WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

SET ยังมีสิทธิผันผวนและอ่อนตัวได้ จึงแนะนำให้ทยอยซื้อช่วงหย่อน!!

 กลยุทธ์ : SET เริ่มมีจังหวะปรับพักตัวลงมาให้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นเข้าซื้อสะสม เพื่อลุ้นสภาพคล่องในตลาดที่คาดว่าจะดีขึ้นจากมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินของญี่ปุ่นและลุ้นมาตรการของ ECB ในวันนี้ แต่ FSS คาดว่าตลาดยังมีแนวโน้มผันผวนได้ ดังนั้นจึงยังเน้นรอซื้อช่วงอ่อนตัวไว้ก่อน โดยกลุ่มที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ โรงแรม ค้าปลีก โรงพยาบาล ยานยนต์ แบงก์ รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มประกันชีวิต รวมทั้งสายการบินต้นทุนต่ำ เป็นต้น


  หุ้นเด่นทางเทคนิค : CEN, TCC , CENTEL(short)
  แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET กลับมาแกว่งตัวลงอีกครั้ง แต่ก็ยังมีแรงรับให้เห็นเป็นจังหวะ ขณะที่เช้านี้ยังได้รับแรงหนุนจากการปิดบวกได้ดีของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป หลังรายงานการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่พลิกกลับมาเปิดด้านบวกได้ในเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตามกรอบการบวกขึ้นของตลาดเอเชียยังไม่ได้กว้างมากนัก และยังมีจังหวะแกว่งผันผวนให้เห็นด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็ยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวผันผวนด้วยเช่นกัน อีกทั้งค่าเงินบาทก็ยังมีทิศทางอ่อนค่าแม้ว่าจะเริ่มทรงตัวได้บ้าง ดังนั้น FSS จึงยังไม่แนะนำให้ซื้อในลักษณะไล่ราคา แต่น่ารอเลือกหุ้นเข้าซื้อในช่วงตลาดปรับตัวย้อนลงน่าจะปลอดภัยกว่า โดยคาดว่าวันนี้นักลงทุนบางส่วนยังรอติดตามผลการประชุม ECB อีกครั้ง รวมทั้งค่ำวันพรุ่งนี้(7 พ.ย.) ต้องรอลุ้นตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐด้วย
  แนวรับ 1572-1570 , 1567-1563 จุด แนวต้าน 1580-1584 , 1587-1592 จุด
  Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน US$93.1 ล้าน ไทย US$75.3 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$1.0 ล้าน และเวียดนาม US$0.3 ล้าน แต่ขายตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$89.1 ล้าน และอินโดนีเซีย US$31.2 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะยังเบาบางรอผลประชุม ECB พรุ่งนี้

 

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (+) ผลเลือกตั้งในสหรัฐฯเป็นบวกกับตลาดหุ้น ผลเลือกตั้งกลางเทอมของวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ ปรากฎว่าพรรค Republican สามารถครองเสียงข้างมากได้ทั้งในสภาสูงและสภาล่าง ในอดีตที่ผ่านมาตลาดหุ้นมักตอบรับเชิงบวกเมื่อ Republican ชนะเพราะนโยบายที่เป็นมิตรต่อการทำธุรกิจมากกว่า และผ่อนปรนทั้งด้านพลังงานและภาษี นอกจากนี้ การจ้างงานภาคเอกชนเดือน ต.ค. เพิ่มแข็งแกร่ง 2.3 แสนตำแหน่ง เป็นการเพิ่มสูงกว่า 2 แสนตำแหน่งติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 เป็นปัจจัยหนุนตลาดเอเชียวันนี้
  (-) ธปท.เตรียมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจอีก วานนี้กนง.มีมติ 6:1 คงดอกเบี้ยที่ 2% ตามตลาดคาด มี 1 เสียงเห็นควรลดดอกเบี้ย 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเล็งลด GDP ปี 2014-15 ลงอีกครั้ง 25 ธ.ค. นี้หลังเศรษฐกิจ 3Q14 ฟื้นช้ากว่าคาด
  (+) BRR เริ่มเทรดวันนี้ บริษัทเป็นผู้ผลิตน้ำตาลมากเป็นอันดับ 13 ของประเทศ ด้วยกำลังการหีบอ้อย 17,000 ตันอ้อยต่อวัน มีรายได้จากการขายน้ำตาลและกาก 83% ปุ๋ย 9% และไฟฟ้า 4% มีจุดแข็งจากการเป็นผู้ผลิตน้ำตาลครบวงจร แม้มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับโรงงานน้ำตาลอื่นในตลาดหลักทรัพย์ แต่ประสิทธิการผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยโดดเด่นกว่าอุตสาหกรรม จึงไม่เคยขาดแคลนอ้อยในพื้นที่จ.บุรีรัมย์ เราคาดกำไรสุทธิปี 2015-16 โตเฉลี่ย 49% ต่อปี จากการขยายกำลังการหีบอ้อยเพิ่ม 18% และขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกเท่าตัว เริ่มรับรู้ตั้งแต่ 1Q15 ประเมินราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 8.50 บาท (PE 11 เท่า) (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ BRR)
  (+) THREL กำไรสุทธิ 3Q14 หดตัวถึง 37% Q-Q และ 55% Y-Y เพราะมีการรับประกันภัยต่อโครงการหนึ่งที่ขาดทุนและมีค่าสินไหมทดแทนจากการรับประกันชีวิตรวม 57 ล้านบาท แต่ยังเห็นแนวโน้มที่ดีของเบี้ยประกันรับซึ่งโต 17% Q-Q และ 6% Y-Y และรายได้จากเงินลงทุนโตถึง 14% Q-Q และ 67% Y-Y แนวโน้มกำไร 4Q14 น่าจะฟื้นสู่ปกติที่ 80-100 ล้านบาท เรามีแนวโน้มปรับกำไรปี 2014 ลง 20% แต่คงประมาณการปี 2015 ราคาหุ้นที่ปรับลงเป็นโอกาสในการซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 19.70 บาท
  (0) BIGC กำไรสุทธิ 3Q14 -17% Q-Q, +14% Y-Y ใกล้เคียงคาด โดยยังมียอดขายสาขาเดิมติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 อีก -1.5% Y-Y แต่เชื่อว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและค่อยๆฟื้น เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 252 บาท (DCF) แต่ราคาหุ้นเหลือ upside ต่ำกว่า 10% จึงปรับลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ
  (-) VGI การประชุมวานนี้ให้มุมมองแย่ลง เราปรับประมาณการกำไรทั้งปี 2015 (สิ้นสุด มี.ค. 2015) ลง 15% เหลือ 1.16 พันล้านบาท +1% Y-Y และปรับกำไรปี 2016 (สิ้นสุด มี.ค. 2016) ลง 12% เป็น 1.38 พันล้านบาท +20% Y-Y โดยปรับลดทั้งรายได้โฆษณาและตั้งสมมติฐานแบบ Conservative ว่าไม่มีการต่ออายุสัญญาบริหารพื้นที่โฆษณากับ Tesco Lotus ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2016 ลงเป็น 10.70 บาท จากเดิม 12 บาท (Sum-of-the-parts) คงคำแนะนำขาย

  ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกและทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวิติการณ์หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดรวมถึงการที่พรรคริพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภาหลังการเลือกตั้งกลางสมัย
  ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดปิดในแดนบวกได้ค่อนข้างแรงหลังนักลงทุนตอบรับเชิงบวกจากผลการเลือกตั้งกลางสมัยของสหรัฐฯ รวมถึงแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทเอกชนที่ดีกว่าคาด
  ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในกรอบแคบแต่ถือว่าบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างเป็นบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สดใส แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังติดตามผลการประชุม ECB ในวันนี้
  ค่าเงินบาทเมื่อวานนี้อ่อนค่าลงแรง ล่าสุดแกว่งตัวในกรอบ 32.71-32.88 บาท/ดอลลาร์
  ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. พุ่งขึ้น 1.49 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 78.68 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการจ้างงานที่สดใส
  ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงแรง 22 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,145.70 ดอลลาร์/ออนซ์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีครึ่งหลังตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้นเกิดคาดซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม

6 พ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ต.ค.), BRR เข้าตลาด (ราคา6.80 บาท)
- อินเดีย: ตลาดหุ้นปิดทำการ วัน Gurunanak Jayanti
- ยูโรโซน: ECB ประชุม
- MSCI ประกาศรายชื่อหุ้นเข้า-ออกชุดใหม่
7 พ.ย. - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ต.ค.)
8 พ.ย. - จีน: ดุลการค้า (ต.ค.)
10 พ.ย. - จีน: สินเชื่อใหม่ (ต.ค.)
11 พ.ย. - ไทย: NCL เข้าตลาด (ราคา 1.80 บาท)
12-13 พ.ย. - ASEAN Summit
13 พ.ย. - จีน: Retail sales, Industrial production (ต.ค.)  
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
14 พ.ย. - ฮ่องกง: 3Q14 GDP
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept.   Tel: 02-646-9967, 02-646-9852

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!