WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
   (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +100.69, NASDAQ -2.91, S&P +11.47, FTSE +85.17, CAC +78.23 และ DAX +149.01 โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นหลังจากพรรครีพับลิกันสามารถควบคุมเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา ซึ่งนักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการออกนโยบายที่จะเอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและพลังงานมากขึ้น ในขณะที่สหรัฐประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ดังนี้ (1) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 230,000 ตำแหน่ง สูงกว่าคาด (2) ดัชนี PMI ภาคบริการลดลงสู่ 57.1 แย่กว่าคาด ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการประกาศผลการดำเนินงานของบางบริษัทที่ออกมาดีเกินคาด
  …..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$1.49 อยู่ที่ US$78.68 ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
  ....ทางด้านราคาทองคำ ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$22.0 อยู่ที่ US$1,145.7 ต่อออนซ์ จากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว ลดความต้องการลงทุนในทองคำ
   (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +2,460 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -17,269 ล้านบาท (สิ้นปี’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)

ทิศทางตลาด
  ทิศทางตลาด : คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นตามต่างประเทศและราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้น? คาดตลาดมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากดัชนีตลาดหุ้นทั้งสหรัฐฯและยุโรปเพิ่มขึ้น ในขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมของ ECB ในวันนี้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ในขณะที่ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล คาดว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานจะฟื้นตัวได้บ้าง
  ....ทางด้านประเด็นในประเทศ กนง.ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.0% ในการประชุมเมื่อวานนี้ แต่ออกมาให้ความเห็นว่าอาจจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี ’58 ลงอีกครั้งในเดือน
ธ.ค. นี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน และได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การส่งออกยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่ยังอยู่ในช่วงการประกาศผลการดำเนินงานประจำ 3Q/57 ที่คาดยังมีแรงเก็งกำไร (+/-) ต่อเนื่องถึงกลางเดือน พ.ย. ขณะที่ภาพรวม Fund Flow ยังมีความผันผวน แรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน
  .....โดยยังแนะติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับวงเงินลงทุนกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะเวลา 8 ปี (ปี’ 58 – 65) ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะสรุปในเดือน พ.ย. หลัง (21/10/57) ครม. อนุมัติแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี ’58 – ’65 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว
  ....รวมถึงประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 2.35% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.72 อยู่ที่ 14.17
หุ้นแนะนำ : BBL

ประเด็นที่ต้องติดตาม (6 – 7 พย.’57)
   6/11/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประชุม ECB – คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.05 %
   7/11/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - ตค.

นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ 02-684-8789

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!