WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์การลงทุน
      LTF ยังคงทำงานและประคองดัชนีต่อ แต่อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ยังแนะนำหุ้นรายตัว พื้นฐานเด่น P/E ต่ำ และเงินปันผลสูง ยังชื่นชอบ SCC(FV@B515) ส่วนหุ้น Top picks เลือกหุ้น SPALI(FV@B27.35) และ DEMCO(FV@B18) ที่คาดว่าจะเข้า SET50-SET100 ในรอบ 1H58

แนะนำ SPALI/DEMCO มีโอกาสเข้า SET50 - SET100
       ฝ่ายวิจัยคาดการณ์รายชื่อหุ้นเข้า-ออกใน SET50 และ SET100 รอบ 1H58 (เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2558) เบื้องต้น มีดังนี้
   หุ้นที่คาดว่าน่าจะถูกคัดเลือกเข้า SET50 มี 4 บริษัท ได้แก่ CK, HEMRAJ, KTIS และ SPALI ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดออกจาก SET50 ได้แก่ BAY, KKP, GLOBAL และ THCOM
หุ้นที่คาดว่าน่าจะถูกคัดเลือกเข้า SET100 มี 12 บริษัท คือ KTIS, HANA, ICHI, SAWAD, SIM, GOLD, ANAN, MAX, CGD, SGP, SAPPE และ DEMCO ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดออกจาก SET100 คือ BAY, DCC, ESSO, LOXLEY, MCOT, NOK, NYT, RS, SRICHA, STA, TASCO และ THRE
   ทั้งนี้ จากการศึกษาข้อมูลในอดีตพบว่า หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้า SET50-SET100 ราคามักจะปรับตัวขึ้นตอบรับเชิงบวกต่อการประกาศดังกล่าว โดยเฉพาะในช่วง 1-1.5 เดือน ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ สวนทางกับหุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดออกที่ราคาหุ้นมักจะปรับตัวลง (รายชื่อหุ้นบางตัวที่เข้า-ออกอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เนื่องจากข้อมูลยังไม่สมบูรณ์ เพราะใช้ข้อมูลถึงวันที่ 31 ต.ค. 2557 เท่านั้น) โดยฝ่ายวิจัยแนะนำทยอยสะสมหุ้นเป็นรายตัว ดังนี้
   หุ้นที่คาดว่าน่าจะถูกคัดเลือกเข้า SET50 เลือก SPALI (FV@B27.35) คาดการณ์กำไรงวด 3Q57 โดดเด่นจากยอด Presale และรายได้เติบโตก้าวกระโดด ก่อนทำจุดสูงสุดในงวด 4Q57 จากการส่งมอบคอนโดฯ เพิ่มอีก 3 โครงการใหม่ สำหรับ Fair Value ปี 2558 ขยับขึ้นเป็น 31.96 บาท มี upside 22.9%
   หุ้นที่คาดว่าน่าจะถูกคัดเลือกเข้า SET100 เลือก DEMCO(FV@B18) ได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์เพิ่มขึ้นอีก 800 MW ทั้งยังมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้า ผลักดันกำไรเติบโตโดดเด่นในปี 2558-59 สำหรับ Fair Value ปี 2558 อยู่ที่ 21 บาท มี upside 29.6% (ติดตามอ่านรายงาน QA ฉบับเต็ม ภายในสัปดาห์นี้)

LTF ยังทำงานต่อไป ขณะที่ต่างชาติยังขายต่อแม้แผ่วเบาลง
วานนี้แม้ว่านักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคติดต่อกันเป็นวันที่ 6 แต่ยอดซื้อกลับลดลง 53% จากวันก่อนหน้า เหลือราว 277 ล้านเหรียญฯ โดยยอดซื้อส่วนใหญ่มาจากไต้หวันที่ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ราว 264 ล้านเหรียญฯ (ลดลงเล็กน้อยราว 3%) ส่วนประเทศอื่นๆ มีการซื้อสลับขายเบาบาง กล่าวคือ อินโดนีเซียซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ราว 19 ล้านเหรียญฯ (ลดลง 31% จากวันก่อนหน้า) ส่วนเกาหลีใต้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 แต่ยอดซื้อลดลงถึง 99% เหลือเพียงราว 3 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น สวนทางกับฟิลิปปินส์ที่สลับมาขายสุทธิอีกครั้ง ราว 6 ล้านเหรียญฯ (ขายสุทธิ 5 จาก 6 วันหลังสุด) และไทย ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 ราว 3 ล้านเหรียญฯ (108 ล้านบาท, เพิ่มขึ้น 25% จากวันก่อนหน้า)
ทั้งนี้แม้ว่านักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. 57 รวมกว่า 1.85 หมื่นล้านบาท แต่ยอดขายสุทธิกลับมีแนวโน้มเบาบางลง ขณะที่แรงซื้อจากทางฝั่งสถาบันในประเทศยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยที่วานนี้ซื้อสุทธิอีก 4.3 พันล้านบาท เป็นยอดสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี และ เป็นการซื้อสุทธิ 16 จาก 19 วันหลังสุด รวม 2.3 หมื่นล้านบาท แต่ยังเชื่อว่าแรงซื้อจากกองทุน LTF จะยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องและพยุงดัชนีหุ้นไทยให้อยู่ในระดับสูงต่อไป

เงินเฟ้อต่ำทั่วโลกหนุนดอกเบี้ยต่ำถึงสิ้นปี 2557
      เงินเฟ้อไทยต่ำกว่าคาด วานนี้กระทรวงพาณิชย์ รายงาน เงินเฟ้อทั่วไปเดือน ต.ค. อยู่ที่ 1.48%yoy ต่ำกว่าตลาดคาด และเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ทั้งนี้เป็นผลจากการชะลอตัวของอาหาร (หมวดอาหารสด จากอุปทานในตลาดที่เพิ่มขึ้น) และมิใช่อาหาร เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงกว่า 25% จากระดับสูงสุดในปลาย 2Q57 โดยรวมได้กดดันให้เงินเฟ้อทั่วไป 10M57 (ม.ค.-ต.ค.) อยู่ที่ 2.08%yoy ( เงินเฟ้อพื้นฐาน เดือน ต.ค. อยู่ที่ 1.57%yoy และ 10M57 (ม.ค.-ต.ค.) อยู่ที่ 1.67%yoy) ต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่คาดไว้ 2.14% (ตามกรอบ 2-2.8%) เล็กน้อย
       โดยสรุป การชะลอตัวของเงินเฟ้อ น่าจะเป็นเหตุผลให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำ 2% ต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2557 ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 5 พ.ย. นี้ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับในปี 2558 คาดว่า กนง. น่าจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วง 2H58 ภายใต้สมมติฐานที่ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะปกติ โดยน่าจะเติบโตราว 3.5% ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากปี 2557 ที่คาดว่าจะเติบโต 1.5% (โดยคาดว่าในงวด 2H57 จะเติบโต 3 % เทียบกับ ติดลบ 0.1 % ในงวด 1H57)
      ฝั่งยุโรปมีแนวโน้มใช้ดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่องเช่นกัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั้งภูมิภาค ล่าสุดพบว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือน ต.ค. อยู่ที่ระดับ 50.6 ใกล้เคียงกับเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ขณะที่เงินเฟ้อลดลงสู่ระดับต่ำที่ 0.3% ทำให้นักเศรษฐศาสตร์บลูมเบิร์กมีการคาดการณ์กันว่า ยุโรปตะวันออกน่าจะได้รับอิทธิพลจากการใช้นโยบายผ่อนคลายของยุโรปตะวันตกเช่นกัน โดยประเทศในยุโรปตะวันออกที่คาดว่าจะทยอยปรับลดดอกเบี้ยฯ ได้แก่ โรมาเนีย ลดลง 0.25% เหลือ 2.75% โปแลนด์ ลด 0.25% เหลือ 1.75% (จะมีการประชุมธนาคารกลางของแต่ละประเทศในวันนี้ และพรุ่งนี้ตามลำดับ) ยกเว้น เชค น่าจะคงดอกเบี้ยฯ ต่ำ 0.05% ต่อไป
       โดยสรุปแล้ว การใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายในกลุ่มสหภาพยุโรปยังถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว โดยคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเข้าซื้อ covered bonds เพิ่มเติม หลังจากเข้าซื้อใน 3 ประเทศหลักคือ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และแผนเข้าซื้อ ABS ในประเทศ โปรตุเกส และกรีซ ที่กำหนดไว้ในงวด 4Q57 ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความชัดเจในการประชุม วันที่ 6 พ.ย. นี้ ซึ่งคงต้องติดตามต่อไปว่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดเหมือนกับที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นหรือไม่

งบงวด 3Q57 ทยอยประกาศน่าจะกดดันตลาดลดลง
        ในช่วงเวลาที่เหลือจนถึงกลางเดือน พ.ย. คาดว่าการประกาศงบงวด 3Q57 ยังคงมีอยู่ต่อไป แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าได้สะท้อนในราคาหุ้นแล้ว ตั้งแต่ที่นักวิเคราะห์ได้มีการออกรายงานประมาณการงบการเงินงวด 3Q57 (Preview Earnings) และภายหลังการประกาศงบงวดนี้ นักวิเคราะห์ ASP จะหันไปใช้ Fair value ปี 2558 ซึ่งทำให้ราคาตลาดของหุ้นรายตัวกลับมี upside เพิ่มขึ้นเช่น วันนี้ ADVANC หลังใช้ Fair Value ปี 2558 ทำให้มี upside 20% จึงยังแนะนำซื้อ และเช่นเดียวกับ TOP เมื่อหันไปใช้ Fair Value ปี 2558 พบว่ามี upside 14% แต่นักวิเคราะห์ ASP ยังแนะนำถือ เป็นเพราะผลประกอบการที่ย่ำแย่ในงวด 4Q57 น่าจะอยู่ในระดับคุ้มทุนหรืออาจจะกำไรเล็กน้อย ซึ่งด้อยกว่าผู้ประกอบการอื่นๆ ในกลุ่ม รายละเอียดดังนี้
   ADVANC (FV@B285) รายงานงบงวด 3Q57 เพิ่มขึ้น 5.7%qoq (+7.4%yoy) จากต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลงจากการเร่งโอนลูกค้าไป 3G รวมทั้งค่าใช้จ่ายโฆษณาที่ลดลง สำหรับงวด 4Q57 คาดว่ากำไรจะดีขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล และลูกค้า 3G สิ้นปีจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 90% ของลูกค้า รวมทั้งต้นทุนส่วนแบ่งรายได้เหลือเพียง 5% ของรายได้ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงประมาณการ โดยคาดว่ากำไรปีนี้จะทรงตัว และกลับมาเติบโต 15% ในปีหน้า มูลค่าพื้นฐานปี 2558 อยู่ที่ 285 บาท ยังมี Upside สูงถึง 20% และ Div Yield เฉลี่ยสูงถึงปีละ 5% - 6% คงคำแนะนำ ซื้อ
TOP (FV@B52) รายงานงบงวด 3Q57 ขาดทุนใกล้เคียงคาดที่ 2.2 พันล้านบาท พลิกจากกำไรในงวด 2Q57 ที่ 2.1 พันล้านบาท เป็นผลจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันกว่า 3.6 พันล้านบาท รวมทั้งอัตราการเดินเครื่องโรงกลั่นและโรงงานอะโรเมติกส์ที่ลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ หักล้างผลบวกจากค่าการกลั่นตลาดฯ และ Spread ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่งวด 4Q57 คาดว่าจะกลับเป็นกำไรสุทธิอีกครั้ง หลังจากโรงกลั่นกลับมาเดินเครื่องผลิตเต็มกำลัง และผลขาดทุนสต็อกน้ำมันลดลง รวมทั้งค่าการกลั่นที่ปรับเพิ่มขึ้นตามช่วงฤดูหนาว ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงประมาณการเดิม โดยปี 2557คาดว่ากำไรจะลดลง 69.4%yoy แต่จะพลิกกลับมาเติบโตในปี 2558 ราว 121.2%yoy จึงยังคงคำแนะนำ ถือ มูลค่าเหมาะสมปี 2558 อยู่ที่ 52 บาท

ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
กษิดิ์เดช รัตนสมบูรณ์
มาราพร กี้วิริยะกุล 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!