- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 05 November 2014 15:39
- Hits: 2087
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
มุมมองตลาด
แม้ภาวะตลาดหุ้นไทยจะเริ่มทรงตัวและปรับฐาน อย่างไรก็ตามเรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มตลาดในสัปดาห์นี้ หนุนโดยการประกาศมาตรการของ ECB และ BOJ ในด้านสภาพคล่อง ขณะที่สภาพคล่องที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยจากกองทุน LTF และ RMF น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นไปจนกระทั่งสิ้นปี เรายังมองว่าหุ้นมีอัตราผลตอบแทนที่สูง และ จูงใจกว่าการฝากเงินในธนาคารหรือการถือครองพันธบัตร และตราสารหนี้บริษัท ดังนั้นสัปดาห์นี้เราคาดว่าดัชนีฯจะยังคงรักษาระดับการแกว่งตัวบนทิศทางขาขึ้นได้ด้วยเหตุผล
1.ธนาคารกลางยูโรโซนและญี่ปุ่นยืนยันการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
2.กระแสเงินลงทุนไหลกลับสู่สินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกันและยังมีแนวโน้มของการปรับตัวขึ้นต่อ
3.ตลาดหุ้นไทยปรับตัว หนุนจากกลุ่มการเงิน กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กลุ่มก่อสร้างและรับเหมา กลุ่มขนส่ง กลุ่มอาหาร และกลุ่มพลังงาน ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดหุ้นที่กระจายตัวได้ดี
4.ตลาดหุ้นไทยส่งสัญญาณบวกจากการเรียงตัวเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 50 และ 75 วัน Golden Cross
5.สภาพคล่องจากกองทุน LTF และ RMF ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้นในช่วงปลายปี
แนวทางการลงทุน: แนวโน้มตลาดมองการพักตัวบนแนวโน้มขาขึ้น แนวรับ 1576 / แนวต้าน 1600 จุด
ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
รายงานวันนี้
หุ้น: IRPC คำแนะนำ: ขาย ราคาเป้าหมาย (บาท): 3.26
IRPC รายงานผลกำไรสูงกว่าจุดคุ้มทุนเล็กน้อยที่ 22 ล้านบาทสำหรับไตรมาส 3/57 สูงกว่าคาดการณ์ของเราและตลาดซึ่งคาดว่าจะขาดทุนราว 300-600 ล้านบาท
ประเด็นหลักในไตรมาส 3/57 ได้แก่การรับรู้กำไรจำนวนมากที่ 2 พันล้านบาท ซึ่งโดยหลักมาจากการค่าสินไหมทดแทนจากประกันและการกลับรายการหนี้สงสัยจะสูญ
เรายังคงมีมุมมองเชิงลบต่อกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาส 4/57 เนื่องจากเราไม่คิดว่าบริษัทจะมีการรับรู้รายได้พิเศษทั้งหมดที่ 3.1 ล้านบาทดังเช่นในไตรมาส 3/57 อีก
เราคิดว่าตลาดอาจมีการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลงอีกจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังคงลดลงและการที่บริษัทไม่น่าจะมีการรับรู้รายได้พิเศษจำนวนมากในไตรมาส 4/57
แนวโน้มกำไรสุทธิยังต่ำกว่าปกติอยู่มากและยังมีความเสี่ยงขาลง
นักวิเคราะห์: ธนัทเทพ จันทรกานต์, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: MAJOR คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 31.50
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2558 ขึ้น 11% เป็น 1.3 พันล้านบาท และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 26 บาทขึ้นเป็น 31.5 บาท
เราเชื่อว่าหน้าหนังทึ่โดดเด่นในปีหน้าจะช่วยหนุนยอดขายตั๋วภาพยนตร์และรายได้อาหารและเครื่องดื่มของ MAJOR ในปี 2558 ซึ่งเราคาดการณ์ไว้ที่ 6.05 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY
การปรับลดต้นทุนจะเริ่มเห็นผลในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 และคาดจะลดลง 20% ในปี 2558 ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะขยายตัวเป็น 35.8% ในปี 2558 และ 36.1% ในปี 2559
บริษัทมีแผนขยายสาขาโรงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง โดยในระยะยาวบริษัทตั้งเป้าว่าจะต้องมีโรงภาพยนตร์ 1,000 โรงในประเทศภายในสิ้นปี 2563
ถึงแม้เม็ดเงินโฆษณาทั่วทั้งอุตสาหกรรมจะหดตัว แต่เรามองว่ารายได้โฆษณาในโรงภาพยนตร์ของ MAJOR จะเติบโต 12% ในปี 2558
MPIC ซึ่งเป็นบริษัทสร้างภาพยนตร์ของ MAJOR กำลังมีการพัฒนาคุณภาพภาพยนตร์ไทยเพื่อออกฉายในต่างประเทศ เช่น ทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน และเกาหลีใต้
นักวิเคราะห์: ประสิทธิ์ สุจิรวรกุล, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์: บุญธิดา จนางคะกาญจน์