WORLD7

BANPU2024

smed PIONEER 720x100

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

SET มีลุ้นใกล้จะดีดกลับเป็นบวก แต่ยังต้องระวังผันผวนอยู่ด้วย...

  กลยุทธ์ : SET ปรับตัวลงรุนแรงทำให้มีลุ้นโอกาสรีบาวด์กลับได้บ้าง แต่ก็ยังต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนอยู่ ดังนั้นเรายังแนะนำให้เลือกหุ้นทยอยซื้อในช่วงลบดีกว่า โดยถ้าเป็นเทรดดิ้งสั้นตามรอบก็แบ่งส่วนขายทำกำไรช่วงบวกบ้างเพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาด แต่ถ้าเป็นส่วนถือลงทุน เรายังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : QH, CK , BTS(buy back)
  แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET ปรับตัวลงรุนแรงมากขึ้นอีกในภาคบ่าย หลังจากสัปดาห์ก่อนดัชนีปรับตัวลงมาแรงพอควรแล้ว จากการร่วงลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงขายในลักษณะของการบังคับขายในบัญชีมาร์จิ้น (Force sell) ออกมากดดันเพิ่มเติม รวมทั้งข่าวลือในประเทศที่กดดันอีกแรง อย่างไรก็ตามข่าวลือต่างๆ ยังไม่ได้มีมูลความจริง รวมทั้งแรงขาย Force sell ก็น่าจะเบาลง จึงทำให้ FSS คาดว่าแรงกดดันข้างต้นน่าจะผ่อนคลายลงบ้างในวันนี้ อย่างไรก็ตามเช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศยังไม่สดใสนัก โดยตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยังปิดลบแรงจากเรื่องของราคาน้ำมัน และทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เปิดเป็นลบต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ดังนั้นแม้ว่า FSS ยังคาดว่าแรงซื้อจากเม็ดเงินใหม่ของกองทุน LTF, RMF ช่วงท้ายปีจะมีเข้ามาช่วยหนุนตลาดได้ในช่วงถัดไป โดยเฉพาะในช่วง 18-21 ธ.ค. ที่จะมีงาน “มหกรรมมีใช้ตอนแก่ด้วย LTF-RMF” จัดโดย ตลท. แต่ก็ยังต้องระวังการแกว่งผันผวนของตลาดหุ้นไทยอยู่ โดยคาดว่านักลงทุนยังรอดูการประชุม กนง. ในวันที่ 17 ธ.ค. และติดตามถ้อยแถลงหลังการประชุมเฟดช่วง 16-17 ธ.ค.นี้อยู่
  แนวรับ 1470-1450 , 1440-1425 จุด แนวต้าน 1490-1500 , 1510-1520 จุด
  Fund Flow วานนี้ยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ในปริมาณที่หนาแน่น โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$250 ล้าน ไต้หวัน US$163.4 ล้าน ไทย US$128 ล้าน อินโดนีเซีย US$66.5 ล้าน ฟิลิปปินส์ US$22.4 ล้าน และเวียดนาม US$1.6 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้ค่อนข้างนิ่ง Flow น่าจะยังไหลออกต่อแต่เบาบางรอผลประชุมเฟด 16-17 ธ.ค นี้

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (0) สถิติในอดีตที่ SET เคยปรับลงระหว่างวันแตะ 10% มีอยู่ 2 ครั้งในประวัติศาสตร์หุ้นไทยคือ 19 ธ.ค. 2006 (-142 จุด) และวันที่ 10 ต.ค. 2008 (-50 จุด) ทั้ง 2 ครั้งตลาดฟื้นกลับเร็วหลังร่วงแรงโดยใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 2 วันจึงกลับมายืนจุดเดิมก่อนจะปรับตัวไปตามเหตุการณ์หลังจากนั้น สำหรับครั้งนี้ที่สาเหตุมาจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ แม้นักวิเคราะห์ต่างชาติบางค่ายมองถึง US$40 แต่ถือว่า downside เริ่มแคบ กลุ่มที่เราเห็นว่าปลอดภัยในระยะนี้และแทบไม่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันคือกลุ่มแบงก์และสื่อสาร
  (0) คาดการประชุมกนง.พุธนี้จะคงดอกเบี้ยที่ 2% แม้จะเริ่มมีความเห็นต่างมากขึ้นให้ลดดอกเบี้ย 0.25% เพราะเศรษฐกิจฟื้นช้ากว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ทั้งการบริโภค (ที่ฟื้นตัวเฉพาะในสินค้าไม่คงทน) การลงทุน และส่งออก ขณะที่เงินเฟ้อไม่กดดัน แต่เราเชื่อว่ากนง.จะยังไม่เซอร์ไพร้ส์ตลาดในครั้งนี้ ถ้าจะมีการลดดอกเบี้ย น่าจะเป็นต้นปีหน้า อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินได้คาดการณ์ถึงโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยไปแล้ว โดยอัตราผลตอบแทนพันบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับลงอย่างรวดเร็ว 30 bps ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเหลือ 2.79% แต่ประเด็นสำคัญคือมุมมองเศรษฐกิจในปีหน้าของกนง. และอาจมีการปรับลดคาดการณ์ GDP ที่ประเมินไว้ค่อนข้างสูงคือ 1.5% ในปีนี้และ 4.8% ปีหน้า
  (0) จับตามุมมองต่อเศรษฐกิจของ Fed เราคาดว่า Fed จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินใดๆ ในการประชุม 16-17 ธ.ค. นี้หลังเพิ่งยุติ QE3 ต.ค. ที่ผ่านมา และเชื่อว่า Fed จะเริ่มปรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยเข้าสู่ระดับปกติ (Policy normalization) ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป แต่จุดสนใจในการประชุมครั้งนี้คือการเปิดเผยตัวเลขประมาณการ GDP, อัตราเงินเฟ้อ และตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นบวกมากขึ้น และจะเป็นตัวสะท้อนท่าทีของการปรับขึ้นดอกเบี้ยว่าจะช้าหรือเร็วอย่างไร
  (-) มุมมองกลุ่ม Media ปี 2015 เรายังคงน้ำหนัก Underweight จากการเติบโตของกำไรปกติที่คาดว่าจะโต 8% เป็น 8.5 พันล้านบาท แม้ว่าจะดีขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะหดตัวถึง 20% แต่ยังต่ำกว่าช่วงปี 2011-13 ที่โตเฉลี่ย 18% อยู่มาก และต่ำกว่ากำไรที่เคยทำได้เฉลี่ยปีละกว่า 9 พันล้านบาทในช่วงปี 2012-13 เนื่องจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายของทีวีดิจิตอลที่กดดัน ขณะที่อัตราค่าโฆษณาต่ำกว่าระบบฟรีทีวีเดิมอยู่มาก ซึ่งถือเป็นข้อด้อยของผู้ประกอบการเดิม แต่เป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการรายใหม่โดยเฉพาะที่มี Rating สูงขึ้นเรื่อยๆ เช่น RS, WORK ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นค่าโฆษณาในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น WORK (ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 35 บาท) เกินพื้นฐาน ส่วน RS (ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 17 บาท) ใกล้เต็มมูลค่าแต่ถ้าอ่อนตัวจะน่าสนใจ เราแนะนำหุ้นเด่นตัวเดียวคือ MAJOR (ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 31 บาท) เพราะขยายสาขาในต่างจังหวัดและควบคุมต้นทุนต่อเนื่อง รวมทั้งหนังหนังฮอลลีวูดปี 2015 ยังแข็งแกร่ง

  ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังปรับตัวลงต่ออีกราว 100 จุดจากราคาน้ำมันดิบที่ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
  ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนยังคงร่วงอย่างรุนแรงจากการเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงานอย่างต่อเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ยังร่วงลง นอกจากนี้ยังสถานการณ์จับตัวประกันในซิดนีย์เป็นอักปัจจัยกดดัน
  ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ยังคงปรับตัวลงต่อจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังเป็นลบ
  ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 32.85-33.00 บาท/ดอลลาร์
  น้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ร่วงลง 1.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.91 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่รัฐมนตรีด้านน้ำมันของ UAE กล่าวว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ OPEC จะต้องประชุมเพื่อพยุงราคาน้ำมัน
  ทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ร่วงลง 14.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,207.70 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นก่อนการประชุม FED ในวันที่ 16-17 นี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม

15 ธ.ค. - ญี่ปุ่น: 4Q14 Tankan Index
- สหรัฐ: Industrial Production (พ.ย.), NAHB Housing Market Index (ธ.ค.)
16-17 ธ.ค. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
16 ธ.ค. - จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI, ZEW Survey Expectations (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Housing starts, Building permits (พ.ย.)
17 ธ.ค. - ไทย: กนง.ประชุม (เราคาดคงดอกเบี้ยที่ 2%), ยอดขายรถ (พ.ย.)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ย.)
18 ธ.ค. - ไทย: WHART เริ่มเทรด (ราคา IPO 10 บาท)
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
19 ธ.ค. - ไทย: PSTC เริ่มเทรด (ราคา IPO 0.65 บาท)
- ญี่ปุ่น: BOJ Policy Statement
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept.   Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!