WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ 1,590 +/-
     ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปิดบวกเป็นวันที่ 7 อีก 18.81 จุด มาอยู่ที่ 1,584.16 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,565 ล้านบาท ดีกว่าคาด เพราะ BoJ ประกาศเพิ่มวงเงินอัดฉีดสภาพคล่อง
      กระแสเงินทุนต่างชาติยังเป็นกลางในความเห็นของเรา นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 86 ล้านบาท คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 6 อีก 9,564 สัญญา คาดปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง แต่กลับมาขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เพียง 524 ล้านบาท
      บรรยากาศการลงทุนวันนี้ เราคงให้น้ำหนัก “กลางถึงบวก” ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เพื่อรอผลการประชุม ECB ในวันที่ 6 พ.ย. SET INDEX มีโอกาส Sideways-to-Sideways-up ทดสอบ 1,595-1,600 จุด ก่อนวันดังกล่าว จับตาหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มธนาคาร และกลุ่ม ICT น่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างประเทศ และกองทุนภายในประเทศ อีกทั้งเม็ดเงินใหม่จากการปิดขาย IPO กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ของ UOBAM วันศุกร์ที่ผ่านมา และวันนี้ของ MFC จะช่วยปิดความเสี่ยงของ SET INDEX ในรอบสั้นนี้
      ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย. ธปท.รายงานสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการบริโภคภายในประเทศ แม้ว่าจะเป็นระดับอ่อนๆ ก็ตาม แต่เม็ดเงินจากการช่วยเหลือชาวนาเริ่มทยอยจ่ายในกลางเดือนต.ค. และชาวสวนยางในเดือนนี้ จะเป็นอีกปัจจัยเชิงบวกที่ช่วยผลักดันการใช้จ่ายภายในประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้
กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำ “นักลงทุนรอขายทำกำไรบริเวณ 1,590-1,600 จุดในระลอกนี้” หรือ “เข้าเก็งกำไรในหุ้น Laggard ที่ขึ้นมาช้ากว่ากลุ่มเป็นทางเลือกในรอบสั้นนี้”


กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” BTS/ KTB
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEUATY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: BTS/ KTB

Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดทะลุ 1,580 จุดจากอานิสงค์ของ BoJ

SET INDEX วันนี้แกว่งกรอบแคบ ด่าน1,595-1,600 จุด ยังไม่น่าผ่านในวันนี้
หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง อย่าง BEAUTY / IFEC / LPN / TTA / VGI ยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจ หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
       กลยุทธ์การลงทุน เริ่มทยอยขายทำกำไรอีกครั้ง หรือ ปรับพอร์ตเข้าหาหุ้น Laggard ตลาดหุ้นเอเชียทั่วเอเชียวันศุกร์ปิดบวกทุกตลาด นำโดย Nikkei +4.83% หลัง BoJ เพิ่มเป้าหมายการขยายฐานเงินเป็น Yen80 ล้านล้าน/ปี จากเดิม Yen60-70 ล้านล้าน/ปี
ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX เปิดบวกขึ้นไปแกว่งบริเวณ 1,570 จุด +/- ผลักดันโดย ADVANC / AOT และหุ้นขนาดกลาง แต่เมื่อข่าวการประชุม BoJ ที่ขยายฐานปริมาณเงิน เข้ามายังตลาด กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ SET INDEX ขยับขึ้นไปแกว่ง 1,575 จุด +/- ทันที ผลักดันโดยหุ้น Big Cap เช่น PTT / SCC/ BBL/ KTB เป็นต้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,584.16 จุด บวกเป็นวันที่ 7 อีก 18.81 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,565 ล้านบาท
      กลุ่มที่ปิดบวกดีสุด ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +1.20%, กลุ่มพลังงาน +1.88% และกลุ่ม ICT +1.73% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร +1.46%, กลุ่มอสังหาฯ +0.92% และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง +1.62%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
      ตลาดหุ้นเอเชีย (7.34 น.) เช้านี้ Nikkei ปิดทำการ ส่วน Kospi เปิดลบเล็กน้อย แม้ว่า DJIA จะปิดบวกเด่นคืนวันศุกร์ เป็นผลจากมาตรการ QE ของ BoJ ซึ่งตลาดเอเชียรับรู้ไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์
เราคงมุมมองต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็ฯ “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 5 แม้ว่า BoJ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการขยายฐานปริมาณเงินเป็น Yen80 ล้านล้าน/ปี เหนือความคาดหมายของนักลงทุนทั่วโลกก็ตาม แต่ปัจจัยบวกดังกล่าวสะท้อนกลับมายัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,580 จุดในวันศุกร์ ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติไม่ชัดเจนในการลงทุนตลาดหุ้นไทย
      อย่างไรก็ตาม เราคาด SET INDEX มีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,580-1,600 จุด ในสัปดาห์นี้ ด้วยแรงผลักดันสำคัญได้แก่


      •การประชุม ECB ในวันที่ 6 พ.ย. ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจในเยอรมัน และภาพรวมในอียู ส่งสัญญาณสูญเสียโมเมนตัม การเติบโต อย่างเห็นได้ชัด อาจทำให้ ECB ต้องตัดสินใจเพิ่มมาตรการเข้ากระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและนอก กลุ่มอียู
•เม็ดเงินใหม่จากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ คาดว่าจะเริ่มทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันนี้
oUBOAM 3+3 #9 ทริกเกอร์ฟันด์ วงเงิน 3.0 พันล้านบาท ปิดการขาย IPO วันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา
oMFC กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นยุโรป สิ้นสุดการขาย IPO วันนี้ วงเงิน 2.0 พันล้านบาท
•การเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานใน 3Q57 ของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย ต่อเนื่องจนถึงกลางเดือนพ.ย.
เมื่อ SET INDEX ขยับขึ้นสู่กรอบเป้าหมายระยะสั้น 1,580-1,600 จุด เราแนะนำ “นักลงทุนเริ่มทยอยขายทำกำไรอีกครั้งบริเวณ 1,590-1,600 จุด เพียงบางส่วน” หรือ “ปรับพอร์ตเข้าหาหุ้น Laggard ของกลุ่มเป็นทางเลือก”
      ทั้งนี้หากเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ เราแนะนำ “เข้าเก็งกำไรหุ้น Big Cap ในกลุ่ม ธนาคาร (KBANK / KTB), กลุ่ม ICT (ADVANC / TRUE), กลุ่มอสังหาฯ (SPALI / LPN) เป็นต้น

 

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.เศรษฐกิจไทยเดือนก.ย.ฟื้นตัวอ่อนๆ: ทั้งนี้ประเด็นสำคัญคือ
•ดัชนีภาคการบริโภค เริ่มฟื้นตัว 1.20% yoy จากเดือนส.ค. -0.80% yoy หรือ เพิ่มขึ้น 1.00% mom จากเดือนส.ค. -0.40% mom เป็นการเพิ่มขึ้นในสินค้าไม่คงทน เช่นอาหาร และเครื่องดื่ม
•ส่วนดัชนีการลงทุนภาคเอกชน ดีขึ้นเล็กน้อยจาก -5.60% yoy ในเดือนส.ค. เป็น -5.00% yoy ในเดือนก.ย. หรือ 0.10% mom จากเดือนส.ค. -1.30% mom การลงทุนภาคการก่อสร้าง และอุปกรณ์เครื่องจักร ทรงตัว
MBKET มีความเห็นเป็นกลางถึงบวกต่อการฟื้นตัวในภาคการบริโภคภายในประเทศ แม้ว่าจะเป็นไปอย่างล่าช้า และระดับต่ำก็ตาม แต่สัญญาณดังกล่าว บวกกับมาตรการช่วยเหลือชาวนา และ ชาวสวนยางในเดือนต.ค. – พ.ย. นี้จะช่วยให้การใช้จ่ายรากหญ้าดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ของกระทรวงการคลัง คาดว่าจะเริ่มเห็นแนวทางในเดือนพ.ย. เพื่อเร่งพิจารณาและออกดำเนินการในปลายปีนี้เป็นอย่างเร็ว หรือต้นปีหน้าเป็นอย่างช้า
2.ติดตามอัตราเงินเฟ้อไทยวันนี้: Bloomberg consensus คาด 1.60% yoy ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.75% yoy เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลง
MBKET เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 2.00% yoy จะทำให้ การประชุม กนง.วันที่ 5 พ.ย.นี้ พิจารณาคงอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่ 2.0% ต่อไป เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
3.ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้
4.ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจจีน เช้านี้
•ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค.
•ดัชนี HSBC ภาคการผลิตเดือนต.ค. ตลาดคาด 50.4 จุด เท่ากับเดือนก่อนหน้า

 

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.28 13.95 16.06 13.75
PSE 20.96 17.51 20.14 17.40
JSE 16.51 14.11 16.50 14.08
KOSP
12.58 10.51 12.48 10.47
TAIEX 14.17 12.99 14.06 12.89
Straits Time 14.30 13.24 14.19 13.09
SHCOMP 9.79 8.71 9.63 8.58
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.KTB : ราคาปิด 23.30 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะได้อานิสงค์บวกจากเงินทุนที่ไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง หลังธนาคารญี่ปุ่นขยายวงเงิน QE จาก 60-70 ล้านล้านเยนต่อปี เป็น 80 ล้านล้านเยนต่อปี และเป็น Positive Surprise ให้กับตลาด
b)ทิศทางสินเชื่อ 4Q57 จะเติบโตสูง และคาดว่าจะทำใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีของผู้บริหารที่ 6-8% (9M57 เติบโต +6.3% YTD) จากแรงหนุนของการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
c)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.3 เท่า ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK 1.9x, SCB 1.9x และ BAY 2.0x
d)ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.3% และโดดเด่นกว่าธนาคารใหญ่ในกลุ่มเนื่องจาก KTB จ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง ขณะที่ธนาคารใหญ่ที่เหลือได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1H57 แล้วส่วนนึง
2.BTS : ราคาปิด 10.30 บาท ราคาเหมาะสม 12.10 บาท
a)ราคาหุ้นมีแนวโน้มตอบรับเชิงบวกความความคืบหน้าในการเจรจาระหว่าง BTS – กทม – รฟม.เพื่อเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต) และสีเขียวใต้ (แบริ่ง – สมุทรปราการ) โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 2557
b)MBKET มีมุมมองบวกต่อความคืบหน้าดังกล่าว เนื่องจากวิธีการเจรจาจะช่วยร่นระยะเวลาเมื่อเทียบกับการเปิดประมูลแบบปกติ และเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่ BTS จะได้เป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าใน 2 เส้นทางดังกล่าว เนื่องจากเป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายปัจจุบันของบริษัท ดังนั้น การให้ BTS บริหารการเดินรถจะส่งผลให้มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนสูงสุด
c)คาด BTS จะบันทึกกำไรพิเศษในการขายที่ดินให้กับ JV ระหว่าง BTS – SIRI ในรอบบัญชี 3Q57/58 และอีกระลอกในรอบบัญชี 4Q57/58 จากการขายเงินลงทุนใน BTS Asset Management และก้ามกุ้งให้กับ NPARK ซึ่งเป็น Upside ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการกำไรของเรา
d)ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีสูงถึงปีละ 7% และธุรกิจเดินรถไฟฟ้ามีความมั่นคงและเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว

What will DJIA move tonight? ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต, ดัชนี ISM ภาคการผลิต, รายจ่ายภาคการก่อสร้าง

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก US$317 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$200 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 272.2 208.3 11,196.5 9,188.0
KOSPI n.a -36.6 6,093.7 4,875.1
JSE 27.0 21.1 3,966.3 -1,806.4
PSE 15.5 -2.4 783.0 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม 5.2 5.3 172.3 263.2
SET INDEX -2.6 4.1 -585.1 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
ติดตามการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures อย่างต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -86 +132
SET50 Index Futures (สัญญา) +9,564 +5967
SSF (สัญญา) +74 +187
Metal Futures (สัญญา) -1,236 -1,223
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -524 +1,275

นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เพียง 86 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า 1,112 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเท่ากับ 20,745 ล้านบาท แม้ว่า BoJ ออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มเติมก็ตาม
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 6 มากถึง 9,564 สัญญา รวม 6 วันทำการ Long สุทธิ 39,246 สัญญา น่าจะยังคงเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index อีกครั้ง 1.68 จุด เทียบกับวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 2.37 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ แต่ก็เพียง 524 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 8,223 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทย เพิ่มขึ้น อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 2.04bps ปิดที่ 3.241%

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือเพียง 195 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 405 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
TRUE 39.37 2.06% 11.53
PTT 27.70 2.19% 363.05
SIRI 20.28 8.85% 2.03
SCB 14.12 0.95% 176.50
ITD 13.97 2.35% 5.75

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 3 เน้น NOK / SCC
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิมากถึง 1,772 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 3,561 ล้านบาท เมื่อ BoJ ออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มเติม ผลักดันให้หุ้นหลักเป็นเป้าหมายของการสะสม NVDR ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มขนส่งถูกซื้อสุทธิสูงสุด 720 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 435 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 77 ล้านบาท กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 389 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 93 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 92 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ถูกขายสุทธิสูงสุด 202 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
NOK 511.91 48.54 PTTGC -205.89 25.44
SCC 368.68 33.82 PTTEP -138.55 15.43
AOT 219.37 21.59 TOP -86.23 15.63
SCB 190.07 8.37 TRUE -64.88 2.95
KTB 148.64 13.46 SPALI -59.26 19.11

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!