟื้นตัว ภายใต้อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2.00% ซึ่ง ECB พร้อมที่จะเพิ่มมาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจหากมีความจำเป็น นอกเหนือจากแผนการเข้าซื้อ Covered Bond และ ABS ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้
•ผู้ว่าการ BoJ ส่งสัญญาณพร้อมเพิ่มมาตรการทางการเงินเช่นกัน ณ ปัจจุบัน BoJ มีหลายทางเลือกในการเพิ่มมาตรการ โดยยกตัวอย่างเม็ดเงินที่เข้าซื้อตราสารหนี้ของ BoJ คิดเป็นสัดส่วนต่อขนาดของตราสารหนี้แต่ละประเภทเป็นจำนวนที่น้อยกว่าธนาคารกลางอื่นๆ ที่ใช้กระตุ้น / แก้ไขปัญหา
MBKET ประเมินว่า ECB – BoJ มีโอกาสที่จะเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน เพราะภาพรวมเศรษฐกิจทั้งอียู และ ญี่ปุ่นยังทรงตัวในระดับต่ำ พร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ทั้ง 2 ธนาคารกลาง สิ่งที่ตามมาคือ
•ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ อาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เฟดใช้ในการอ้างคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ดังที่เกิดขึ้นในการประชุมเฟดเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
•ทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันจะฟื้นตัวได้อย่างจำกัด จากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่สูญเสียโมเมนตัมของการเติบโต จากอียู และ ญี่ปุ่น ขณะที่ทองคำมีแนวโน้มแกว่งตัวแคบ ผลบวกต่อราคาทองคำด้วยเศรษฐกิจโลก กลับถูก ชดเชยด้วย ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่า
•ช่วงสั้น Safe haven อย่างตราสารหนี้ จะเป็นที่พักเงินที่เด่นสุดจากการปรับพอร์ตการลงทุนของนักลงทุน
•แต่ในระยะกลางถึงยาว เงื่อนไขการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพิ่มขึ้นจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่า อาจทำให้นักลงทุน กลับมาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้น ผ่านการทำ Euro Carry Trade และ/หรือ Japanese Yen Carry Trade
2.การเจรจาในเกาะฮ่องกงวันนี้ถูกยกเลิก: ทางการเกาะฮ่องกงได้ยกเลิกการเจรจากับผู้นำนักศึกษาในเวลา 16.00 น. ตามเวลาฮ่องกงในวันนี้ เพราะอาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายของฮ่องกง อีกทั้งไม่ต้องการเปิดทางให้กลายเป็นกรณีตัวอย่างของการประท้วง
3.ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า
•ติดตามการประชุม ครม. วันอังคารที่ 14 ต.ค. อาจมีการพิจารณาแผนด้านเศรษฐกิจเพิ่มเติม
•ติดตามการประกาศผลการดำเนินงาน 3Q57 ของกลุ่มธนาคารตั้งแต่ช่วงปลายสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป โดยให้น้ำหนักกับผลการดำเนินงานของหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ ว่าจะออกมาดีกว่าคาดหรือไม่ เพราะเป็นตัวสะท้อนถึงระดับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยใน 3Q57
•ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในต่างประเทศ ได้แก่ ตัวเลขการส่งออก – นำเข้า ของ จีน / ฟิลิปปินส์ / อียู, ภาวะการจ้างงานในอังกฤษ และ ผลผลิตภาคอุตฯ ในสหรัฐฯ
•รายงาน Beige Book ของเฟด เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจใน 12 เขตเศรษฐกิจของเฟด ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญในการประชุมเฟดปลายเดือนต.ค.นี้

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.82 13.57 15.60 13.38
PSE 20.25 17.48 20.20 17.44
JSE 16.08 13.70 15.95 13.58
KOSPI Closed Closed 10.01 8.72
TAIEX 14.17 12.96 14.14 12.94
Straits Time 14.37 13.23 14.23 13.10
SHCOMP 9.48 8.37 9.45 8.34
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” หุ้น Defensive ที่ให้ปันผลสูง ได้แก่
1.BTS : ราคาปิด 10.30 บาท ราคาเหมาะสม 11.40 บาท
a)MBKET ประเมินว่าหุ้น Defensive ที่มีรายได้มั่นคง และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูง จะ Outperform ตลาดที่อยู่ในภาวะผันผวนได้
b)ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกรออยู่ หลังกระทรวงคมนาคมเห็นชอบหลักการ ให้ BTS – กทม. – รฟม. เจรจากัน เพื่อเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต) และเขียวใต้ (แบริ่ง – สมุทรปราการ) โดยกำหนดให้หาข้อสรุปภายในปีนี้
c)เรามีมุมมองเป็นบวกต่อความคืบหน้าดังกล่าว เนื่องจากวิธีการเจรจาจะช่วยร่นระยะเวลาเมื่อเทียบกับการเปิดประมูลแบบปกติ และเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่ BTS จะได้เป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าใน 2 เส้นทางดังกล่าว เนื่องจากเป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายปัจจุบันของบริษัท ดังนั้น การให้ BTS บริหารการเดินรถจะส่งผลให้มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนสูงสุด
d)ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 6-7% ใน 2 ปีข้างหน้า และเส้นทางเดินรถสายใหม่เป็น Upside Risk ที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ
2.TRUEIF: ราคาปิด 10.30 บาท ราคาเหมาะสม 13.80 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ TRUEIF เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรง หลัง TRUE ประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนและส่งผลให้ Net DE ของ TRUE ลดลงเหลือเพียง 0.5 เท่า ดังนั้น รายได้ค่าเช่ารับของ TRUEIF จึงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก TRUE ที่เป็นผู้เช่าหลักมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น
b)คาดการณ์เงินปันผล 2H57 อีก 0.42 บาท หรือไตรมาสละ 0.21 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลคงเหลือในปี 2557 ถึง 4.2% และปี 2558 หุ้นละ 0.89 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 8.6% และไม่ต้องเสียภาษีเนื่องจากได้สิทธิประโยชน์จากเงินปันผล
c)ให้ TRUEIF เป็น Top pick สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากเงินลงในรูปแบบเงินปันผล เนื่องจากเป็นหุ้นที่มี Downside Risk จำกัด และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราสูง โดยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยในช่วง 10 ปีข้างหน้าสูงถึงปีละ 9.9%

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญได้แก่ ดัชนีราคาสินค้านำเข้า – ส่งออก

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้กลับมาซื้อสุทธิวันแรกในรอบ 13 วันทำการ US$11 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$313 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 1.2 -133.8 10,617.5 9,188.0
KOSPI Closed -102.5 7,039.5 4,875.1
JSE -19.7 -19.0 3,963.8 -1,806.4
PSE -11.2 -8.3 1,124.5 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -4.4 -3.5 205.0 263.2
SET INDEX 45.3 -78.4 -128.7 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,477 -2,557
SET50 Index Futures (สัญญา) +5,789 -2,035
SSF (สัญญา) +704 +582
Metal Futures (สัญญา) -261 +346
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +2,776 -2,379

นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,477 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 2,702 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเหลือ 5,943 ล้านบาท
พร้อมกลับมา Long ใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 5,789 สัญญา เทียบกับตลอด 5 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิมากถึง 32,530 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อ S50Z14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 3 กว้างถึง 4.80 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 1.89 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ 2,776 ล้านบาท เทียบกับ 8 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 18,053 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย เพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยพันธบัตรอายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงแรง 3.83bps ปิดที่ 3.376%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling สูงถึง 2,127 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,376 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 284.45 10.26% 375.17
TRUE 167.57 6.18% 11.33
PTTEP 126.50 14.67% 152.74
KBANK 126.37 15.32% 228.18
ADVANC 114.89 6.56% 222.74

NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เน้นกลุ่ม ICT อย่างโดดเด่น ขณะที่กลุ่มธนาคารยังถูกขายต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาซื้อสุทธิ 956 ล้านบาท จากตลอด 2 วันทำการก่อนหน้า ขายสุทธิ 1,536 ล้านบาท เป็นที่น่าสนใจว่ากลุ่มธนาคารยังคงเป็นเป้าหมายหลักของการลดน้ำหนักต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนผ่าน NVDR ได้ดังนี้
1.ด้านกลุ่มธนาคารขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 11 อีก 363 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 806 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 201 ล้านบาท กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ขายสุทธิ 120 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 908 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 175 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 314 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 245 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 255 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
ADVANC 819.99 31.82 BBL -427.95 19.42
TUF 326.57 33.13 BEC -143.64 36.47
PTT 158.61 11.92 AOT -138.82 16.02
CPN 109.22 13.51 SIRI -97.60 7.83
KTB 83.69 12.30 BTS -82.65 5.15

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!