WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
   (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +69.94, NASDAQ +17.75, S&P +7.64, FTSE +12.01, CAC +19.26 และ DAX +61.93 โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ จากการส่งสัญญาณจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ว่าจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มากขึ้นหากมีความจำเป็น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มยูโร ในขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลงดีเกินคาดสู่ระดับ 278,000 ราย ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน หลังจากสภาบริหารของ ECB มีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ในการใช้เครื่องมือพิเศษในการกระตุ้นเศรษฐกิจหากมีความจำเป็น
  …..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$0.77 อยู่ที่ US$77.91 ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และภาวะอุปทานส่วนเกิน
  ....ทางด้านราคาทองคำ ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$3.1 อยู่ที่ US$1,142.6 ต่อออนซ์ จากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว ลดความต้องการลงทุนในทองคำ
   (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +286 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -16,983 ล้านบาท (สิ้นปี’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)

ทิศทางตลาด
  ทิศทางตลาด : คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นตามต่างประเทศ? คาดตลาดมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากดัชนีตลาดหุ้นทั้งสหรัฐฯและยุโรปเพิ่มขึ้น ตอบรับผลการประชุมของ ECB ว่าคณะกรรมการพร้อมที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกหากมีความจำเป็น ในขณะที่ล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบยังคงทรงตัวอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งยังคงอยู่ในระดับต่ำ
  ....ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีประเด็นใหม่ โดยตลาดยังคงจับตาแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วง 4Q/57 ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ ในขณะที่บางหน่วยงานอาจจะมีการปรับประมาณการ GDP ของไทยในปี 58 ลงอีก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน และได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การส่งออกยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่ยังอยู่ในช่วงการประกาศผลการดำเนินงานประจำ 3Q/57 ที่คาดยังมีแรงเก็งกำไร (+/-) ต่อเนื่องถึงกลางเดือน พ.ย. ขณะที่ภาพรวม Fund Flow ยังมีความผันผวน แรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน
  .....โดยยังแนะติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับวงเงินลงทุนกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะเวลา 8 ปี (ปี’ 58 – 65) ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะสรุปในเดือน พ.ย. หลัง (21/10/57) ครม. อนุมัติแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ในปี ’58 – ’65 เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า การขยายถนน และการขยายสนามบินฯ เป็นต้น เพื่อช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเพิ่มศักยภาพของประเทศ ให้รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งคาดกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับผลดีต่อเนื่องในระยะยาว
  ....รวมถึงประเด็นการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังมีการยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหมอชิต – คูคต เมื่อ 30/9/57 ซึ่งมีผู้ยื่นซองทั้งหมด 4 ราย (ITD, CK, STEC และ UNIQ) คาดใช้ระยะเวลา 1 – 3 เดือน ทราบผลการประมูล คาดอย่างเร็วคาดสามารถลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างในช่วง 1H/58
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 2.38% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.50 อยู่ที่ 13.67

หุ้นแนะนำ : PTT
ประเด็นที่ต้องติดตาม (7 พย.’57)
   7/11/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - ตค.

นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ 02-684-8789 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!