WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Break 1540


      ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปิดบวกเป็นวันที่ 2 อีก 7.19 จุด มาอยู่ที่ 1,539.91 จุด มูลค่าการซื้อขายดีขึ้น เป็น 41,725 ล้านบาท
      อย่างไรก็ตาม ต่างชาติ กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยหนาแน่นอีกครั้ง 2,763 ล้านบาท แต่กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index เล็กน้อย 403 สัญญา ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 3,658 ล้านบาท
ภาวะการลงทุนในวันนี้ MBKET ประเมิน SET INDEX แกว่ง Sideways-to-Sideways-up เพื่อขึ้นไปปิดยืนเหนือ 1,540 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่ดีขึ้นกว่าช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้คือ การรอผลประชุมเฟดในวันที่ 28-29 ต.ค.นี้ก็ตาม แต่ด้วยบรรยากาศรอบเอเชียในวันนี้ที่เอื้อต่อการลงทุน สอดคล้องกับ DJIA คืนวันศุกร์ที่ปิดบวกต่อเนื่อง
      อีกทั้งการโรดโชว์ที่นิวยอร์คและซานฟรานซิสโก เริ่มตั้งแต่วันที่ 27-30 ต.ค. คาดหวังเห็นเม็ดเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยภายในสัปดาห์นี้เป็นอย่างเร็ว หรือ สัปดาห์หน้าเป็นอย่างช้า หลังได้รับข้อมูลทั้งด้านเศรษฐกิจ และแนวโน้มผลการดำเนินงานของ บจ. ทั้ง 10 แห่งที่เข้าร่วมงานนี้ สอดคล้องกับการออกขาย IPO กองทุน ทริกเกอร์ฟันด์ มูลค่า 3,500 ล้านบาท ช่วยจำกัด Downside risk จำกัดของตลาดหุ้นไทย
        ขณะที่ผลการทดสอบ Stress Test ของธนาคารในอียู มีเพียง 25 แห่งเท่านั้นที่ไม่ผ่านทดสอบ โดยเป็นธนาคารขนาดกลางและเล็ก พร้อมกับเงินทุนที่ต้องเพิ่มทุนราว 2.5 หมื่นล้านยูโร น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ กลายเป็นปัจจัยบวกในตลาดหุ้นยุโรปบ่ายวันนี้
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เราแนะนำให้ "ทยอยสะสมหุ้นที่ยัง Undervalued ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตเด่น"
       กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ "เก็งกำไร" BEAUTY/ TTA

Portfolio
Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: BEAUTY/ TTA

Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังไม่ผ่าน 1,540 จุด
     ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวันศุกร์ที่ผ่านมา ปิดบวก - ลบ สลับกันเล็กน้อย อาจเป็นเพราะซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน
     ด้านตลาดหุ้นไทย เปิดบวกเด่นขึ้นทดสอบด่าน 1,540 จุด นำโดย BBL หลัง NVDR ประกาศซื้อหุ้น BBL เพิ่มเพื่อให้ชนเพดานที่กำหนด 35% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารอื่นๆ ฟื้นตัวตาม รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวอย่างคงขยับขึ้นได้ต่อ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเป็นวันที่ 2 อีก 7.19 จุด มาอยู่ที่ 1,539.91 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41,725 ล้านบาท
     กลุ่มที่ปิดบวกดีสุด ได้แก่ กลุ่ม Professional +8.34%, กลุ่ม Fashion +4.19% และกลุ่มขนส่ง +1.51% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่ม ICT +0.24%, กลุ่มธนาคาร +0.88% และกลุ่มพลังงาน +0.12%

    คาด SET INDEX วันนี้แกว่งแคบ แต่มีโอกาสปิดยืนเหนือ 1,540 จุด พร้อมมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น
KBANK / PTT จะยังเป็นหุ้นชี้นำทิศทาง SET INDEX ในช่วงนี้
หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง อย่าง BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI เป็นเป้าหมายของการเก็งกำไรในระลอกของการดีดตัวช่วงสั้น


ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
     ตลาดหุ้นเอเชีย (7.34 น.) เช้านี้ Nikkei - Kospi เปิดบวก ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน หลังผลการทดสอบธนาคารในอียู มีเพียง 25 แห่งที่ไม่ผ่าน ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มีโอกาสที่จะปรับขึ้นเป็น "กลางถึงบวก" ในมุมมองของเรา หาก SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,540 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายในระดับ 45,000 ล้านบาท/วันขึ้นไป เพราะเท่ากับเป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ กลับมาอีกครั้ง ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกต่อภาพการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ได้แก่
เยอรมัน เริ่มส่งสัญญาณให้บางประเทศสมาชิกในกลุ่มอียู สามารถใช้งบประมาณขาดดุลที่สูงกว่าข้อตกลงร่วมกันในกลุ่มอียูได้เป็นการชั่วคราว ได้แก่ อิตาลี และฝรั่งเศส เพื่อกระตุ้นการลงทุนทั้งจากภาครัฐบาล และเอกชน
MBKET เชื่อว่าประเด็นนี้จะช่วยทำให้ตลาดคลายความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอียู อีกทั้งเป็นการประสารการทำงานร่วมกับ ECB ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่สูญเสีย โมเมนตัม
ราคาบ้านในเมืองหลักของจีน ลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการควบคุมตลาดอสังหาฯ อย่างเข้มงวดตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมอสังหาฯ และระบบสถาบันการเงินทางอ้อมได้
MBKET คาดว่า ทางการ และ/หรือ ธนาคารกลางจีน อาจผ่อนคลายมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เป็นลำดับ เพื่อประคองภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ให้ทรงตัวถึงดีขึ้น
และผลการประชุมเฟดในวันที่ 28-29 ต.ค.นี้ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ตลาดให้ความสนใจกับมุมมองของเฟดต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และโอกาสที่จะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้าว่าจะเป็นช่วงเวลาใด
ชณะที่ปัจจัยภายในประเทศ เป็นตัวแปรที่ปิดความเสี่ยงของตลาดหุ้นไทยโดยรวม ด้วยประเด็นสนับสนุนดังต่อไปนี้
การโรดโชว์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และ บจ. 10 แห่งที่จะไปพบผู้จัดการกองทุนทิ่นิวยอร์ค และซานฟรานซิสโก ในวันที่ 27-30 ต.ค. อาจเห็นเม็ดเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยหลังเสร็จสิ้นโรดโชว์
การปฎิรูปโครงสร้างราคาพลังงาน เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาก๊าซ LPG และ NGV เป็นบวกต่อ PTT ซึ่งเป็นหุ้น Big Cap ที่ Underperform มาหลายปี
การเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 3Q57

กลยุทธ์การลงทุน ทยอยสะสมหุ้นหลัก
กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงแนะนำ "เก็งกำไรหุ้นเป้าหมาย หากราคาปรับตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย" เพื่อรอขายรอบแรกบริเวณ 1,540 จุด +/- และถือส่วนที่เหลือ เพื่อรอประเมินภาพการลงทุนในระยะถัดไป

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1. การโรดโชว์ที่สหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้ว: การโรดโชว์ที่นิวยอร์ค และซานฟรานซิสโก ของตลท. ตัวแทนจากกระทรวงการคลัง และ บจ. อีก 10 แห่งเริ่มต้นวันนี้ สิ้นสุดวันที่ 30 ต.ค.
2. การขาย IPO กองทุน ทริกเกอร์ฟันด์กลับมาอีกครั้ง:
- กองทุน UOB Trigger Fund #19 ขาย IPO ระหว่างวันที่ 24-27 ต.ค. วงเงิน 500 ล้านบาท
- กองทุน Thanachart T-Challenge 18 ขาย IPO ระหว่างวันที่ 20-27 ต.ค. วงเงิน 2.0 พันล้านบาท
- กองทุน MFC SI5E2 ขาย IPO ระหว่างวันที่ 20 ต.ค. - 4 พ.ย. วงเงิน 1.0 พันล้านบาท
MBKET มีความเห็นเป็นบวกต่อปัจจัยดังกล่าว พร้อมประเมินเม็ดเงินใหม่จะเริ่มทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside risk ของ SET INDEX ในช่วงนี้
3. 25 ธนาคารในอียูไม่ผ่านการทดสอบ Stress Test: ผลการทดสอบ Stress Test ของ ECB พบว่า 25 ธนาคารในอียูไม่ผ่านการทดสอบดังกล่าว พร้อมต้องเพิ่มทุนราว 2.5 หมื่นล้านยูโร แต่จำนวนเงินที่ต้องเพิ่มทุนดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้
MBKET มีความเห็นเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว เพราะธนาคารขนาดใหญ่ในอียูผ่านการทดสอบทั้งหมด ธนาคารในเยอรมัน, ฝรั่งเศส และสเปน ผ่านการทดสอบทั้งหมด อีกทั้ง ธนาคารทั้ง 25 แห่งมีเวลาในการขยายฐานทุนตามที่กำหนดในระยะเวลา 9 เดือน ซึ่งมีเวลามากเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นยุโรปในบ่ายวันนี้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
1. BEAUTY : ราคาปิด 28.75 บาท ราคาเหมาะสม 37.00 บาท
a) MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 3Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่ +45% yoy และ +13% qoq เป็น 69.8 ล้านบาท สวนทางภาพรวมของหุ้นกลุ่มค้าปลีกได้ เนื่องจาก BEAUTY มีการขยายสาขาต่อเนื่อง และ SSSG คาดว่าจะเพิ่มขึ้น +12% yoy สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความใส่ใจต่อความสวยงามมากขึ้นแม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว
b) ทิศทางกำไร 4Q57 คาดว่าจะยังเติบโตทั้ง yoy และ qoq พร้อมทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจ และการเปิดสาขาใหม่อีกเป็นจำนวนมากใน 4Q
c) คงประมาณการกำไรปี 2557 เติบโต +34.3% yoy เป็น 284 ล้านบาท และเติบโต +29.8% yoy เป็น 368 ล้านบาท ในปี 2558 เติบโตสูงที่สุดในหุ้นกลุ่มค้าปลีก
d) ฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 4% ต่อปี
2. TTA : ราคาปิด 21.20 บาท ราคาเหมาะสม 32.10 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มเรือเทกอง และคาดว่าการไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องของดัชนีค่าระวางเรือเทกอง (BDI) เป็นวันที่ 5 ติดต่อกันอีก 37 จุด เป็น 1,192 จุด จะเป็น Sentiment บวกต่อราคาหุ้น
b) และคาดว่าดัชนีค่าระวางเรือเทกอง (BDI) จะเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ย.จากปัจจัยบวกทางฤดูกาล เพราะเข้าสู่ฤดูหนาว ส่งผลให้ความต้องการใช้เรือเทกองเพื่อขนส่งสินค้า เช่น ถ่านหิน และธัญพืชเพิ่มสูงขึ้น
c) คาดกำไรสุทธิปี 2557/2558 พลิกเป็นกำไร 988 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 5,080 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา และเติบโตสูงในปี 2559 เพิ่มขึ้น +146% yoy เป็น 2,419 ล้านบาท จากแรงหนุนของทุกธุรกิจ ได้แก่ เรือเทกอง, เรือขุดเจาะ, อาหาร และปุ๋ย ที่เติบโตทุกส่วน
d) ราคาหุ้นซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 0.8 เท่า ต่ำกว่า PSL ที่ 1.2 เท่า และมีปัจจัยบวกรออยู่คือการบริษัทลูก PMTA เข้า IPO ใน 1Q58

What will DJIA move tonight?
คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี Flash PMI ภาคบริการ และยอดขายบ้านรอปิดการขาย

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเล็กน้อย US$0.4 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$144 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติยังไม่ชัดเจน
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง 2,763 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิขยับขึ้นเป็น 18,106 ล้านบาท ทั้งนี้ MBKET ตั้งข้อสังเกตนักลงทุนต่างชาติอาจมีการปรับพอร์ตหุ้น BBL ระหว่างพอร์ตปกติ และที่ผ่าน NVDR
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 403 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้า เมื่อ SET50 Index ขยับขึ้น ส่งผลให้ S50Z14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 4.17 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 1.92 จุด
แต่ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 3,659 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 8,231 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลงเล็กน้อย โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 0.14bps ปิดที่ 3.216%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 385 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 546 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR กลับมาซื้อสุทธิ 3,212 ล้านบาท เป็นผลจากการปรับน้ำหนักของ BBL เป็นหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง 3,212 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 7 ล้านบาทโดยเป็นผลจากการปรับเพิ่มน้ำหนักของ BBL ให้เท่ากับเพดานที่ 35% ภาพรวมสรุปได้ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มธนาคารกลับมาซื้อสุทธิสูงสุดและหนาแน่นถึง 2,367 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 681 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 371 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 165 ล้านบาท และกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 194 ล้านบาท
2. กลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 135 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 90 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มเกษตร ขายสุทธิ 30 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ยอดขายบ้านใหม่ใกล้เคียงคาด: เดือนก.ย. ยอดขายบ้านใหม่ เท่ากับ 4.67 แสนหลัง สูงกว่า Bloomberg consensus เพียงเล็กน้อยที่ 4.60 แสนหลัง และใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.66 แสนหลัง อย่างไรก็ตาม ยอดขายระดับดังกล่าวเป็นระดับดีสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 ทั้งนี้เป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง 9.7% mom เป็น US$2.59 แสน/หลัง
IMF กำหนัดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษขั้นต่ำไว้ที่ 0.05%: ภายใต้โครงการ Special Drawing Right เป็นเงินกู้แบบตะกร้าเงินผสมระหว่างดอลลาร์สหรัฐฯ, เยนญี่ปุ่น, อียู และเงินปอร์ดอังกฤษ เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองและสภาพคล่องทางการเงินของโลก โดอัตราดอกเบี้ย SDR ณ ปัจจุบัน เท่ากับ 0.03% ลดลงจากเดือนเม.ย.ที่ 0.13% และมากกว่า 3.0% ในเดือนส.ค. 2551 แต่ IMF จะปรับเป็น 0.05% ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.นี้

ยุโรป
25 ธนาคารในอียูไม่ผ่านการทดสอบของ ECB: ผลการทดสอบ Stress Test ของ ECB พบว่า 25 ธนาคารในอียูไม่ผ่านการทดสอบดังกล่าว พร้อมต้องเพิ่มทุนราว 2.5 หมื่นล้านยูโร แต่จำนวนเงินที่ต้องเพิ่มทุนดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ หลักเกณฑ์คือ Tier I ต้องไม่ต่ำกว่า 8% ของสินทรัพย์เสี่ยงถ่วงน้ำหนัก หรือคิดกลับเป็น Stree Test ต้องไม่ต่ำกว่า 5.5%
เยอรมันส่งสัญญาณ อียู อาจขยายเงินลงทุน: นายกฯ เยอรมันกล่าวว่า เยอรมัน พร้อมที่จะต่อรองกับฝรั่งเศส และอิตาลีด้วยการให้ประเทศทั้ง 2 ขยายการระยะเวลาการปรับระดับการขาดดุลงบประมาณออกไป แลกกับการลงทุนที่สร้างความสามารถทางการแข่งขันให้ดีขึ้น พร้อมกับปรับความคิดเห็นที่แตกต่างระหว่างนโยบายการเงินของ ECB และนโยบายการคลังในมุมมองของเยอรมัน เพื่อเรียกความเชื่อมั่น
เศรษฐกิจในอังกฤษเติบโตชะลอตัว: GDP ใน 3Q57 ของอังกฤษ ขยายตัว 0.7% qoq ลดลงจาก 2Q57 ที่ขยายตัว 0.9% qoq แต่เท่ากับที่ Bloomberg consensus คาดการณ์ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอียู ส่งผลให้เศรษฐกิจภาคบริการขยายตัว 0.7% qoq ในไตรมาสนี้ ลดลงจาก 1.1% qoq ใน 2Q57 ภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 0.4% qoq เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 1Q56

จีน
ราคาบ้านใน 60 เมืองหลักของจีนยังคงลดลงต่อเนื่อง: รายงานราคาบ้านในเดือนก.ย. พบว่า 69 ใน 70 เมืองหลักของจีน ราคาบ้านยังคงลดลง mom และจำนวนเมืองที่ราคาบ้านลดลงในเดือนก.ย. ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2554 ซึ่งเดือนส.ค. ราคาบ้าน 68 ใน 70 เมืองลดลง ทั้งนี้เป็นผลจากผู้พัฒนาโครงการต้องการลดราคา เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายภายในสิ้นปี ส่งผลให้ปริมาณอสังหาฯ เข้าสู่ตลาดมากขึ้น สร้างแรงกดดันด้านการแข่งขัน ดังจะเห็นได้จากราคาบ้านใหม่ในปักกิ่งลดลง 0.7% mom ในเดือนก.ย. ส่วนที่เซี่ยงไฮ้ ลดลง 0.9% mom
การเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงล่าช้า: ส่งผลให้ราคาหุ้นระหว่างตลาดหุ้นฮ่องกง และ ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ กว้างมากยิ่งขึ้น แม้ว่าระบบการซื้อขายระหว่างกันจะมีความพร้อมแล้วก็ตาม เพียงแต่ต้องรอทางการประกาศวันเริ่มต้นของระบบการซื้อขายเท่านั้น
ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายการเงินของจีนคาดเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายโตเพียง 7.2%: ลดลงจาก 3Q57 เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัว และทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าจะเติบโตเพียง 7.3% พร้อมคาดการณ์เศรษฐกิจจีนอาจเติบโตต่ำกว่า 7% ในบางไตรมาสของปีหน้าได้
นักเศรษฐศาสตร์ของรัฐ คาดเศรษฐกิจจีนเติบโตต่ำสุดในรอบ 20 ปี ในปีหน้า: รายงานของ Fan Jianping ประเมินเศรษฐกิจจีนเติบโต 7% ในปี 2558 หากรัฐบาลไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มากพอ การชะลอตัวของการส่งออก และภาคอสังหาฯ เป็นเครื่องจักรกลที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ

เอเชียแปซิฟิก
อัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค.ของเวียดนามขยายตัวต่ำสุดในรอบ 5 ปี: เพิ่มขึ้น 3.23% yoy เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2552 ชะลอตัวลงจากเดือน ก.ย.ที่ +3.62% yoy และต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด +3.45% yoy ทั้งนี้เป็นการเพิ่มขึ้น 0.11% mom
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย.ของสิงคโปร์หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน: -1.2% yoy ลดลงจากเดือน ส.ค. ที่ขยายตัว 4.0% yoy อีกทั้งเป็นการหดตัวแรงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาด -0.8% yoy รวมถึงหดตัว 3.3% mom นำโดยการหดตัวของการผลิตเวชภัณฑ์ 18.3% yoy และอิเล็กทรอนิกส์ -1.7% yoy ขณะที่ปิโตรเคมียังสามารถขยายตัวได้ 12.8% yoy

ไทย
ไม่มี

การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ย
ราคาพันธบัตรแกว่งแคบ
ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ
- อายุ 5 ปี: ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 1.37bps ปิดที่ 2.704%
- อายุ 10 ปี: ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 0.14bps ปิดที่ 3.216%
ราคาพันธบัตรสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- อายุ 2 ปี: ผลตอบแทนลดลง 0.04bps ปิดที่ 0.3859%
- อายุ 10 ปี: ผลตอบแทนลดลง 0.27bps ปิดที่ 2.2685%

ภาวะตลาดหุ้น - ตลาดตราสารหนี้ที่สำคัญ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น จากแรงหนุนของผลประกอบการ 3Q57 ของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด
ตลาดต่างประเทศ:
DJIA ปรับตัวขึ้น : ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 16,805.41 จุด เพิ่มขึ้น 127.51 จุด หรือ +0.76% ปรับตัวขึ้น จากแรงหนุนของผลประกอบการ 3Q57 ของบริษัทจดทะเบียน ได้แก่ 3M, แคทเทอร์พิลลาร์ และฟอร์ดมอเตอร์ ที่รายงานกำไรออกมาดีกว่าคาด นอกจากนั้น ยังมีปัจัยบวกจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ เดือน ก.ย.ที่ +0.2% mom เป็น 4.67 แสนยูนิต ทำระดับสูงสุดตั้งแต่ ก.ค.2551 ส่งผลให้ VIX Index ลดลง -2.5% dod เหลือ 16.11 จุด

SET INDEX กลับมายืนเหนือ 1,560 จุด
ตลาดในประเทศ
SET INDEX ยืนเหนือ 1,530 จุด: ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,540 จุด นำโดยหุ้นในกลุ่มธนาคารอย่าง SCB, BBL และ KBANK นอกจากนี้หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นบวกยังขยับขึ้นได้ต่อ ปิดตลาดดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,539.91 จุด เพิ่มขึ้น 7.19 จุด หรือ +0.47% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 4.88 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 2 ในรอบ 3 วัน: คิดเป็นมูลค่า 2.72 พันลบ. จากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิคิดเป็นมูลค่า 149 ลบ. ส่งผลให้ YTD เป็นขายสุทธิอยู่ที่ระดับ 1.73 หมื่นลบ.
นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน: คิดเป็นมูลค่า 1.99 พันลบ. จากวันก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิคิดเป็น 1.11 พันลบ. ส่งผลให้ YTD เป็นซื้อสุทธิอยู่ที่ระดับ 3.52 หมื่นลบ. นักลงทุนบริษัทหลักทรัพย์(Prop Trade) ซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วัน คิดเป็นมูลค่า 288 ลบ.
กลุ่มธนาคารนำตลาด:
1. กลุ่มขนส่ง +1.5%: BMCL +3.5%, AOT +3.1%
2. กลุ่มธนาคาร +0.9%: SCB +1.8%, BBL +1.8%, KBANK +1.3%
3. กลุ่มอสังหาฯ +0.9%: SIRI +3.0%, LPN +2.7%, SPALI +2.0%, QH +1.5%
4. กลุ่ม ICT +0.2%: TRUE +1.9%, SAMART +1.6%
5. กลุ่มพลังงาน +0.1%: DEMCO +3.8%, SPCG +2.0%, IRPC +1.2%

ภาวะราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX, BRENT และ DUBAI ปรับตัวลง
ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลง : ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย.2557 ปิดที่ US$81.01/barrel ลดลง US$1.08/barrel หรือ -1.32% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$82.09/barrel แต่เพิ่มขึ้นเช้านี้เป็น US$81.09/barrel จากปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบได้แก่
1. ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง จากแรงขายทำกำไรหลังปรับตัวขึ้นในวันก่อนหน้า
2. EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสิ้นสุดวันที่ 17 ต.ค. เพิ่มขึ้น 7.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาดการณ์ของตลาด
3. ความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคอิโบลาว่าอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
ราคาน้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวลง : ปิดที่ US$86.03/barrel ลดลง US$0.80/barrel หรือ -0.92% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$86.83/barrel
ราคาน้ำมันดิบ DUBAI ปรับตัวลง : ปิดที่ US$84.48/barrel ลดลง US$0.70/barrel หรือ -0.82% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$85.18/barrel

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
ราคาทองคำ COMEX ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย : ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2557 ปิดที่ US$1,231.80/ounce เพิ่มขึ้น US$2.70/ounce หรือ +0.22% จากวันก่อนหน้าที่ US$1,229.10/ounce ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจาก Dollar Index ที่อ่อนค่าลง และความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคอิโบลา

BDI ปรับตัวขึ้นวันที่ 5 ติดต่อกัน
BDI ปรับตัวขึ้นวันที่ 5 ติดต่อกัน : ปิดที่ 1,192 จุด เพิ่มขึ้น 37 จุด จากวันก่อนหน้าที่ 1,155 จุด
WTI Crack ปรับตัวขึ้น : ปิดที่ US$13.52/barrel เพิ่มขึ้น +1.13% dod

Soft Commodities ปรับตัวขึ้น ได้แก่ ยาง, ฝ้าย และน้ำตาล
ราคายางตลาด TOCOM ปรับตัวขึ้น : ราคายางตลาดญี่ปุ่น ปิดที่ 199.50 เยน / กิโลกรัม เพิ่มขึ้น +1.84% dod จากวันก่อนหน้าที่ 195.90 เยน / กิโลกรัม
ราคาฝ้าย ปรับตัวขึ้น : ราคาฝ้ายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ค ปิดที่ US$0.64/ปอนด์ เพิ่มขึ้น +1.22% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$0.63/ปอนด์
ราคาถั่วเหลืองตลาด CBOT ปรับตัวลง: ราคาถั่วเหลือง ตลาด CBOT ปิดที่ US$9.83/bushel ลดลง -1.7% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$10.00/bushel
ราคาน้ำตาล NYMEX ปรับตัวขึ้น : ราคาน้ำตาลตลาด NYMEX ปิดที่ US$16.38 เซนต์/ปอนด์ เพิ่มขึ้น +1.4% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$16.16 เซนต์/ปอนด์

ราคาถ่านหินล่วงปรับตัวขึ้น 2 ตลาด
ราคาถ่านหินล่วงหน้าปรับตัวขึ้น 2 ตลาด แต่ที่ Richard Bay ปรับตัวลง
1. ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Rotterdam ปิดที่ US$73.80/ตัน เพิ่มขึ้น +0.27% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$73.60/ตัน
2. ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Richard Bay ปิดที่ US$65.10/ตัน ลดลง -0.08% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$66.15/ตัน
3. ราคาถ่านหินล่วงหน้าตลาด Newcastle ปิดที่ US$65.55/ตัน เพิ่มขึ้น +0.15% dod จากวันก่อนหน้าที่ US$65.45/ตัน

การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนที่สำคัญ
ค่าเงินหลักแกว่งกรอบแคบ
ค่าเงินหลักแกว่งในกรอบแคบช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา: ดัชนีดอลลาร์วันศุกร์ที่ผ่านมาอ่อนค่าเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เพียง 0.18% dod ปิดที่ 85.681 จุด แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะออกมาดีกว่าคาดก็ตาม ทั้งนี้นักค้าเงินต่างรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 28-29 ต.ค.นี้
1. Yen/US$: ค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับ Yen108/US$ เป็นวันที่ 2 ปิดที่ Yen108.134/US$ แข็งค่าเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 0.12% dod ล่าสุดเช้านี้ ค่าเงินเยนแข็งค่าเล็กน้อย ซื้อขายที่ Yen108.090/US$
2. US$/Euro: เงินยูโรเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แตะ US$1.26/euro เป็นวันที่ 3 ปิดที่ US$1.2673/euro แข็งค่าเป็นวันที่ 2 อีก 0.19% dod ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเล็กน้อย ซื้อขายที่ US$1.2683/euro
3. US$/GBP: เงินปอนด์อังกฤษเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แตะระดับ US$1.60/GBP เป็นวันที่ 3 ปิดที่ US$1.6092/GBP แข็งค่าเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 0.37% dod ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงิน GBP ทรงตัว ซื้อขายที่ US$1.6093/GBP
4. THB/US$: ค่าเงินบาท on shore วานนี้ อ่อนค่าแตะระดับ 32.00 บาท/US$ เป็นวันที่ 34 ปิดที่ 32.39 บาท/US อ่อนค่าเป็นวันที่ 3 อีก 0.11% dod ล่าสุดเช้าวันนี้ ค่าเงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย ซื้อขายที่ 32.331 บาท/US$
(เวลา 7.38 น.)


Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!