WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์การลงทุน
     SET น่าจะยังยืนต่อไป หากเม็ดเงินที่ซื้อ LTF ยังมากกว่าแรงขาย LTF ที่ครบกำหนดในปี 2553 และต่างชาติยังมีลักษณะซื้อสลับขาย ยังแนะนำซื้อหุ้นรายตัวที่ราคาลงลึก PTTEP(FV@B170) และขายหุ้นแพง PTT(FV@354) และยังเลือก SCC(FV@B515) Top pick ธุรกิจสดใสทั้งปิโตรเคมีและวัสดุก่อสร้าง

เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง หนุน FED เดินหน้านโยบายที่เข้มงวดต่อไป
     สหรัฐ รายงาน GDP Growth งวด 3Q57 ครั้งที่แรก อยู่ที่ 2.3%yoy ดีกว่าตลาดคาด (จาก 1.9%yoy ในงวด 1Q57 และ 2.6% ในงวด 2Q57) มาจากการใช้จ่ายภาครัฐเป็นหลัก ขณะที่การบริโภคภาครัวเรือน (70% ของ GDP) ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลง 1.8% (จาก 2.5% ในงวดก่อนหน้า) ดังนั้นในงวด 4Q57 คาดว่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 2%yoy หากอ้างอิงประมาณการ GDP Growth ของ IMF ที่คาดไว้ 2.2% ซึ่งมีแนวโน้มเป็นไปได้สูง เนื่องจากค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีแนวโน้มคึกคักในช่วงปลายปี
      และเช่นเดียวกับการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน ที่ล่าสุดแม้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ จะเพิ่มขึ้น 3,000 ราย อยู่ที่ระดับ 287,000 ราย แต่เฉลี่ย 4 สัปดาห์ ปรับลดลง 250 ราย อยู่ที่ 281,000 ราย (ต่ำสุดตั้งแต่ พ.ค. 2543) ซึ่งเป็นการสะท้อนการฟื้นตัวของตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นเป็นระดับสูงสุดมากกว่า 7 ปี ซึ่งเป็นการตอกย้ำแนวทาง FED ที่จะใช้มาตรการเข้มงวดทางการเงิน สะท้อนจากการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด 28-29 ต.ค. ได้ตัดลด QE ทั้งหมด และคาดว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยฯ จากระดับต่ำ 0-0.25% เป็นครั้งแรก ราว 2Q58 หากตลาดแรงงานยังมีพัฒนาเชิงบวกเหมือนที่ผ่านมา
      ยุโรป แม้ยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ย. กระเตื้องขึ้นเล็กน้อยราว 0.8% จากเดือนก่อนหน้า (เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน) เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตฯ เพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 3 เดือน สอดคล้องกับดัชนี PMI ภาคการผลิต ปรับเพิ่มขึ้น 0.8% จากเดือนก่อนหน้า
      อย่างไรก็ตาม หากดูเป็นรายประเทศยังมีความผันผวน โดยเฉพาะ เยอรมัน (ประเทศขนาดใหญ่สุดในยุโรป) ล่าสุด รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน เดือน ก.ย. ลดลง 22,000 ราย (สวนกับที่คาด และต่ำสุดในรอบ 6 เดือน) ทำให้อัตราการว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 6.7% สวนทางกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ ลดลงเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และความเชื่อมั่นนักลงทุน ลดลงเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเบื้องต้น เดือน ต.ค. ชะลอตัวที่ระดับ 0.7% จาก 0.8% ในเดือนก่อนหน้า และเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน พ.ค. ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากมาตรการคว่ำบาตรทางการค้า ระหว่างยุโรป และรัสเซีย ซึ่งกระทบต่อภาคส่งออกของเยอรมันเป็นอย่างมาก (รัสเซียเป็นคู่ค้าลำดับ 11 ของเยอรมัน และเป็นประเทศนำเข้าใหญ่อันดับ 3 ของเยอรมัน) โดยพบว่าเดือน ส.ค. ยอดส่งออก ติดลบ 26.3%yoy และ 9M57 ติดลบ 16.6%yoy เทียบกับปี 2553-2555 ยอดส่งออกไปรัสเซียพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะปี 2554 สูงถึง 30.8%yoy
อย่างไรก็ตาด คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก ECB ไม่ว่าจะเป็น มาตรการ TLTROs ที่ได้ใช้ไปแล้วก่อนหน้า ตามมาด้วยการเข้าซื้อ covered bonds ในประเทศ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และกำลังจะเข้าซื้อ ABS ในประเทศ โปรตุเกส และกรีซ จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจยุโรป ให้ผ่อนคลายจากภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ 0.3% ซึ่งคงต้องติดตามว่า ECB จะมีมาตรการและวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจใดเพิ่มเติมหรือไม่ ในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 6 พ.ย.

แรงซื้อต่างชาติเริ่มชะลอตัว แต่สถาบันยังซื้อต่อเนื่อง
     วานนี้ นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 แต่ลดลงถึง 67% จากวันก่อนหน้า เหลือเพียงราว 194 ล้านเหรียญฯ (เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว จากวันก่อนหน้า) ซื้อสุทธิสูงสุดยังคงเป็นไต้หวัน ที่ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ราว 208 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 35% จากวันก่อนหน้า) เช่นเดียวกับอินโดนีเซียที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 แต่ยอดซื้อลดลงถึง 87% เหลือราว 21 ล้านเหรียญฯ และไทย ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 แต่ลดลง 87% เช่นกัน เหลือราว 4 ล้านเหรียญฯ (132 ล้านบาท) สวนทางกับเกาหลีใต้ที่สลับมาขายสุทธิอีกครั้ง ราว 37 ล้านเหรียญฯ (ซื้อสลับขาย 4 วันหลังสุด) และสุดท้ายคือฟิลิปปินส์ขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ราว 2 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 48% จากวันก่อนหน้า)
      วานนี้ แรงซื้อจากต่างชาติเริ่มชะลอตัวลงหลังจากที่เข้าซื้ออย่างหนัก 2 วันก่อนหน้า โดยลดลงอย่างชัดเจนในกลุ่มประเทศ TIP โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ที่ยังถูกขายสุทธิต่อเนื่อง ขณะที่ไทยแม้ว่าต่างชาติจะกลับมาซื้อสุทธิ 2 วันติดต่อกัน แต่ยอดซื้อยังคงเบาบาง ส่วนทางฝั่งสถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 แต่ลดลงเหลือราว 574 ล้านบาท ในระยะสั้นอาจมีการพักการซื้อ หลังจากที่นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ 7 ต.ค. 57 รวม 1.8 หมื่นล้านบาท แต่ในระยะยาวเชื่อว่ายังจะมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องจากนักลงทุนกลุ่มนี้จากกองทุน LTF จนถึงสิ้นปี

LTF ยังช่วยประคอง SET หากไม่ถูกฝรั่งขายตัดหน้า
       จากสถิติย้อนหลัง 4 ปี พบว่ามีแรงซื้อจากกองทุน LTF เฉลี่ย 4.05 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่ล่าสุด คือ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้จะพบว่ามียอดซื้อ 9,705 ล้านบาท (ราคาทุนประมาณ 50%) แสดงว่าที่เหลือในช่วง 4 เดือนหลังน่าจะมียอดซื้อสุทธิราว 34,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาทางด้านยอดขาย LTF ที่ครบกำหนด 5 ปีปฏิทิน สำหรับผู้ที่ซื้อในปี 2553 จะสามารถขายได้ในปี 2557 เป็นเงิน 37,134 ล้านบาท ตามราคาทุนในปี 2553 ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูล 8 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ามีแรงขายแล้วราว 5,015 ล้านบาท ในราคาตลาด อย่างไรก็ตามจากตรวจสอบข้อมูลทางด้านแรงขาย LTF ในปี 2555 และ 2556 พบว่าจะมีการขายออกราว 48% และ 25% ของราคาทุนที่ซื้อใน 5 ปีปฏิทินก่อนหน้า
      ทั้งนี้ หากตั้งสมมติฐานว่าในปี 2557 จะมีแรงขาย LTF ระหว่าง 40-50% ของราคาทุน เนื่องจากแนวทางการต่ออายุกองทุน LTF ดูเหมือนจะมีความไม่แน่นอนสูง คาดว่าจะมีเม็ดเงินตามราคาตลาดราว 10,000-15,000 บาท ซึ่งน่าจะมาหักล้างเม็ดเงินใหม่ที่ซื้อ LTF ในปีนี้ดังกล่าวข้างต้น โดยรวม (เมื่อคำนวณยอดซื้อ LTF ใหม่ และเก่าสุทธิ) แล้วน่าจะทำให้มีเม็ดเงินใหม่กระตุ้นตลาดราว 10,000 ล้านบาท ภายใต้สมมติฐาน โดยกำหนดให้ต่างชาติ ซื้อ–สลับขายในช่วงที่เหลือของนี้ และมียอดซื้อ-ขายสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งคาดว่าจะหนุน SET index ให้เพิ่มขึ้นได้ราว 35-40 จุด
     แต่อย่างไรก็ตาม หากมองโลกในแง่ร้าย โดยให้ต่างชาติขายสุทธิระหว่าง 5,000-15,000 ล้านบาท ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะไปหักล้างยอดซื้อสุทธิของกอง LTF ข้างต้นลดลงต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำให้ SET index สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ไม่เกิน 25-30 จุด
      โดยสรุปแม้จะมีแรงซื้อ LTF ใหม่ในปี 2557 แต่อาจจะถูกแรงฉุด จากแรงขาย LTF ที่ครบกำหนด 5 ปีปฏิทิน ซึ่งได้ซื้อในปี 2553 หรือ ในปีก่อน ๆ ที่ยังมิได้นำออกมา ซึ่งหากกำหนดให้ขายตั้งแต่ 50% ของยอดเงินที่ซื้อในปี 2553 น่าจะหักล้างเม็ดเงินก้อนใหม่ที่ซื้อในปีนี้ ทั้งนี้ยังมิได้คำนึงถึงยอดซื้อ-ขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่คาดว่ายังมีการซื้อสลับขายอยู่ โดยหากต่างชาติแสดงยอดขายสุทธิสูงกว่าคาด ก็น่าจะกดดันให้ SET ปรับฐานลงมาที่ 1,520 จุดอีกครั้งได้ ติดตามรายละเอียดอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
กษิดิ์เดช รัตนสมบูรณ์
มาราพร กี้วิริยะกุล

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!