WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดลบ 5.91 จุด ปิดที่ 1,593.91 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 46,832 ล้านบาท จากแรงขายหุ้นกลุ่มน้ำมันเป็นสำคัญ
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 อีก 1,131 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 5 อีก 757 สัญญา แม้ตลาดตราสารหนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 457 ล้านบาท ภาพรวมเงินทุนต่างชาติเป็นกลางถึงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในมุมมองของเรา

ปัจจัยสำคัญวันนี้
•ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค.ของไทยส่งสัญญาณฟื้นตัวเด่น ไม่ว่าจะเป็นรายได้เกษตรกร, ผลผลิตภาคอุตฯ, จำนวนนักท่องเที่ยว หรือ ภาคการส่งออก เป็นบวกต่อปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและการลงทุนในโค้งสุดท้ายของปี 2557
•ติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของไทยในวันนี้ Bloomberg consensus คาด 1.3% yoy ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า 1.48% yoy และแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง
•ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง เป็นบวกต่อปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจในเอเชีย และเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางในเอเชียผ่อนคลายนโยบายการเงินได้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
•ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน เดือนพ.ย. อยู่ที่ 50.3 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 50.5 จุดและลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 50.8 จุด

มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” ต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 แม้ว่ากลุ่มพลังงานจะยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ แต่ประเด็นนี้ กลับเป็นบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Domestic Play อย่างกลุ่มธนาคาร, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รวมถึงกลุ่มที่อยู่อาศัย นอกเหนือจากกลุ่มท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสายการบิน ทำให้เราเชื่อว่า SET INDEX ในระลอกนี้จะไต่ระดับขึ้นทดสอบและปิดยืนเหนือ 1,600 จุด ภายในสัปดาห์นี้
เราให้แนะนำให้นักลงทุนติดตามการประชุม ECB ในวันที่ 4 ธ.ค. หาก ECB ส่งสัญญาณเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสมาชิกในต้นปีหน้า จะกลายเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และเปิดโอกาสทำ Euro Carry Trade มากยิ่งขึ้น หากเป็นไปตามนี้ หุ้น Big Cap จะกลายเป็นเป้าหมายของเงินทุนต่างชาติในรอบนี้

กลยุทธ์การลงทุน
เราแนะนำให้ “เก็งกำไรต่อหุ้นขนาดกลาง – ใหญ่ ที่ผลการดำเนินงานใน 4Q57 เติบโตเด่น และมีแนวโน้มเป็นบวกต่อเนื่องในปีหน้า” เป็นทางเลือกของการเก็งกำไร
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEAUTY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ CK/ LPN/ VGI/ PTT/ KTB
Speculative Buy: ITD /TPIPL

Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.ITD : ราคาปิด 7.60 บาท ราคาเหมาะสม 8.50 บาท
a)MBKET มีมุมมองเชิงบวกหลัง EGCO ประกาศแผนร่วมทุนกับ ITD เพื่อลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าทวาย โดย EGCO และ ITD จะถือหุ้นในสัดส่วน 70 : 30 โดยเฟสแรกจะลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 100 MW และเพิ่มเป็น 300 MW ภายในปี 2559
b)ดังนั้น ITD จะได้ประโยชน์ถึง 2 ทาง ได้แก่ ค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าราว 1.8 หมื่นล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรในสัดส่วน 30% จากธุรกิจโรงไฟฟ้าซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวอย่างมั่นคง และคาดว่า ITD จะไม่ต้องจ่ายเงินสดในการลงทุน เนื่องจากจะใช้การโอนสิทธิที่ ITD ลงทุนพัฒนาโครงการทวายไปแล้วก่อนหน้าราว 6 พันล้านบาท เพื่อเปลี่ยนเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวแทน
c)มี Upside Risk ที่มีนัยสำคัญ จากโครงการเหมืองโปรแตซภายใต้บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โอแตซ คอร์ปอเรชั่น (APPC) ที่ ITD ถือหุ้น 90% และรัฐบาลถือหุ้น 10% สูงถึง 13 บาทต่อหุ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอประทานบัตรเหมืองที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในต้นปี 2558
d)คาดกำไรปกติปี 2558 เติบโต +56.9% yoy เป็น 904 ล้านบาท และการประมูลงานก่อสร้างขนาดใหญ่จะเป็น Catalyst ต่อเนื่องกับราคาหุ้นในปี 2558 ราคาเหมาะสมใหม่ 8.50 บาท (เดิม 7.00 บาท)
2.TPIPL : ราคาปิด 1.87 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
a)MBKET เชื่อว่าหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง เนื่องจากจะส่งผลให้ต้นทุนในการผลิต และค่าขนส่ง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 10-15% ของต้นทุนรวมลดลง
b)คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของธุรกิจปูนซีเมนต์ในปี 2558 ที่คาดว่าจะเติบโตสูง จากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ
c)และการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าใหม่จำนวน 90 MW เป็น 144 MW ใน 2H57 จะเป็นปัจจัยหนุนให้กำไรปกติปี 2558 เติบโต +98.9% yoy เป็น 2,143 ล้านบาท และต่อเนื่อง +79.0% yoy เป็น 3,836 ล้านบาท ในปี 2559
d)Valuation ยังถูก โดยซื้อขายใกล้เคียงกับ Adjusted BV ที่ 1.90 บาทหุ้น เทียบกับ SCC และ SCCC ที่ซื้อขาย P/BV 2558 ที่ 2.8 และ 4.3 เท่าตามลำดับ และฐานะการเงินแข็งแกร่งโดยมี Net DE เพียง 0.4 เท่า

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9 อีก US$241 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง US$682 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทยเด่น
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 201.3 232.8 14,496.1 9,188.0
KOSPI n.a n.a 7,647.7 4,875.1
JSE 2.4 45.5 4,400.4 -1,806.4
PSE 10.8 406.9 1,384.4 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -8.3 -9.3 131.9 263.2
SET INDEX 34.4 6.4 -248.4 -6,210.5

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 6 อีก 1,131 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ซื้อสุทธิ 4,226 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิลดลงเล็กน้อย เหลือ 9,698 ล้านบาท
และ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 757 สัญญา รวม 5 วันทำการ Long สุทธิ 24,505 สัญญา เทียบกับ 4 วันก่อนหน้าที่ Short สุทธิรวม 10,780 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Short และกลับมามีสถานะ Long สุทธิในส่วนที่เหลือ ส่งผลให้ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 6 แคบลงเหลือ 2.14 จุด จากวันก่อนหน้า Premium กว้างถึง 5.00 จุด
ด้านตลาด Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 250 สัญญา รวม 3 วันทำการ Short สุทธิ 459 สัญญา เทียบกับ 12 วันทำการ Long สุทธิไปทั้งสิ้น 8,151 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้เพียงบางส่วน แม้ว่าราคาทองคำจะปรับฐานลงทดสอบแนว US$1,180/ounce ก็ตาม
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 457 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 930 ล้านบาท เนื่องจากราคาพันธบัตรไทยขยับขึ้นต่อเนื่อง อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันที่ 3 อีก 0.95bps ปิดที่ 2.995%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 460 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 352 ล้านบาท

วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,131 +211
SET50 Index Futures (สัญญา) +757 +355
SSF (สัญญา) +1,848 +1,032
Metal Futures (สัญญา) -250 -15
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -457 -473


NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิ เป็นวันที่ 23 ลักษณะ Basket Orders
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTTEP 146.83 4.08% 137.31
PTT 135.34 5.41% 382.00
AOT 25.05 2.88% 278.32
ITD 22.91 2.40% 7.50
CENTEL 17.93 13.14% 35.86

การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิมากถึง 2,206 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 921 ล้านบาท รวม 23 วันทำการ NVDR ซื้อสุทธิ 28,265 ล้านบาท ภาพการลงทุน NVDR สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 เป็น 710 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 270 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 481 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 323 ล้านบาท กลุ่มปิโตรเคมีซื้อสุทธิ 126 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 64 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ ขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 15 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 125 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
SCB 386.72 19.21 INTUCH -58.46 23.61
AOT 283.36 19.99 SPCG -57.98 21.15
PTT 161.27 7.25 DTAC -57.13 23.28
KBANK 126.35 34.87 GLOW -37.96 44.81
PTTGC 115.77 19.45 TMB -34.79 8.97

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!