WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เคเคเทรด : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

SET จะแกว่งตัวแถว 1590 จุด
SET View
    แนวโน้มSETจะแกว่งตัวกรอบแคบ1585-1595จุด สร้างฐานเพื่อเตรียมขึ้นทดสอบ 1600 จุดในระยะต่อไป(1) นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิต่อเนื่องสองวันกว่า 4.3 พันล้านบาท ยืนยันมุมมองเชิงบวกต่อเม็ดเงิน LTF ที่รอเข้าตลาดในช่วงที่เหลือของปี(2) ควันหลงจากจีนและยุโรปออกมาตรการการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลต่อคาดการณ์เชิงบวกต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจและเงินไหลเข้าในภูมิภาค (3) ราคาน้ำมันดิบ Brentเริ่มทรงตัวแถวUS$78 ต่อบาร์เรล จากคาดการณ์เชิงบวกต่อผลการประชุม OPECวันที่ 27 พ.ย. และจะทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานเริ่มผันผวนไร้ทิศทางและ (4) ทางเทคนิค สามารถปิดเหนือdowntrend lineบริเวณ 1580 จุดเมื่อวาน เป็นสัญญาณขึ้นระยะสั้นมีเป้าหมายถัดไปบริเวณ 1600 จุด


กลยุทธ์การลงทุน ระยะ 1-2 วัน หาจังหวะลงทุนระยะสั้น หรือซื้อเมื่ออ่อนตัว เพื่อไปรอขายช่วงที่ SET รีบาวน์ไปแถว 1600 จุด +/-หรือเริ่มขายหุ้นบางส่วนที่ขึ้นมาแรง
1)Top Daily Pick :GFPT (คาดผลประกอบการ 4Q57 จะได้ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบในสต๊อกที่ปรับตัวลง และยังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 58 จากความต้องการในตลาดส่งอออกที่ยังคงเพิ่มสูงโดยเฉพาะจากญี่ปุ่น)LPN (คาดผลประกอบการ 4Q57 จะเป็นระดับสูงสุดของปีจากงานในมือรอรับรู้รายได้ราว 4 พันล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการปี 58 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากงานในมือรอรับรู้รายได้กว่า 1.6 หมื่นล้านบาท รวม 90% ของประมาณการทั้งปี
2)Technical Pick:DEMCO JAS INTUCH STEC BCP
3)Theme Play : กลุ่มรับเหมาฯ (CK ITD SEAFCO STEC) ได้ประโยชน์จากงานประมูลโครงการโครงสร้างฟื้นฐานที่จะมีความคืบหน้าในช่วงที่เหลือของปีนี้ หุ้นกลุ่มนำตลาดที่คาดผลประกอบการ 4Q57 เติบโตต่อเนื่องหรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ทั้งกลุ่มสื่อสาร (ADVANC INTUCH JAS THCOM SIM SAMART) พัฒนาที่อยู่อาศัย (LH SPALI AP PS)และธนาคารขนาดใหญ่ (KBANK TMB SCB KTB)


กลุ่มรับเหมาคาดจะ Outperform ตลาดถึงต้นปีหน้า
     • แผนโครงการโครงสร้างพื้นฐานภายใต้วงเงินราว 2 ล้านล้านบาทจะมีโครงการที่จะประมูลในปี 58 มูลค่าราว 3.6 แสนล้านบาท โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆจะเป็นสัดส่วนมากสุดคือราว 2.5 แสนล้านบาท (70% ของงบทั้งปี)ขณะที่งบโครงการรถไฟรางคู่จะน้อยกว่าคิดเป็นราว 7.4หมื่นล้านบาท (20%)
•ข่าวล่าสุดเริ่มเห็นแผนที่ชัดเจนมากขึ้นที่รัฐบาลจะใช้วิธีร่วมลงทุนรถไฟรางคู่กับจีนในลักษณะที่ไทยจะลงทุนน้อยกว่า(80:20 หรือใกล้เคียง)ส่วนรูปแบบยังไม่ชัดเจนอยู่ระหว่างการตัดสินใจของรมต.กระทรวงคมนาคมและจะมีการพิจารณาสัญญา MOU กับจีนวันนี้ (25 พ.ย.)นอกจากนี้ยังมีแผนรถไฟรางคู่สายใหม่ที่เชื่อมตะวันออกตะวันตก (ตาก-มุกดาหาร)ที่ทางรัฐบาลจะเดินทางไปเจรจากับญี่ปุ่นที่แสดงความสนใจจะลงทุนในเดือน ธ.ค. นี้
      •เรามองว่า แผนรถไฟรางคู่ทั้งจากการร่วมทุนกับจีนและญี่ปุ่นจะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศช่วยเร่งการลงทุนในประเทศ สำหรับแผนร่วมทุนกับจีนประมาณมูลค่าทั้งโครงการราว 4 แสนล้านบาทหากใช้เวลาก่อสร้างราว 4-5 ปี หากเจรจาสำเร็จจะมีงบลงทุนจากจีนเกือบปีละ 1 แสนล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของงบลงทุนจากรัฐบาลไทยนอกจากหุ้นกลุ่มรับเหมาจะได้ประโยชน์ทั้งจากการเข้าร่วมทุนทางตรงหรือได้งานในลักษณะ subcontract แล้วยังจะมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยโดยรวมอีกด้วย
    •นอกจากนี้ความคืบหน้าต่างๆเกี่ยวกับโครงการที่จะทยอยประกาศออกมาเป็นระยะจากนี้ไปจนถึง 1Q58 ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าการลงทุน แหล่งเงินทุน ลักษณะการให้เข้าประมูล/ร่วมทุน จะเป็นปัจจัยบวกด้านจิตวิทยาต่อกลุ่มรับเหมาโดยรวม อย่างไรก็ตามการลงทุนระยะสั้น เราแนะนำเน้นหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์โดยตรงจากโครงการรถไฟฟ้าที่คาดว่ามีความพร้อมต่อการเปิดประมูลมากที่สุดโดยหุ้นที่น่าสนใจสุดได้แก่ CKSTEC SEAFCO
     •CK (ซื้อ / มูลค่าที่เหมาะสม 31.2 บาท)มีจุดเด่นจากการเป็นหนึ่งในผู้นำของกลุ่มรับเหมามีโอกาสรับงานภาครัฐขนาดใหญ่อีกทั้งมีบริษัทย่อยมีผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง (TTW BMCL BECL CKP) คาดงานในมือปีนี้สูงถึงราว 9 หมื่นล้านบาทปัจจุบันยังมี Upside สูงในกลุ่มรับเหมา
     •SEAFCO (ซื้อ / มูลค่าที่เหมาะสม 6.7 บาท)เป็นบริษัทสร้างฐานรากในประเทศไม่กี่รายแต่จำเป็นต่อการก่อสร้างอาคารสูงและรถไฟฟ้าซึ่งมีโอกาสโตต่อเนื่องจากการลงทุนและก่อสร้างภาครัฐ โดยงานฐานรากมีอัตรากำไรสูงกว่าบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่แต่ราคาSEAFCO ซื้อขายที่ Multiple ถูกกว่า แม้ราคาเกินมูลค่าเหมาะสม แต่ยังมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการและมูลค่าเหมาะสมในระยะต่อไป
     •STEC (เก็งกำไร / มูลค่าที่เหมาะสม 27.4 บาท)เป็นอีกบริษัทที่มีศักยภาพในการรับงานขนาดใหญ่จากภาครัฐ มีจุดเด่นที่สามารถควบคุมอัตรากำไรได้ดีในกลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่ด้วยกัน ปัจจุบันมีงานในมือสูงจากงานรถไฟสีต่างๆและงานก่อสร้างถนน

Smart Port Note
     SST วานนี้บวก 6.96% โดยจะซื้อ-ขายในบัญชี Cash balance จนถึงวันศุกร์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้าย ประกอบกับ 3Q57 พลิกกลับมามีกำไร 413 ล้านบาท โดย ณ.ราคาปัจจุบันซื้อ-ขายที่ P/E 4 ไตรมาสย้อนหลัง (trailing PE) เพียง 22 เท่าส่งผลให้ SST ลดโอกาสในการกลับไปติดเกณฑ์ cash balance อีกครั้งในสัปดาห์หน้าสูง


    Beta ของพอร์ตลงทุนแสดงถึงความเสี่ยงของหุ้นในพอร์ตเทียบกับ ตลาด SET หากค่า Beta สูงกว่าหนึ่งเท่า แสดงถึงความเสี่ยงของ พอร์ตลงทุนที่สูงกว่า SET
Growth Port มีค่า Beta เท่ากับ 1.08
Trading Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.93
Dividend Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.78
Quant Port มีค่า Beta เท่ากับ 0.48

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!